++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

วงจรเศรษฐกิจย่อยอื่น

 
   
 ผู้เขียน: Peter    
ว งจรเศรษฐกิจนั้น แย่งเป็นวงจรหลักห้าประเภทคือ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พานิชกรรม การเงิน และพลังงาน  ส่วนวงจรอื่นๆ นั้นเป็นวงจรย่อย เหตุที่ถือว่าเป็นวงจรย่อย ก็ด้วยเหตุการขับเคลื่อนของวงจรหล่านี้ ต้องอิงการเติบโตของวงจรหลักเป็นปฐม  ยกต้วอย่างเช่น วงจรอุตสหากรรมท่องเที่ยว ที่ต้องอาศัยผู้บริโภคจากวงจรหลักเป็นสำคัญ และปัจจัยของสิ่งนี้ ขึ้นอยู่กับการกินดีอยู่ดีของประชากรในแต่ละวงจรนั้นเป็นสำคัญที่จะเป็นดัชน ีชี้ว่า ประชากรเหล่านั้นจะมีศักยภาพพอที่จะมา บริโภค ( จับจ่ายใช้สอย ) ในวงจรนี้เพียงใด  นอกจากนี้เสน่ห์ของการท่องเที่ยว ก็คือการเป็นดินแดนแห่งความมั่งคั่ง มีความเจริญ มีความสงบปลอดภัย มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดใข ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องอาศัยศักยภาพจากความเข้มแข็งของวงจรหลักทั้งสิ้น  เมื่อวิเคราะห์ถึงปรชากรที่ในปัจุบันยังมีศักยภาพในการท่องเที่ยว ( คนมีฐานะดี ) กลุ่มประชากรก็ยังมีน้อย เทีบไม่ได้กับชนชั้นกลางหรือชั้นล่าง ที่ปัจจุบันมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการหดตัวของการใช้จ่าย  หรือในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องอาศัยความเข้มแข็งของวงจรหลักเช่นกัน บ้านแม้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และยังมี demand ที่สูงอยู่ในตลาด แต่ศักยภาพของประชากรในแต่ละวงจรยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโตของวงจรนี้  วงจรย่อยเหล่านี้ จึงต้องอาศัยการปรับตัวเพื่อประคับประคองตัวเองจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาในวง จรหลักให้เสร็จสิ้นก่อน ผู้ประกอบการจึงต้องช่วยตัวเองก่อน ด้วยการ down size กิจการของตัวลง ช่วยกันประคับคองทั้งผู้ประกอบการและพนักงาน ในขณะที่รัฐจะช่วยได้ก็เพียงการช่วยเยียวยาประชากรที่ได้รับผลกระทบจริงๆ  สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการที่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาสินค้าที ่เป็นธรรม ( ที่ต้องทำงานมากกว่า สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ) โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่ดิน  ต้องเข้าใจก่อนว่า ราคาที่ดินเป็นการกำหนดราคาที่ปราศจากเหตุผลและส่งผลกระทบต่อปัญหาอื่นๆ ตามมา กล่าวคือ การที่มีการกำหนดราคาที่ดินที่สูงเกินไป ทำให้เกิดปัยหาของการพยายามครอบครองที่ดินของนายทุนและนักการเมือง จนเป็นปัญหาต่อการครอบครองที่ดินของเกษตรกร และก่อให้เกิดความพยายามในการบุกรุกทำลายป่า เพื่อจะครอบครองที่ดิน  ความจริงที่ดินนั้น ราคาควรคงที่ ในอดีตการที่ที่ดินมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นมานั้น สืบเนื่องมาจากนักพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจัดสรรที่ดิน ที่ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น แม้ว่าจะมีเหตุผลของการที่ราคาที่ดินสูงขึ้น แต่การจำแนกราคาควรทำให้เด่นชัด กล่าวคือ ต้นทุนของนักพัฒนาที่ดินนั้น เริ่มต้นจากการซื้อที่ดินมาทั้งแปลง เมื่อมีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นสาธารณูปโภค ( เช่นถนน บ่อบำบัดน้ำเสีย ฯลฯ ) และมีการสร้างสาธารณูปโภค ( ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ ) ต้นทุนราคาเหล่านี้ รวมถึงดอกเบี้ยจากการลงทุนและกำไร จึงถูกนำไปเฉลี่ยเป็นต้นทุนขายของพื้นที่ที่เหลือไว้สำหรับการขาย  สิ่งนี้คือที่มาของการที่ราคาที่ดินถูกกำหนดให่สูงขึ้น แต่ไม่มีการชีแจงให้ละเอียด ทำให้มีนักค้ากำไรบางคนมาปั่นราคาที่ดินว่างเปล่า ที่ไม่มีการพัฒนา ให้สูงขึ้นโดยอิงราคาที่ดินที่มีการพัฒนาในบริเวณใกล้เคียงมาเป็นฐาน หรือการที่ราคาที่ดินในบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สำหรับประกอบธุรกิจ ที่เรียกว่ากันตามประสาชาวบ้านว่า ที่ดินทำเลค้าขาย ก็เป็นตัวกำหนดราคาที่ดินตาม หลัก demsnd และ supply  ดังนั้น จึงควรมีการกำหนดราคาที่ดินมาตรฐานให้ชัดเจนว่า ราคาที่ดินว่างเปล่า ( ไม่ได้มีการพัฒนา หรือไม่ใช่ที่ดินทำเล ) ต้องคงต่ำไว้ ( จะได้ไม่ให้เกิดความต้องการแย่งชิงที่ดินของนายทุนและนักการเมือง โดยเฉพาะในพืท้นที่เกษตรกรรม จะช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสที่จะครอบครองที่ดินเพื่อประกอบการได้มากขึ้น ) โดยการเสนอ พธบ ควยบคุมราคาที่ดิน ส่วนการปรับราคาที่ดินจากการพัฒนา หรือทำเลการค้า ก็ให้กำหนดเป็นราคาแยกต่างหากให้ชัดเจนจากราคาที่ดินเปล่า อย่าให้ความต้องการแฝง ไม่ว่าในส่วนของธนาคารที่หวังจะให้มีมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มากขึ้นเพ ื่อการปล่อยเงินกู้ ไม่ให้นายทุนเกิดความต้องการที่จะแสดงความมั่งคั่งโดยอาศัยการครอบครองที่ดิ นจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในกาบริหารจัดการที่ดิน

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listWebboard.aspx?Mbrowse=68

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น