...+

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

บะหมี่สอนใจ

บะหมี่สอนใจ

ตอนยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผมเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัว มีอะไรที่เป็นของดีๆ ผมก็
คิดถึงแต่ตัวผมเพียงผู้เดียว ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ผลปรากฎว่าเพื่อนฝูงห่างหายไปจากผม ทีละคน ทีละคน กับเรื่องนี้แล้ว ผมกลุ้มใจมาก บ่อยครั้งที่ตำหนิผู้อื่นลับหลัง!!

คืนวันหนึ่ง คุณพ่อทำบะหมี่มาสองชาม ชามหนึ่งบนบะหมี่มีไข่อยู่ใบหนึ่ง ส่วนอีกชามหนึ่ง เมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย
คุณพ่อถามผมว่า
" ลูกจะกินชามไหน ?"
เวลานั้น ไข่ไก่เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก หากไม่ตรงกับวันตรุษหรือวันเทศกาลแล้ว ยากนักที่จะได้กิน ผมย่อมไม่ละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไป ฉะนั้นผมไม่ลังเลเลย ที่จะเลือกชามที่เห็นมีไข่อยู่ด้านบนบะหมี่  แท้จริงแล้ว สิ่งที่ผมได้เลือกมันคือความผิดพลาด ในยามที่ผมกำลังหลงดีใจกินไข่ใบนั้นอยู่ ผมประหลาดใจที่เห็นว่า ในก้นชามบะหมี่ของคุณพ่อ
นั้น ซ่อนไข่ไว้สองใบ ผมเสียใจมาก และโกรธตัวเองที่ใจร้อนเกินไป รีบ
เลือกโดยไม่ทันได้คิด

คืนวันที่สองคุณพ่อทำบะหมี่มาสองชามอีก ยังคงเหมื่อนเดิม ชามหนึ่งด้านบนเห็นมีไข่ใบหนึ่งวางอยู่ส่วนอีกชามดูไปแล้วไม่มีอะไร คุณพ่อให้ผมเลือกก่อน ครั้งนี้ผมฉลาดขึ้นแล้ว เลือกชามที่ด้านบนไม่มีไข่ คุณพ่อได้แต่จ้องมองฉัน ไม่พูดไม่จาสักคำ
ผมรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา เขี่ยบะหมี่ให้แยกออก ผมคิดแต่เพียงว่า ข้างใต้บะหมี่ต้องซ่อนไว้ด้วยไข่ไก่สองใบ แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง ก้นชามนอกจากน้ำซุปแล้ว อะไรก็ไม่มี
ยามนี้ คุณพ่อได้บอกผมว่า
" ลูกเอ๋ย...ลูกต้องจำไว้ว่า อย่าเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่ผ่านมาให้มากนัก เพราะว่า ชีวิตบางครั้งก็หลอกลวงเรา ทว่า ลูกอย่าเพิ่งโมโห และไม่ต้องเศร้าใจ ทั้งหมดนี้ ให้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งลูกไม่สามารถเรียนรู้จากหนังสือได้

คืนวันที่สาม คุณพ่อทำบะหมี่เช่นเดิมอีกสองชาม ยังคงเป็นชามหนึ่งด้านบนมีไข่หนึ่งใบ ส่วนอีกชามมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย คุณพ่อให้ผมเลือกก่อนเช่นเดิม ครั้งนี้ผมจะไม่เลือกอย่างผลีผลามอีกแล้ว แต่บอกกับคุณพ่อจากใจจริงว่า
" คุณพ่อ ท่านเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งได้เสียสละให้แก่ผมและครอบครัวมากมาย ให้คุณพ่อเลือกก่อนเถอะ "
คุณพ่อไม่ได้ปฏิเสธ เลือกชามที่มีไข่อยู่ด้านบนโดยไม่ลังเล
ผมเดาว่า อีกชามที่เหลือต้องไม่มีไข่แน่ๆ แต่นอกเหนือการคาดเดา ผมโชคดีมาก ที่ก้นชามมีไข่อยู่ตั้งสองใบ คุณพ่อเงยหน้าขึ้น ในนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู ท่านบอกผมอย่างราบเรียบว่า
"ลูกเอ๋ย ! ลูกต้องจำให้มั่น ยามที่ลูกคิดเพื่อคนอื่นแล้ว ความโชคดีก็จะเข้ามาหาตัวลูกเอง "

คำพูดของคุณพ่อ ทำให้ผมละอายใจยิ่งนัก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมนำคำสอนนี้มาเป็นเกณฑ์ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าต่อผู้คนหรือต่อหน้าที่การงาน สิ่งแรกที่ผมนึกคิดได้ก่อนอื่นใด ก็คือผลประโยชน์ที่ผู้อื่นจะได้รับก่อน ตรงตามที่ท่านพ่อได้สอนไว้ ความโชคดีได้ทยอยเข้าหาผม ทำให้หน้าที่การงานของผม เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น


ขอบคุณที่มา

จาก FW Mail vvv [vxxxoh@gmail.com]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น