...+

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ระวัง ปอบ กระสือ ขโมยของหน้าด้านๆที่สนามบิน

ประสบการณ์ การกลับบ้าน ... เมืองไทยของเรา...ประทับใจมากกกก...
มีเรื่องอยากเล่าตั้งแต่ กลับไทย เมื่อคราวปีใหม่ที่ผ่านมา แต่ไม่มีเวลามานั่งหน้าจอเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อน ๆ พี่น้อง ฟังซักที เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...

มีเหตุให้สองแม่ลูก ต้องเดินทางออกจาก เมืองไทย ไปทำธุระที่สิงคโปร์ สามสี่วัน ด้วย ไฟร์ท TG 413 กรุงเทพฯ-สิงค์โปร์ เวลา 11:30 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในวันเดินทางออกนอกประเทศ ที่ชั้นบนของอาคารผู้โดย สารขาออก ที่มีเจ้าหน้าที่คอยเอ็กซเรย์ สัมภาระที่ผู้โดยสารจะต้องนำติดตัวเพื่อขึ้นเครื่องนั้น ได้เกิดเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับเราสองแม่ลูก คือ เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง หน้าตา แบบที่ใส่รูปให้ดูนี่ เขาได้แอบหยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินของลูกชาย ขณะที่ลูกเดินผ่านช่องที่สแกนด์ แล้วเดินไปรอรับของที่ปลายทาง เมื่อสัมภาระของเขาจะต้องผ่านเครื่องเอ็กซเรย์

ด้วยเป็นคนช่างสังเกต และ ตาไว้ ฉันเดินตามลูกมาติด ๆ เพื่อที่จะเอาสัมภาระของตัวเองเข้าเครื่องเหมือนกัน ตาก็ดันไปเห็น นายคนนั้น หยิบเงินดอลล่าห์สิงคโปร์ ที่เพิ่งแลกมาเพื่อเอาไปใช้ มีอยู่แค่ สองใบให้ลูกติดตัวไว้ เขาหยิบเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ไปอย่างรวดเร็วมาก แบบมืออาชีพเลยทีเดียว แต่ไม่พ้นสายตาของฉัน ฉันจึงตะโกนขึ้นถามดัง ๆ ว่า “ นั่นคุณกำลังทำอะไร ” เขาขยำและกำเงินในมือแน่น ฉันจึงพูดว่า “ แบมือออกมาเดี๋ยวนี้ ” เขาหน้าถอดสี แล้ว พยายามหาทางหลีกเลี่ยง แต่ ฉันก็คาดคั้นให้เขา แบมือออกมาให้ดูจนได้ ในที่สุดดิ้นไม่หลุด จำนน ต่อหลักฐานในมือ เขาก็พูดขึ้นว่า “ ผู้โดยสารคนนั้นทำเงินตก ผมกำลังจะหยิบคืนใส่กระเป๋าให้เค้า ” ฉันก็สวนขึ้นไปทันทีว่า “ แต่ฉันเห็นคุณหยิบออกไปจากกระเป๋าสตางค์ของลูกชายฉันนะ แก้ตัวไม่ขึ้นหรอก เสียงของฉันดังพอที่ ทุกคนในบริเวณนั้นจะได้ยิน คนตรงนั้นพร้อมเจ้าหน้าที่ต่างก็หยุดดูเหตุการณ์ แต่ไม่เห็นมีใครพูดอะไร ปกติฉันก็เป็นคนพูดเสียงดังฟังชัดอยู่แล้ว นายคนนั้นรีบเดินหนี และ เราก็ต้องเดินผ่านออกไปแล้ว เรื่องจึงจบที่ฉันได้เงินคืน แต่ มันคาใจ...

ฉันได้เงินคืนก็จริง แต่มันไม่หายเจ็บใจ ทำไมขี้ขโมยอย่างนี้ เอากันซึ่ง ๆ หน้าอย่างหน้าด้าน ๆ ปล่อยไว้ คงไม่ใช่ สุรัสวดีแน่ ๆ เมื่อออกพ้นประตูไป ฉันจึง ออกไปจากห้องผู้โดยสารขาออก ไปแจ้งความที่ สน.สุวรรณภูมิ แล้วก็ต้องกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ของการบินไทย ให้ความสะดวก เพราะ กลัวจะกลับไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน ดี ที่มาก่อนเวลาเครื่องออกถึงสองชั่วโมง

ร้อยเวร สารวัตรสอบสวนที่ สน.สุวรรณภูมิ ที่เข้าเวรในวันนั้น คือ ร.ต.ท.ไพศาล วีรกิจพานิช รับแจ้งเหตุ และ ลงบันทึกประจำวันเสร็จ ก็อนุญาตให้ฉันรีบกลับไปขึ้นเครื่องให้ทันเที่ยวบินที่จองไว้ และ สัญญาว่าจะรวบรวมหลักฐานและข้อมูล เพื่อจัดการกับแก็งค์มิจฉาชีพในคราบเจ้าหน้าที่ของการท่าต่อไป

เมื่อกลับเข้าไปใหม่ ฉันจงใจที่จะเดินไปเข้าแถว ที่ผู้ชายคนนี้ยืนทำงานอยู่ น่าแปลกใจตรงที่พวกเจ้าหน้าที่ด้วยกัน ตรงนั้น หรือ เจ้านายของพวกเขา ไม่มีใครแสดงอาการอะไรเลย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการสอบถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือ มีอะไรให้ช่วยไม๊... ไม่มีเลย เหมือนว่า พอเห็นเราสองแม่ลูก กลับเข้ามาอีกครั้ง และ ตั้งใจเดินตรงไปที่ผู้ชายคนนี้อีก เขาก็สะกิดกันให้คนนี้หลบไปทำงานที่ช่องทางอื่น ฉันก็เลยบอกให้ลูกถ่ายรูปเขาไว้ ฉันไม่ปล่อยคนแบบนี้ให้ลอยนวล แน่ ๆ คนพวกนี้ ทำงานกันเป็นกระบวนการ เป็นทีม คือ ขโมยแล้วเอามาแบ่งกันในกลุ่มของคนทำงานตรงนั้นหรือเปล่า ความรู้สึก มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นะ เค้าเล่นกันเป็นทีมแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น จะเดินลอยหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร...

ตอนที่ไปแจ้งความและเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง ตำรวจก็บอกว่า ทำอะไรไม่ได้หรอกครับส่วนมากผู้โดยสารไม่รู้ตัว แล้วก็ ผ่านไป เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว อย่ากรณีแบบนี้ ถ้าเอาเรื่องเขาถูกจับ คุณก็ต้องกลับมาเพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา เงินไม่มากมายอะไร ส่วนมาก็ปล่อยผ่าน เสียเงินค่าตั๋วเครื่องบิน กลับมาขึ้นศาลเพื่อชี้ตัวมันก็ไม่คุ้ม ใครจะทำ

นี่เราจะทำอะไรกับ พวกปอบ กระสือ ที่เบียดเบียนคนอื่น ขโมยของคนอื่นอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่ได้เลยเหรอเนี่ย เรา ทำได้แค่ เอารูปเขามาลงเพื่อให้คนอื่นรับรู้ แค่นั้นเองหรือ อย่างว่าแหละ ตีหมา ยังต้องดูเจ้าของ แล้วนี่ มาเฟียสนามบินพวกนี้ ใครจะไปทำอะไรมันได้ นอกจาก ระวังตัว ระวังกระเป๋าเงิน หรือ สิ่งของที่มีค่า ของเราเองให้ดี ไม่อย่างนั้น ทั้ง ปอบ ทั้งกระสือ กระหังแถว สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทยของเรา มันก็ คงทำการ ขโมย ๆๆๆๆ เอาของ ของคนอื่นมาเป็นของตัวเองอย่างหน้าด้าน ๆ แถมแก้ตัว แถไปอย่างน้ำขุ่น ๆ ว่า เค้าทำเงินตก กระเป๋าเงิน แบบพับ ของผู้ชาย หนีบเงินเอาไว้ วางไว้เฉย ๆ ในกะบะ เพื่อส่งเข้าเอ็กซเรย์ มันจะหล่นออกมาเองได้อย่างไร ขนาดเอาออกมาเขย่า ๆ สลัด ๆ ยังไงก็ไม่หล่น ...วิธีที่ฉันจะตอบโต้ได้ ก็คือ บอกต่อให้สังคมได้รับรู้ดีกว่า แล้วทุกคนก็จะได้ระวังตัวกันด้วย

ฉะนั้น ใครที่เดินทางกลับเมืองไทยหรือ ใครที่ต้องออกไปต่างประเทศ โปรดระวัง ปอบตัวนี้ให้ดีนะคะ....มันจะล้วงเงินในกระเป๋าของคุณ ถ้าเก็บไม่ดี หวานมันแหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น