มหัศจรรย์วันคริสตมาส
บริษัทแห่งหนึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง คือ คืนวันคริสมาสของทุกๆปีจะมีการจัดงานสังสรรค์ตอนกลางคืน และจะมีการจับรางวัลด้วย กฎของการจับรางวัลคือ : พนักงานแต่ละคนจะมอบเงินคนละ 10 USดอลลาร์เป็นกองทุน ทั้งบริษัทมีพนักงาน 300 คน ดังนั้น สามารถรวบรวมได้ 3000 USดอลลาร์ สำหรับผู้ที่โชคดีถูกจับฉลากได้ ก็จะสามารถนำเงินจำนวนนี้กลับบ้าน
ในวันจับฉลาก บรรยากาศในสำนักงานครึกครื้นมาก พนักงานแต่ละคนต่างก็เขียนชื่อของตนเองลงในใบฉลาก แล้วใส่ลงไปในกล่องจับฉลาก แต่ว่า มีพนักงานหนุ่มคนหนึ่งขณะกำลังจะเขียนชื่อก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะเขาคิดถึงเรื่องๆหนึ่ง คือ ลูกชายของแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทที่อ่อนแอและป่วยบ่อยกำลังจะผ่าตัดในเร็วๆนี้ แต่หล่อนไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าผ่าตัด ทำให้หล่อนกลุ้มใจมาก ดังนั้น แม้ว่าโอกาสที่จะถูกฉลากได้จะเลือนลาง มีโอกาสเพียงหนึ่งในสามร้อย แต่พนักงานหนุ่มคนนั้นก็ยังคงเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นลงไปในใบฉลาก
ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาถึงแล้ว เถ้าแก่ได้ทำการพลิกและคนใบฉลากในกล่องจับฉลาก สุดท้ายจับใบฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ พนักงานหนุ่มคนนั้นอธิษฐานในใจตลอดเวลาว่า : ขอให้แม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นได้รางวัลด้วยเถอะ เมื่อเถ้าแก่ได้ประกาศชื่อของผู้ถูกรางวัลอย่างช้าๆ ปาฏิหารย์เกิดขึ้นจริงๆ ผู้ที่ถูกรางวัลก็คือแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังทั่วสำนักงาน แม่บ้านทำความสะอาดจึงได้รีบขึ้นไปรับรางวัล หล่อนดีใจมากจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และพูดด้วยความซาบซึ้งว่า : ฉันโชคดีจริงๆ เมื่อมีเงินก้อนนี้ ลูกชายของฉันก็มีความหวังแล้ว
เมื่องานเลี้ยงสังสรรค์เริ่มขึ้น พนักงานหนุ่มคนนั้นที่ยังคิดถึงเรื่อง “ปาฏิหารย์ในวันคริสมาส” ได้เดินไปถึงข้างๆกล่องจับฉลาก เขาลองหยิบใบฉลากในกล่องจับฉลากขึ้นมาใบหนึ่ง เมื่อเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ บนใบฉลากกลับเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น เขาตกใจมาก เลยหยิบขึ้นมาอีกหลายใบ บนใบฉลากเหล่านั้นถึงแม้จะลายมือไม่เหมือนกัน แต่ล้วนเขียนชื่อที่เหมือนกัน ก็คือชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น พนักงานหนุ่มคนนั้นถึงกับน้ำตาซึม เขาเข้าใจได้ทันทีว่า ในโลกนี้มีปาฏิหารย์ในวันคริสมาสจริงๆ เพียงแต่ว่าปาฏิหารย์ไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า แต่เป็นมนุษย์เราเป็นคนไปสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง
บริษัทแห่งหนึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง คือ คืนวันคริสมาสของทุกๆปีจะมีการจัดงานสังสรรค์ตอนกลางคืน และจะมีการจับรางวัลด้วย กฎของการจับรางวัลคือ : พนักงานแต่ละคนจะมอบเงินคนละ 10 USดอลลาร์เป็นกองทุน ทั้งบริษัทมีพนักงาน 300 คน ดังนั้น สามารถรวบรวมได้ 3000 USดอลลาร์ สำหรับผู้ที่โชคดีถูกจับฉลากได้ ก็จะสามารถนำเงินจำนวนนี้กลับบ้าน
ในวันจับฉลาก บรรยากาศในสำนักงานครึกครื้นมาก พนักงานแต่ละคนต่างก็เขียนชื่อของตนเองลงในใบฉลาก แล้วใส่ลงไปในกล่องจับฉลาก แต่ว่า มีพนักงานหนุ่มคนหนึ่งขณะกำลังจะเขียนชื่อก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะเขาคิดถึงเรื่องๆหนึ่ง คือ ลูกชายของแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทที่อ่อนแอและป่วยบ่อยกำลังจะผ่าตัดในเร็วๆนี้ แต่หล่อนไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าผ่าตัด ทำให้หล่อนกลุ้มใจมาก ดังนั้น แม้ว่าโอกาสที่จะถูกฉลากได้จะเลือนลาง มีโอกาสเพียงหนึ่งในสามร้อย แต่พนักงานหนุ่มคนนั้นก็ยังคงเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นลงไปในใบฉลาก
ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาถึงแล้ว เถ้าแก่ได้ทำการพลิกและคนใบฉลากในกล่องจับฉลาก สุดท้ายจับใบฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ พนักงานหนุ่มคนนั้นอธิษฐานในใจตลอดเวลาว่า : ขอให้แม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นได้รางวัลด้วยเถอะ เมื่อเถ้าแก่ได้ประกาศชื่อของผู้ถูกรางวัลอย่างช้าๆ ปาฏิหารย์เกิดขึ้นจริงๆ ผู้ที่ถูกรางวัลก็คือแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังทั่วสำนักงาน แม่บ้านทำความสะอาดจึงได้รีบขึ้นไปรับรางวัล หล่อนดีใจมากจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และพูดด้วยความซาบซึ้งว่า : ฉันโชคดีจริงๆ เมื่อมีเงินก้อนนี้ ลูกชายของฉันก็มีความหวังแล้ว
เมื่องานเลี้ยงสังสรรค์เริ่มขึ้น พนักงานหนุ่มคนนั้นที่ยังคิดถึงเรื่อง “ปาฏิหารย์ในวันคริสมาส” ได้เดินไปถึงข้างๆกล่องจับฉลาก เขาลองหยิบใบฉลากในกล่องจับฉลากขึ้นมาใบหนึ่ง เมื่อเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ บนใบฉลากกลับเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น เขาตกใจมาก เลยหยิบขึ้นมาอีกหลายใบ บนใบฉลากเหล่านั้นถึงแม้จะลายมือไม่เหมือนกัน แต่ล้วนเขียนชื่อที่เหมือนกัน ก็คือชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น พนักงานหนุ่มคนนั้นถึงกับน้ำตาซึม เขาเข้าใจได้ทันทีว่า ในโลกนี้มีปาฏิหารย์ในวันคริสมาสจริงๆ เพียงแต่ว่าปาฏิหารย์ไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า แต่เป็นมนุษย์เราเป็นคนไปสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง
ในวันคริสต์มาสมีหลายประเทศข่าวบอลโลก https://www.konrakball.com/6833
ตอบลบ