...+

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

ลูกรัก

     ลูกรัก

                  บอลลูกรัก ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนแต่ก่อนนานแล้ว เพราะลูกมัวยุ่งกับงานและเรื่องส่วนตัว พ่อเองก็ไม่อยากจะกวนเวลาลูก ก็เลยเขียนจมฉบับนี้ส่งมาให้ลูกแทน เผื่อจะมีเวลาอ่าน แม้จะเป็นการสื่อสารทางเดียวกันก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้คุยอะไรให้ฟังหรือไม่ได้คุยกัน
                  ลูกเกิดมาในช่วงที่พ่อแม่ยังหนุ่มสาวมากหรือในตอนอายุยี่สิบกว่าปี ยังอยู่ในช่วงสร้างครอบครัวหลังการแต่งงานไม่นานนัก
               
                  พ่อกับแม่ยังเป็นแค่เสมียนในธนาคารที่เราทำงานกันอยู่เลย
                  ทั้งพ่อกับแม่มีเงินเดือนคนละไม่กี่พันบาท
                  แต่เราก็ต้อนรับการเกิดของลูกอย่างดีใจล้นเหลือ แม้จะมีปัญาในการคลอด แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
                  ลูกเป็นเด็กผู้ชายที่แสนซน เฮี้ยว แก่นแก้ว อารมณ์ดี ชอบแหย่ แต่ลูกก็อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ เพราะลูกเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดคนแรกของครอบครัวในตอนนั้นอีกทั้งยังเป็นหลานตาหลานยายคนแรก ปู่ย่าตายาย จึงต่างปลื้มใจชื่นชม
                   ปู่ของลูกเคยบอกพ่อว่า" ลูกคนนี้มันเฮี้ยวเลี้ยงดีๆนะ " แล้วเรียกลูกว่า" เจ้าแสบ "
                   พ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างทนุถนอม รักสุดหัวใจ ปู่ย่าตายายก็รักลูกไม่ต่างกันเลย
                   พ่อเมื่อมีลูกแล้ว พ่อก็ปรับเปลี่ยนความคิดไปมากเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วขึ้น ทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคงของครอบครัวเรา และเพื่ออนาคตของลูก
                   เมื่อลูกเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล แม่ชวนพ่อไปซื้อบ้านใหม่เป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆ พ่อตอบแม่ไปโดยไม่ต้องคิดแล้วเริ่มผ่อนเลย
                   
                     ในวันแรกที่ลูกไปโรงเรียนอนุบาลว ยายไปส่งลูกแทนพ่อกับแม่ ยายเล่าให้ฟังว่ากว่าจะยอมไปได้ต้องจ้างรถตุ๊กๆไปส่งที่โรงเรียนอยู่สองสามวัน ขึ้นรถแล้วก็กระโดดหนีลงมาตั้งหลายรอบไม่ยอมไป แต่สุดท้ายก็ยอมไปด้วยดี
                     ลูกไปโรงเรียนไม่กีวัน แต่ครูทำให้ลูกเรียบร้อยอย่างน่าประหลาดใจ พูดจาไพเราะน่ารักอีกต่างหาก
                     น่าเสียดาย......โรงเรียนแห่งนี้จะปิดไตัวลงปตามกาลเวลา แต่พ่อยังจำชื่อโรงเรียนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าลูกจะได้เรียนในช่วงเวลาไม่นานนัก เพราะโรงเรียนแห่งนี้สอนให้ลูกอ่อนโยนขึ้นมาก ถึงลูกจะมีพื้นฐานของความอ่อนโยนอยู่แล้วก็ตาม
                     " โรงเรียนอนุบาลเวชวาณี "
                     แต่ลูกรู้ไหม ว่าตอนนั้นลูกน่ารักที่สุดเลย ซื่อใสซนเฮี้ยว แต่ลูกรักพ่อแม่มากจนรู้สึกได้ และดูจากการที่ลูกเชื่อฟังพวกเราเป็นอย่างดีโดยไม่ต้องดุอะไรนัก ซึ่งพ่อเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนที่มีลูกอย่างนี้ก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน
                      หนังการ์ตูน หนังสือการ์ตูนเป็นงานอดิเรกที่ลูกชอบตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้
                      สิ่งที่ตามมาจากการอ่านหนังสือการ์ตูนที่ทำให้พ่อหมดเงินไปเป็นแสนบาท แต่พ่อก็ไม่เคยเสียดายเงินจำนวนนี้แม้แต่น้อย ทั้งๆที่เราไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย
                      เพราะมันให้ประโยชน์สูงสุดแก่ลูกมากคือนิสัยรักกการอ่าน และมีผลต่อความสำเร็จสูงสุดทางด้านการศึกษาของลูกจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หลายคณะตามที่เลือกและความสำเร็จอื่นจนทุกวันนี้ ลูกเองก็รู้ดี
                      จากการที่โรงเรียนอนุบาลปิดตัวลง พวกเราก็ย้ายลูกมาเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก ซึ่งเป็นโรงเรียนดีมีชื่อเสียง ทุกวันนี้โรงเรียนยังคงอยู่ตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงวันนี้กว่า 52 ปีแล้ว
                      โรงเรียนแห่งนี้ลูกได้เรียนถึงหกปี มีเรื่องสนุกมากมายเกิดขึ้นกับลูก จนไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่กิจกรรมการเรียนการสอนที่ค่อนข้างจะมีพัฒนาการหรือลำ้สมัยในสมัยก่อน
                      ลูกได้เรียนฟ้อนรำไทย การคิด ละคร และได้รู้จักคำว่านักเลงโต
                      เพราะลูกถูกนักเลงโตที่เป็นนักเรียนตัวโตกว่ามากรังแก แต่ลูกก็อดทนได้ โดนรังแกมากก็เพียงแต่บ่นๆจนกระทั่งถูกเตะถาดอาหารกลางวันเสียหายหมด แทบจะอดข้าว
                      จนครูผู้ปกครองต้องจัดการกับนักเรียนโตโดยภาคทัณฑ์อย่างเด็ดขาด ถึงขั้นไล่ออก โชคดีของนักเรียนนักเลงโตที่ยังกลับใจทันแล้วเรียนจนจบไปได้ พอมีอนาคต
                       การถูกรังแก ย่อมมีความคับแต้นใจเกิดขึ้น แต่สุดท้ายธรรมะย่อมชนะอธรรม
                       ลูกของพ่อก็เจอกับตัวเองแล้ว
                       มีเรื่องตลกที่พ่อแม่จำได้ดีมาตลอดชีวิตเกี่ยวกับลูก คือในตอนที่ลูกยังนอนแบเบาะไม่กี่เดือน ลูกนอนฉี่ได้สูงมาก แต่มันกลับวกกลับใส่หน้าตัวเอง จนลูกร้องไห้โยเยรำคาญ
                       ลูกรัก....................ลูกช่างไม่ธรรมดาเลย

                                                                          รักลูกตลอดเวลา

                                                                             พ่อ

                       อีกทัศนะหนึ่งของความเป็นพ่อ ลูกๆอาจจะมีมุมมองใหม่ในใจพ่อ ไอ้ที่ดื้อรั้นฟันธง ไอ้ที่ไร้สาระ ไอ้ที่หลงกระแสการตลาด หรือหลงอะไรอื่นๆ ลองพิจารณาดู เพราะที่เกิดมานั้นมันก็ทะเลหลง อนาคาริกหรือผู้ที่ออกจากเรือนชานท่านกลัวตัวหลงหรือโมหะนี่แหละครับตัวร้ายมาก ตัวกระชากให้ท่านกลับมาเวียนเกิดเวียนตายนี่แหละ
                       ขอให้ลูกๆทั้งหลายทบทวนใจตนเองและใจพ่อแม่ดูบ้าง เผื่อจะได้ไม่ก่ออกุศลกกรมกันคนที่ให้ได้แม้ชีวิต ขอบคุณและอนุโมทนาสำหรับบทความ หากมีตอนต่อเชิญครับคุณพ่อ

                                                                 สะมะชัยโย

                         หมายเหตุแก่นธรรมวันนี้
                    ๑. ผู้เขียนและคณะเป็นผู้เขลาทางปัญญา หากมีข้อผิดพลาดบกพร่อง ขอน้อมรับทุกประการ บุญกุศลที่เกิดจากบทความนี้ขอน้อมถวายแด่หลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ และอุทิศให้แก่บรรพบุรุษ อันมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นปฐม เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ รวมทั้งท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
                    ๒. เพื่อนๆพี่น้องครับ ผ้าป่าแก่นธรรมสามัคคีฯที่ห่างหายกันไปนานหลายปี ขอจัดใหม่ในเดือนมกราคมของปีหน้าแล้วแต่หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าอาวาส จะไปทอดที่วัดสุนทรธรรมทาน( แค นางเลิ้ง )เพื่อบูรณะโบสถ์และก่อสร้างถาวรวัตถุทางธรรมเช่นกุฎิ และนำอีกส่วนหนึ่งไปบริจาคให้โรงพยาบาลจุฬา สภากาชาด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอนาถาที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวันๆ ต่อชีวิตกันไป สามเณรในครั้งพุทธกาลยังรอดจากกรรมเก่าเพราะช่วยชีวิตปลาเลย
                    มาก่อกุศลกรรมร่วมกันเถอะครับ วันเวลาจะเเจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง การดำเนินการรูปแบบเดิม พบกันที่วัดนะครับเพื่อนๆพี่น้องแก่นธรรมทั้งหลาย อ้อกองทุนพระรัตนตรัยบริจาคแรกเริ่มสองหมื่นบาทถ้วนแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น