คุณเคยมีอาการจิตตกบ้างไหม ?
อยู่ๆ ก็เกิดความทุกข์ รู้สึกเหมือนจิตที่เคยปกติหรือสดชื่นดีมันตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกเศร้า เหงาหงอย ขาดแรงบันดาลใจ หมดกำลังใจ ความคิดฟุ้งซ่าน มองตัวเองในแง่ลบ (-) บางครั้งเหมือนเป็นคนไร้ค่า ต่ำต้อย บางรายแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
จิตตกนี้เป็นอาการของคนที่สะสมความคิดเกี่ยวกับตัวเอง
ในเรื่องลบ (-) เอาไว้มานาน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ทำให้มีจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับตัวเองไม่ดีมากขึ้นๆ
คนที่จิตตกบ่อยๆ นี้ไม่ดีเลย แสดงถึงสุขภาพจิตไม่ดี ต้องการการดูแลรักษาสุขภาพจิตอย่างจริงจังแล้ว
ผมอยากให้ข้อแนะนำเวลาจิตตกดังนี้
1.อย่านอนคิด ให้ลุกขึ้นนั่งหรือทำอะไรบางอย่าง เพราะยิ่งนอนคิดจะยิ่งฟุ้งซ่านมาก ท่านอนคิดเป็นท่าที่อิสระเหมือนเด็กเล็กๆ ทำให้คิดได้มากและฟุ้งกว่าปกติ
2.ตั้งสติเชิงบวก(+)ให้ดี คุณต้องใช้สติเชิงบวกควบคุมความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นให้ได้
สติเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้คุณพ้นจากความทุกข์นี้ได้และจะช่วยให้อาการจิตตกหายได้เร็วขึ้น
3.การออกกำลังกาย จะช่วยได้มาก ลองออกไปเดินเร็วๆ หรือวิ่งช้าๆ ตามสวนสาธารณะ
4.อย่าเอาจิตไปฝากไว้กับคนอื่นหรือเหตุการณ์อื่นๆ นอกตัวคุณ ให้เอาจิตฝากไว้กับสติของตัวเองเสมอ จิตจะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปผูกติดกับความคิดที่เป็นลบ (-) ข้อนี้สำคัญมาก
5.ลด ego ลงบ้าง ถ้าจะต้องแพ้หรือยอมคนอื่นบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ต้องเป็นผู้ชนะหรือเป็นฝ่ายได้เสมอ
6.อ่อนโยนกับตัวเองให้มากขึ้น แต่อย่าอ่อนแอ อย่าตำหนิตัวเองในทุกกรณี แต่ให้ชื่นชมตัวเองเสมอไม่ว่าคุณทำกิจกรรมอะไรและได้ผลออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม
7.ให้มีความหวังเสมอ และให้เชื่อว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น เพราะคุณมองโลกทางบวกไง
8.รู้จักอภัยตัวเองและคนอื่นให้ได้มากๆ นะครับคุณจะพ้นจากโซ่ตรวนที่ผูกคุณไว้กับภาวะจิตตก
แล้วอาการจิตตกก็จะผ่านไป แล้วคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นจริงๆ
แต่ถ้าจิตตกอยู่นาน พยายามช่วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุที่ลึกซึ้งซับซ้อนและต้องการการรักษามากกว่าที่กล่าวมาแล้ว เช่นการใช้ยารักษา หรือใช้จิตบำบัดสักระยะก็ได้
จิตตกได้ แต่สติอย่าตกก็แล้วกัน
ผมเห็นใจคนเก่งๆ รุ่นใหม่ๆ ที่เก่งการเรียน การทำงานแต่ขาดการฝึกสติ มีสติน้อย สมาธิสั้น มองโลกทางลบ (-)จึงจิตตกได้ง่าย เพราะไม่มีสตินี่เอง โดยเฉพาะสติเชิงบวก (+)
รู้แล้วเอาไปบอกกันต่อๆ ไปก็ดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น