...+

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ยายไม่เอาอะไรอีกแล้ว

ทุกวันยายจะตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ หลังจากสวดมนต์และทำกิจส่วนตัวเสร็จ ก็จะออกมาเตรียมอาหารใส่บาตรโดยมีลูกสาวช่วยอีกแรง

วันหนึ่งหลานสาว ซึ่งต้องออกไปทำงานก่อนฟ้าสาง สังเกตว่าตีห้าครึ่งแล้ว ยายไม่ออกมาเตรียมอาหารเหมือนเคย มีแต่แม่ทำงานอยู่ในครัวคนเดียว จึงมาเคาะประตูห้องยาย พร้อมกับถามว่า “ยายจ๋า ไม่ใส่บาตรเหรอ?”

ยายตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “วันนี้ไม่ใส่หรอก เดี๋ยวยายจะนั่งสมาธิต่อสักหน่อย”

หลานสาวถามต่อว่า “งั้นหนูไปทำงานนะ ยายจะเอาอะไรไหม?”

ยายตอบว่า “ไปเหอะ ยายไม่เอาอะไรอีกแล้ว”

จนสายยายก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ลูกสาวรู้สึกผิดสังเกต จึงทั้งเรียกทั้งเคาะประตูห้องอยู่นาน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงไปเรียกคนมาช่วยงัดประตูห้องเข้าไป ภาพที่ปรากฏก็คือ ยายนุ่งขาวห่มขาว หลังพิงฝาอยู่ในท่านั่งสมาธิ ดวงตาปิด มีรอยยิ้มน้อย ๆ คล้าย ๆ คนนั่งหลับ แต่พอมีคนมาแตะตัว ร่างของยายก็เอียงกระเท่เร่ลงมา ถึงตอนนั้นทุกคนจึงรู้ว่ายายหมดลมแล้ว...

ยายจากไปอย่างสงบและดูเหมือนจะรู้ตัวล่วงหน้าด้วยว่าจะจากไปในเช้าวันนั้น จึงนุ่งขาวห่มขาวและเลือกที่จะทำจิตให้สงบ แทนที่จะออกไปใส่บาตรเหมือนเคย ธรรมดาคนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ย่อมอยากให้คนรักหรือลูกหลานอยู่ใกล้ ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ แต่ยายกลับปรารถนาที่จะอยู่ลำพัง ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับการสวดมนต์ รำลึกถึงพระรัตนตรัย และนั่งสมาธิ

คนที่จะทำเช่นนี้ได้ย่อมไม่อาลัยในชีวิตและไม่กลัวความตาย ทั้งนี้เพราะเชื่อมั่นว่าได้ทำความดีมาโดยตลอด และได้ใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์คุ้มค่าสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ จึงแน่ใจว่ามีสุคติเป็นเบื้องหน้า ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าหน้าที่ที่สมควรทำก็ทำเสร็จสิ้นแล้ว จึงหมดห่วงไร้กังวล ดังนั้นจึงพร้อมที่จะจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องสั่งเสียหรือล่ำลาลูกหลาน...

เช้าวันที่ยายจะจากไป ประโยคสุดท้ายที่ยายตอบหลานก็คือ “....ยายไม่เอาอะไรอีกแล้ว”ข้อความนี้มีนัยยะลึกซึ้งมากเพราะเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของผู้ที่ปล่อยวางทุกอย่าง จึงพร้อมที่จะตายอย่างสงบ ใช่หรือไม่ว่า ต่อเมื่อเราสามารถพูดประโยคนี้ได้จากก้นบึ้งของหัวใจ จึงจะพร้อมรับความตายได้ด้วยใจสงบ

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
http://www.visalo.org/article/secret255305.htm
ที่มา https://www.facebook.com/visalo?fref=ts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น