...+

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

"ปลูกสติกลางใจ"

"ปลูกสติกลางใจ"

"... ถ้าจะวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก็วัดจากตรงนี้แหละ! ว่าเรารู้ตัวได้ไวขึ้นไหม ระลึกได้ไวขึ้นไหม ไม่ใช่ไปดูว่ามันฟุ้งซ่านมาก หรือน้อย ..บางคนไปคิดว่า ถ้าฟุ้งน้อย คิดน้อย หรือว่าไม่คิดเลยยิ่งดี อันนั้นไม่ใช่ ถึงแม้จะคิดเยอะ แต่ถ้ารู้ตัวได้ไว นั่นแหละ!สำคัญกว่า

ไม่มีความคิดเกิดขึ้นเลยระหว่างปฏิบัติบางทีก็ไม่ดีนะ เพราะเท่ากับว่าไม่มีเครื่องฝึกสติให้ว่องไวเข้มแข็ง สติเราต้องมีคู่ซ้อม และต้องเป็นคู่ซ้อมที่พอฟัดพอเหวี่ยง ถ้าคู่ซ้อมมีกำลังมากไปก็ไม่ไหว สติโดนซัดหมอบทุกที

..อย่างเช่น ผู้ปฏิบัติใหม่ๆ จะไปเจริญสติท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม สิ่งล่อเร้าเย้ายวนมากมาย สติก็จะโตได้ยาก เพราะว่าคู่ซ้อมมีกำลังเข้มแข็งมาก เราต้องมาเจริญสติในที่ซึ่งสงบสักหน่อย ไม่ให้มีเสียงรบกวนมาก

ขณะเดียวกันก็มีการกำหนดไม่ให้พูดคุยกันมาก เราก็มักเอาเรื่องที่คุยนั้นไปปรุงแต่ง ปรุงแต่งจนกระทั่งสติสู้ไม่ไหว ดังนั้นเราจึงต้องสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้ใจไม่ฟุ้งซ่านมากเกินไป เพื่อให้สติสู้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงได้

..แต่ถ้าสติไม่มีคู่ซ้อมเลย มันก็ไม่โตไม่เข้มแข็งเหมือนกับนักเรียนที่ไม่มีการบ้านทำ แล้วนักเรียนจะฉลาดได้อย่างไร นักเรียนต้องทำการบ้านอยู่บ่อยๆ แล้วการบ้านก็ต้องไม่ง่ายหรือยากเกินไป ทำผิดทำพลาดก็ได้ไม่เป็นไร ถือเป็นบทเรียน

คนเรามีปัญญา เพราะทำการบ้านบ่อยๆ บางทีก็ทำผิด แต่บทเรียนที่ได้ก็ทำให้เกิดปัญญา ไม่ใช่ว่าต้องทำการบ้านถูกทุกข้อจึงจะเกิดปัญญา ทำผิดก็ช่วยให้เกิดปัญญาได้ ถ้ารู้ว่าผิดเพราะอะไร ความผิดพลาดบางทีก็ทำให้เราเติบโตได้มากกว่าความสำเร็จด้วยซ้ำ

..เพราะฉะนั้น จะฟุ้งซ่านแค่ไหนก็อย่าไปโมโหตัวเอง อย่าไปรำคาญหรืองุดหงิดตัวเอง เด็กเล็กๆ เขาต้องล้มบ่อยๆถึงจะเดินเป็น ข้อสำคัญคืออย่าท้อถอย และอย่างเร่งรีบก็แล้วกัน ต้องรู้จักคอย หรือให้เวลากับตัวเองบ้าง ..."

********************************************
พระไพศาล วิสาโล
จากหนังสือ ปลูกสติกลางใจ หน้า ๓๙ - ๔๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น