...+

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

?•?::การแสวงหาความรู้อย่างโลก::?•???

?•?::การแสวงหาความรู้อย่างโลก::?•???

ก็เป็นเพียงบทบาท หรือเป็นอุปกรณ์ที่จะหาวัตถุปัจจัย หรือสถานะในสังคมเท่านั้น ส่วนหน้าที่ที่แท้จริงของมนุษย์ จะต้องมุ่งเข้าไปสู่ชัยชนะเหนือชีวิต ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ ถ้าสมมติว่าท่านทั้งหลาย มีความรู้มากขึ้นทุกวัน ๆ แต่ค่อย ๆ พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ขึ้นทุกวัน ค่อย ๆ ทนเพื่อนมนุษย์ไม่ได้ ค่อย ๆ อภัยให้ใครไม่ได้ ถ้าเช่นนี้ท่านพ่ายแพ้แล้ว แม้โดยรูปแบบเราอาจจะเรียกว่าเป็นผู้กำลังชนะ แต่ผู้ชนะที่แท้จริงก็คือผู้ที่พิชิตชีวิตของเขาได้ ไม่ตกเป็นทาสของสุขและทุกข์ นอกจากไม่ตกเป็นทาสของสุขและทุกข์แล้ว ยังมีอิสระ หรือเป็นนายเหนือสุขและทุกข์ และบุคคลเช่นนั้นแหละ จึงอาจเสวยสุขได้อย่างอิสระและพอดี นี่ก็หมายความว่า มนุษย์กำหนดบทบาทและหน้าที่ของตัว เพื่อที่จะเสวยคุณค่าของชีวิตตามเงื่อนไขของธรรมชาติ คือความรู้ที่ถูกต้อง ไม่ใช่เสวยคุณค่าของชีวิตโดยความไม่รู้ ถ้าเป็นเช่นนั้น แทนที่จะได้เสวยรสของชีวิต ชีวิตมันจะเสวยเอา คือมันจะทำให้ย่อยยับไปทั้งชีวิต ไม่ใช่กินชีวิต แต่ถูกชีวิตมันเคี้ยวกินเอา ถ้าเราจะพบคนที่มีความรู้สูงสุดในสังคม ที่มีชื่อเสียง เป็นวีรบุรุษทางวิชาการ และหากว่าไม่ช้าไม่นานเข้า ก็คว้าปืนมาจ่อยิงขมับของตัวเอง ด้วยเรื่องใดก็ตาม ถ้าเช่นนั้นความรู้นั้น พิสูจน์แล้วว่า ไม่อาจที่จะช่วยชีวิต ไม่อาจที่จะช่วยยกชีวิตของเขาให้พ้นจากสัญชาตญาณแห่งการประทุษร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น

การศึกษาของมนุษย์จำเป็นต้องให้คำนิยามใหม่ จำเป็นเหลือเกินที่เราจะให้คำนิยามให้ชัดเจน เพื่อการปลุกเร้ามนุษย์ให้แสวงหาคุณเพื่อพิชิตชีวิต และพร้อมกันนั้น เพื่อที่กระจายความรู้นั้น ๆ ไปสู่สังคม ไม่ใช่แสวงหาเพื่อตัวเอง ด้วยความเห็นแก่ตัว การศึกษาต้องเป็นการปลุกเร้าให้แสวงหา คุณ อันสูงสุด คือความดับทุกข์สิ้นเชิง แต่นักวิชาการทั้งหลายคงจะไม่ในใจในคำกล่าวเช่นนี้ เขาไปให้คำนิยามของการศึกษาว่า เป็นการงอกงามอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ยังไม่ได้มีเป้าหมายว่างอกงามไปข้างไหนกันแน่ การศึกษาจึงทำให้เยาวชนของเราทั้งรุนแรงและเฉื่อยชา เด็กหนุ่มสาวของเรา รู้สึกเบื่อหน่ายสังคม และเหนื่อยหน่ายต่อชีวิต เพราะการศึกษาไม่ได้ให้คำตอบแก่เขาว่าเกิดมาทั้งทีนี้ มันมีความหมายและคุณค่ากันตรงไหน

การศึกษาหรือผู้ที่จะให้การศึกษานั้น จะต้งอคัดบุคคลหรือสั่งสอนในระบบที่จะให้เกิดการปลุกเร้า ไม่ให้หยุดในการแสวงหาคุณธรรม ไม่ใช่แสวงหาแต่ความรู้ คำว่า คุณธรรม นั้นไม่ได้หมายถึงความรู้ และความรู้นั้นเป็นของนิดเดียวของคุณธรรม และค่อนข้างจะนิดเดียวเสียเหลือเกิน ความรู้อย่างเดียวไม่อาจที่จะบำเพ็ญประโยชน์ให้ใครได้ หากเขาปราศจากความรักเมตตาปราณีต่อเพื่อมนุษย์

ความรู้จำเป็นที่ต้องผนวกกับความรัก คือ เมตตา กรุณา เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้นั้นจะได้อำนาจที่แท้จริง อำนาจกับความรู้ ถ้าพบกันโดยปราศจากความรัก จะนำไปสู่วิกฤติการณ์อย่างง่ายดายที่สุด ความรู้และอำนาจบวกกับตัณหา จะทำให้โลกล้ม เดือดร้อน พังพินาศอย่างเร็ววัน แต่ความรู้ถ้าได้พบกับความรัก แม้ปราศจากอำนาจก็ยังปลอดภัย ถ้าความรักพบอำนาจ แม้จะเกิดผลดีบ้าง แต่เป็นสิ่งที่อ่อนไหวเกินไป ก็อาจจะช่วยผู้อื่นได้ แต่หากการช่วยนั้นผิดแม้ด้วยอำนาจแห่งความรัก แต่ปราศจากความรู้ ก็อาจเกิดอันตราย เพราะความที่ปราศจากความรู้ต่อเป้าหมาย หรือคุณค่าของชีวิตนั่นเอง ต้องความรู้ความรัก และอำนาจ เกิดคุณค่าขึ้นในสังคมทั้งส่วนตนและส่วนรวม

......ฯลฯ

?

#ความหมายของชีวิต
ธรรมบรรยายโดย เขมานันทภิกขุ
แสดงแก่คณาจารย์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางเขน
๑๔ สิงหาคม ๒๕๑๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น