1. ยิ้มให้ตัวเองก่อน
ตื่น เช้าขึ้นมาก็ยิ้มก่อนเลย ยิ้มให้ตัวเอง เราก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย เป็นธรรมดา และตั้งจิตตั้งใจว่าวันนี้จะให้รอยยิ้ม และสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นกับคนรอบข้างอย่างเต็มที่
2. ไต่ถามทุกข์สุข
อยู่ ใกล้กันเกินไป วุ่นกับงาน หรือหมกมุ่นกับการเรียนเกินไป ก็ลืมติดตามเรื่องราวชีวิต สุขทุกข์ของคนรอบข้างได้เหมือนกัน การถามไต่ด้วยความห่วงใยทำได้ง่าย และนำความอบอุ่นใจมาให้เสมอ
3. ชมกันบ้าง ขอบใจกันบ้าง
บางทีเราเห็นเขาทำอะไรดีๆแล้ว รู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา คงกลัวว่าเดี๋ยวจะเหลิง แต่การชมด้วยน้ำใสใจจริง ก็นำความชื่นใจและรอยยิ้มให้กับเขาได้มาก อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เราชื่นชมกับสิ่งที่เขาทำ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศ้ษพิเศษมากทีเดียว ก็ชมกันแบบเรียบง่าย แต่จริงใจนี่แหละ... เช่น
"เราชอบรูปสีน้ำที่เธอวาดแบบนี้ มากจ้ะ" หรือ "กับข้าวอร่อยมากครับ" การขอบใจนี่ก็แบบเดียวกับคำชม เขาจะเป็นปลื้มแน่นอน เมื่อรู้ว่าเราเห็นคุณค่าและขอบใจในสิ่งที่เขาทำให้กับเรา แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม ขอให้จริงใจก็แล้วกัน
4. ฟังเขาพูดมากกว่าพูดให้เขาฟัง
คนเรานี่ก็แปลก ชอบพูดมากกว่าฟัง บางทีพูดมากแล้วยังไม่รู้ตัวอีก... เราลองเปลี่ยนมาเป็นผู้ฟังที่ดีอย่างจริงใจดูบ้างจะเป็นไรไป ชวนให้เขาพูด ให้เขาเล่าเรื่องต่างๆให้เราฟัง
โดย เฉพาะเรื่องดีๆในชีวิตของเขา เรื่องที่เขาภูมิใจ ความใฝ่ฝัน การต่อสู้ชีวิตของเขา หรืออาจเป็นเรื่องสรรพเพเหระต่างๆก็สุดแล้วแต่ แล้วคุณจะเห็นรอยยิ้มของผู้คนเกิดขึ้นรอบๆตัวคุณอีกเยอะๆๆๆๆๆมากเลย
5. ไม่ลืมขอโทษ...ไม่เป็นไร
จะ เป็นใคร มาจากไหน ก็ย่อมทำผิดพลาดด้วยกันได้ทั้งนั้น บางทีอารมณ์เสีย คุยกันไม่รู้เรื่อง โวยวายใส่กันอยู่บ่อยๆ... ไม่เป็นไร วันนี้ลองเริ่มใหม่ ขอโทษเขา หรืออาจถามเขาว่าเราได้ทำอะไรให้เขาเจ็บ...ให้เขาเสียใจบ้าง แล้วขอโทษเขาโดยตั้งใจว่าจะพยายามไม่ทำให้เขาเจ็บอีก...ทั้งด้วย คำพูดและการกระทำใดๆก็ตาม
เราเองก็เหมือนกัน ใครทำอะไรให้เราเป็นทุกข์ ก็ยกโทษให้เขาเสียเถอะ หรือบางคนโกรธตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง ก็ยกโทษให้ตัวเองด้วย... ปลดปล่อยอารมณ์ ความแค้นเคืองออกไปเสีย หันมายิ้มให้กัน ช่วยเหลือกันดีกว่า ทั้งเราและเขาคงมีความสุขสันติอีกมากๆเลย
6. ให้กำลังใจกัน...เอื้อเฟื้อกันบ้าง
ยาม เหนื่อย ท้อใจ หรือไม่สบายใจ... คำปลอบโยน กำลังใจ และความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือบุคคลในครอบครัวช่วยได้มากทีเดียวเชียว เช่น "สู้ต่อไปเพื่อน" "เราเข้าใจเธอดี เธอกำลังท้อใจมาก" หรือ "เราไม่รู้จะช่วยเธอยังไงนะ แต่เราให้กำลังใจเธอเต็มที่นะ"
ก็ตรงๆแบบนี้ล่ะครับ... ตามด้วยความเอื้อเฟื้อ เอื้ออาทรต่อกัน ช่วยอะไรเขาได้บ้างก็ทำเลยครับ... เพียงเท่านี้เขาก็มั่นใจว่า...แม้เขาจะไม่มีใคร แต่เขายังมีเราอยู่เคียงข้าง ว้าววว !!!
7. ของฝากจากใจ
ขนม สักถุง ผลไม้สักลูกสองลูก ก๋วยเตี๋ยวสักห่อ หรือของที่ระลึกเล็กๆ ทำจากมือเราเองก็ยิ่งดี ฝากกันบ้าง แน่นอน จิตใจสำคัญกว่าสิ่งของภายนอก แต่สิ่งของที่เป็นตัวแทนความรักความห่วงใยนี้ มันมีความหมายอยู่ข้างในนี่แหละ เขาสัมผัสรับรู้ได้ด้วยใจนะ...
อ้อ!!! อย่าลืมใส่ความรัก ความปรารถนาดีลงไปด้วย ใส่เข้าไป ใส่เข้าไป... แล้วอาจถามเขาว่า ของฝากคราวนี้ มีอะไรแตกต่างจากของฝากครั้งก่อนไหมเอ่ย? ปล่อยให้เขาทายสักพักแล้วเฉลยก็ย่อมได้ ก็คงสุขใจ ยิ้มให้กันทั้งคนให้ คนรับเลยหละครับ
8. ชวนคุยเรื่องตลก
เรื่อง ตลก ขำๆ หรือที่ตัวเองทำอะไรเปิ่นๆก็ได้... ตลกใสๆช่วยได้มากครับ ไม่ต้องลามกนะ อาจขอให้เขาเล่าเรื่องตลกที่เขาเจอให้เราฟังบ้าง ทำท่าตลกๆ หยอกล้อกันบ้าง เล่ากันให้มันไปเลย... เผลอๆรวมเล่มแจก หรืออัดเป็นเทปตลกแจกให้คนอื่นหัวเราะได้อีกด้วย เป็นบุญ เป็นกุศลมากหลายเลยทีเดียว
9. เปิดใจให้กัน
เปิด ใจให้กันอย่างน้อยวันละ 15 นาที ก็เป็นพลัง สร้างรอยยิ้มได้มาก วันหนึ่งมีตั้ง 1,440 นาที ให้กันบ้างกับใครบางคนที่รักและห่วงใยคุณ กับคนที่คุณรัก(หรือไม่รักก็ได้) คงไม่มากไปใช่ไหมเอ่ย เพราะสิ่งดีๆหลายอย่างเกิดจากการเปิดใจให้กันนี่เอง แล้วยังขจัดความไม่เข้าใจกันหรือความเข้าใจผิดได้อีกมากโขอยู่นา... เปิด ใจคุยกันแบบนี้ ทำได้ทั้งเรื่องเด็ดๆที่พบเจอในแต่ละวัน เรื่องคาใจ ลำบากใจ เตือนสติกันบ้าง จนถึงเรื่องที่ประทับใจ หรืออะไรๆที่อยากบอกเป็นพิเศษ ทำดูแล้วคุณจะพบว่า มันสุดๆจริงๆ
10. บอกรักกันวันละครั้ง
เป็น เรื่องน่าเศร้าที่ใครคนหนึ่งจากโลกนี้ไป โดยไม่ได้รักใครเลย แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า ถ้าใครบางคนตายจากโลกนี้ไป โดยไม่ได้บอกคนที่เขารักว่า "ฉันรักเธอ" คำกล่าวนี้คงไม่เกินเลยไปสำหรับพวกเราหลายคนที่ปากหนัก ไม่กล้าบอกความในใจที่มีต่อกัน ไม่ใช่แบบโรแมนติคกับแฟนอย่างเดียวหรอก แต่กับพ่อแม่ น้อง เพื่อนๆด้วย... แหม! ก็บอกแล้วมันเขิน ฟังแล้วมันจั้กกระเดียมนี่
แต่คำว่ารักมีพลังมาก ถ้าพูดด้วยความจริงใจ มันทำให้คนเรารู้สึกชีวิตเรามีความหมายมากๆเลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะคนเราเกิดมาเพื่อรักอย่างไรล่ะครับ ลองบอกกันว่า "ผมรักคุณจัง" "พ่อกับแม่รักลูกมากนะ" แล้วเราจะซาบซึ้งใจมากเลย ทั้งผู้รับและผู้ให้ ไม่กล้าบอกตรงๆ ก็เขียนจดหมายเล็กๆให้กันก็ได้นี่ครับ... หรือเปลี่ยนเป็นบอกความรู้สึกดีๆต่อกันก็ใช้ได้ครับ
11. ไปวัด-สวดภาวนาร่วมกัน
ไม่ ว่าจะถือศาสนาใดหรือไม่ถือศาสนาใดๆเลยก็ตาม การให้เวลากับจิตใจของเราล้วนสร้างแรงบันดาลใจ ให้พลังใจ พลังปัญญาจากภายในกันทั้งนั้น
การสงบจิตใจ สวดภาวนา รำพึง ฟังเทศน์ฟังธรรม ช่วยให้เราเห็นความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ และเห็นความสำคัญของการรักเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ มีความสุขขึ้นบ้าง เราก็อิ่มใจ มีความสุขสงบลึกๆ ความสุขที่เกิดจากการให้ นำความสุขใจให้เรามากกว่า ความสุขที่เกิดจากการรับ หรือการบริโภคทางวัตถุที่ไม่เคยอิ่มเต็มได้ง่ายๆเลย
12. ชวนกันไปเป็นอาสาสมัคร
ข้อ สุดท้ายนี้ ทำได้หลายอย่างครับ ไม่ว่าจะไปเป็นอาสาสมัครสอนเด็ก อ่านหนังสือให้คนตาบอด ฝึกอาชีพให้คนพิการ รวบรวมหนังสือให้โรงเรียนในชนบท หาเสื้อผ้าให้เด็กยากจน รณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม อาสาระดมทุนจากเพื่อนๆเบ็นค่าอาหารกลางวันหรือทุนการศึกษาให้เด็กยากจน... แม้แต่สิ่งง่ายๆเช่น
เก็บเศษแก้วจากหาดทราย ลุกให้เด็กๆนั่งบนรถเมล์ จูงคนชราข้ามถนน การมีใจอาสาสมัครเช่นนี้ล้วนสร้างความยุติธรรม ความสุขสันติ และรอยยิ้มในหัวใจให้กับทั้งตัวเราเอง เพื่อนๆที่อาสาร่วมกับเรา จนถึงเด็กๆ และผู้คนจำนวนมากอย่างไม่มีวันจบสิ้นครับ... ก็เพราะเรารู้ว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่เฉยๆ บริโภคไปวันๆ แต่เราเกิดมาเพื่อมีส่วนทำให้โลกนี้ดีขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี...
โดย นริศ มณีขาว ไต่ตามโค้งตะวัน
ที่มา http://www.carefor.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น