_บางท่านอาจไม่เข้าใจว่า ทำไม กินน้อยถึงสุขภาพดี ร่างกายคนก็เหมือนเครื่องจักร ถ้าใช้งานมาก ก็จะพังเร็ว การกินแต่ละครั้ง อวัยวะต่างๆภายในร่างกายจะต้องทำงาน ตับ ไต และหัวใจ จะทำงานหนักที่สุด ตับจะสำคัญที่สุด มีหน้าที่มากกว่าสามร้อยอย่าง. มื้อเช้าจะสำคัญที่สุด ขาดไม่ได้เลย คนไม่กินมื้อเช้า จะสุขภาพไม่ดี และไม่ควรกิน เกินเก้าโมงเช้า มื้อกลางวันสำคัญรองลงมา กินเบากว่ามื้อเช้าก็ได้ มื้อเย็นไม่ควรกิน เพราะร่างกายไม่ต้องการ มีแต่ส่วนเกิน ทำให้อ้วน ควรดื่มแต่น้ำผลไม้ หรือน้ำสมุนไพร หลังห้าโมงเย็น ไม่ควรออกกำลังกาย ควรพัก ผ่อนคลาย แบบสบายๆ หลังสองทุ่ม แม้แต่น้ำก็ไม่ควรดื่ม อวัยวะทุกอย่างต้องการพัก ถ้าดื่มน้ำ้ ตับ ไต ก็ต้องทำงานอีก. สามทุ่ม ควรนอน และตื่นตีสี่ หรืออย่างน้อย นอนสี่ทุ่ม ตื่นตีห้า. ออกมาเดินรับพลังแผ่นดินด้วยเท้าเปล่าที่สนามหญ้า ช่วงเวลาตั้งแต่สามทุ่มถึงเที่ยงคืน ขณะหลับ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าเป็นเด็ก ก็จะเกิดฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต เด็กที่นอนหลังเที่ยงคืน จะตัวเตี้ย ผู้ใหญ่ที่นอนหลังเที่ยงคืน ภูมิคุ้มกันจะหมดไปเรื่อย จนเป็นโรค "พุ่มพวง" ยิ่งถ้ากินอาหารมื้อเย็น และกลางคืนด้วย อวัยวะต่างๆไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร ก็จะทรุดโทรมเร็ว ยิ่งนอนดึกด้วย ภูมิคุ้มกันน้อย ก็จะป่วยเป็นโรคเกียวกับตับ ไต และมะเร็ง หัวใจก็อ่อนแอ เพราะหัวใจทำงานหนักทุกครั้งที่กิน ฉนั้นคนวัย ๒๕ ขึ้นไป ไม่ควรกินมื้อเย็น ดื่มแต่เครื่องดื่มที่มีประโยชน์เช่นน้ำผลไม้ ถ้าเป็นพระก็ฉันน้ำปานะ น้ำอัชบาล เราควรถนอมใช้ร่างกายเรา ใ้ห้สุขภาพดี อายุยืน ด้วยการไม่ให้อวัยวะต่างๆทำงานหนักเกินไป เขาจะทำงานทุกครั้งที่เรากิน กินมากก็ทำงานมาก กินของดีมีประโยชน์ก็ทำงานง่าย กินของไม่ดี มีพิษภัย ก็ทำงานยาก ที่แบกรับภาระหนักสุดคือตับ เราจะเห็นว่าคนไทยเป็นมะเร็งตับกันมาก เพราะกินมากและกินไม่เลือก กินไม่เป็นเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น