...+

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คุณไสย์ คนเล่นของกับคาถาอาวุธพระพุทธเจ้า

คุณไสย์ คนเล่นของกับ คาถาอาวุธพระพุทธเจ้า

ถึงแม้ยุคสมัยนี้ เป็นยุควิทยาการก้าวไกล ยุคอินเตอร์เนต มีเครื่องมือสื่อสารก้าวไกล แต่เรื่องของสิ่งลี้ลับ เรื่องของไสยศาสตร์ มนต์ดำ ยังคงมีอยู่ในยุคสมัยนี้

..ถึงแม้ว่าจะหาเหตุผล และคำอธิบายทางวิชาการ ตามหลักการวิทยาศาสตร์มาอธิบายไม่ได้ ก็ตาม

ความจริง ก็มีหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์ อธิบายไม่ได้

เพราะไม่มีอะไรที่จะไม่มีข้อด้อยเลย ธรรมชาติมีความหลากหลาย วิชาความรู้ ก็ไม่ได้มีแค่ วิทยาศาสตร์อย่างเดียว ยังมีศาสตร์อื่นๆอีกมาก หนึ่งในนั้น คือ ไสยศาสตร์

"ไสยศาสตร์เหรอ... มีจริงๆเร้อ" หลายคน คงถามขึ้นมาแบบนี้

แน่นอนว่า อะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอ ก็ย่อมไม่มีใครเชื่อ เอาง่ายๆ อย่างเร่องของคนเรานี่ล่ะ แค่เรื่องง่ายๆบางเรื่อง เร่องที่ต้องใช้ความอุตสาหะพยายาม การฝึกฝน เช่น ทักษาการเล่นกีฬา บางคน ก็ยังมองว่า ไอ้คนๆนั้น เล่นกีฬาชนิดนั้นไม่ได้แน่ๆ เพราะไม่เชื่อ ไม่เคยเห็น หรือ รูปร่าง สภาพร่างกาย ไม่น่าจะเล่นกีฬาชนิดนั้นได้

... แต่เขาคนนั้น ก็เล่นได้..

คนที่ไม่เชื่อ ต้องได้เห็นจริงๆ ถึงจะเชื่อ..

เรื่องของไสยศาสตร์ ก็เช่นกัน ก็เพราะคนในยุคสมัยนี้ ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันจะจะ แล้วใครจะไปเชื่อล่ะ เพราะคนยุคใหม่สมัยนี้ อยู่แต่กับอินเตอร์เนต facebook, line ซึ่งไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นๆมากนัก นอกจาก หน้าจอและเพื่อนที่กำลังตั้งใจติดต่อ สื่อสารเล่นเกมส์ด้วย

.. คนที่มีโลกแค่หน้าจอ .. จะไปเจอเรื่องอื่น ที่ไม่ได้เห็นทางหน้าจอเล็กๆนั้น ได้ยังไงล่ะ..."

..แต่ก็มีในบางพื้นที่ในประเทศไทย ที่มีคนเล่นคุณไสย์ เล่นของ มีคาถา ปล่อยของ ออกมาเพ่นพ่าน วุ่นวาย ทำความขวัญหนีดีฝ่อ ให้กับคนที่เจอสิ่งลี้ลับแบบนี้ .. ถ้ายิ่งเป็นคนจิตอ่อน ขวัญอ่อน คงได้ขนหัวลุกแน่นอน...

มีคนที่เจอคุณไสย์ คนที่เจอก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว ไม่ได้อยากไปต่อสู้อะไรมากนัก เพราะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องคุณไสย์ เรื่องเล่นของแต่อย่างใด มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขมาตลอด แต่อีกฝ่ายนี่นิ ไม่ได้คิดแบบนั้นแน่ คนหลายคน มีความโลภ โกรธ หลง มีโมหะ มิจฉาทิฐถิ มีกิเลส มีความอิจฉาริษยา มากมาย ... หลายคนที่อยู่ของเค้าดีๆ แต่มาเจอคนที่มีความอิจฉาริษยา ก็เลยหาทางทำลายชีวิตอันสงบสุขนั้น

.. เค้าคงเป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็ได้ คุณอาจจะเคยทำให้เค้าเจ็บปวด หรือ ทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ เค้าคนนั้น คงมาเอาคืน... อันนี้ เป็นคำอธิบายส่วนหนึ่ง ของคนที่คิดตามหลักธรรมะ

เมื่อมีคนเล่นของ บุคคลที่ต้องมาเจอสิ่งลี้ลับ ก็หวาดกลัวเหมือนกัน ไม่ได้คิดที่จะต่อสู้ แต่มองหาวิธีปกป้องตนเองและครอบครัว มีอะไรที่จะช่วยปกป้องสิ่งลี้ลับได้บ้าง เมื่อไปสอบถามเพื่อนที่มีความรู้ทางด้านนี้ เขาให้คำแนะนำมาว่า ลองใช้ คาถานี้ดูสิ

"อายันตุ โภโต อิธะทานิสีละเนก ขัมมะปัญญา
สะหะวิริยะขันติสะจัง ธิฐานะเมตตุเปกขายุทายะโว
คัณณะหะถะสัพพะสะตูปาลายันติ สักกะสะวะชาราวุธัง
เวสสูวัณณัสสะคะทาวุธัง จัตตาโรวาอาวุธทานัง
เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพเพยักขา ปาลายันติ
เอตอนะมังคะละ เตเชนะ สัพพะโสภี พะวัณตุเม"

เมื่อคนที่สอบถามได้รับคาถานี้แล้ว ก็ถามว่า จะช่วยปกป้องได้ยังไง คนที่ให้พยายามอธิบายให้ฟัง แต่เขาก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะอยากฟังคำอธิบายตามหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

.."เอาเป็นว่า ใช้เป็นหลักยึด ไม่ให้ใจแตกตื่น วอกแวก ไม่ให้ใจเตลิด มีหลักในการทำดี ไม่ไปมัวเมาในสิ่งชั่ว หลงผิด เหมือนคนที่มีห้อยพระเครื่อง แต่ถ้าห้อยพระไว้ที่คอเฉยๆ แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติดี ไปหลงมัวเมาในอบายมุข สิ่งที่จะมีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองตัว ก็คงจะช่วยปกป้องไม่ได้ เมื่อมีเครื่องเตือนใจ ไม่ให้หลงไปในทางอบายมุข อะไรก็ป้องกันไม่ได้.."

"คงเหมือนการขับรถตามกฎจราจร แต่ถ้าคุณขับรถแหกกฎ ขับหวาดเสียว รถของคุณก็จะเกิดอุบัติเหตุแน่นอน หรือไม่ก็ถูกตำรวจจับ ทุกอย่างมีความสมเหตุสมผลในตัวของมันอยู่แล้ว..."

ถ้าจะให้อธิบาย เรื่องของคาถาที่ป้องกัน คนเล่นของ เล่นคุณใสย์ คงจะอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ตามหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ก็คงจะออกมาแบบนี้ล่ะ แต่ถ้าให้อธิบายตามหลักธรรมะ ตามหลักไสยศาสตร์ ก็คงจะเป็นอีกแบบนึง เรื่องคาถาอาวุธพระพุทธเจ้า สามารถที่จะสืบค้นข้อมูลจากเวบไซต์ หลายเวบ ที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้ ได้อย่างละเอียด ตรงกว่าที่อธิบายมานี้ ...

แต่ถ้าให้ อธิบายให้คนรุ่นใหม่ คนยุคนี้ พ.ศ.นี้ ฟัง ก็คงต้องอธิบาย เทียบกับ เรื่องการห้อยพระเครื่อง และเร่องการขับรถตามกฏจราจรนี่ล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น