...+

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

“ค่านิยมไทย(ใหม่)”



จำได้ว่ารัฐเคยมีความคิดจะปลูกฝังค่านิยมอันพึงประสงค์ให้เข้าไปสถิตในสำนึกของคนไทย โดยหวังว่าจะทำให้บ้านเมืองของเรามีทางจิตสำนึกเทียมหน้าเทียมตากับนานาอารยประเทศเขา

ทว่าวันนี้ เจ้าสิ่งที่เคยคิดว่าดีและควรจะปลูกฝังไว้ในนิสัย ก็ไม่รู้ว่าไปงอกงามอยู่กันอยู่ที่ไหน หรือว่าล้มหายตายไปหมดแล้วก็ไม่รู้ เพราะมิเช่นนั้น ทางเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น คงไม่เขียนเป็นบทความเชิงเสียดสี เผยถึง 10 วิธีที่ต่างชาติควรจะทำให้ได้เพื่อให้กลมกลืนเหมือนกับว่าเป็นคนไทย ซึ่งอ่านดูแล้วก็ให้เจ็บและคันในอารมณ์อยู่ไม่น้อย เพราะจะปฏิเสธไปก็ใช่ที่ หรือจะยินดีก็ใช่เรื่อง

เว็บไซต์ดังกล่าวระบุไว้ว่า ชาวต่างชาติมักมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับคนไทย ว่าคนไทยนิยมทำงานตามแหล่งบันเทิง ในขณะเดียวกันคนไทยก็ไม่ได้เป็นชาวพุทธที่เคร่งศาสนา และไม่ได้ยิ้มตลอดเวลาดังที่มักเข้าใจกัน

เจ้า 10 วิธีที่ว่านั้น ก็เน้นที่จะช่วยให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนไทยเข้าใจวิถีคนกรุงเทพฯ มากขึ้น เริ่มตั้งแต่

แต่งตัว วัยรุ่นชาย ไม่ว่าจะไปเดินชายหาด หรือโรงแรมหรู ต้องใส่เสื้อโปโลแบรนด์ดัง ตั้งปกคอเสื้อขึ้นคู่กับกางเกงขาสั้น แถมชอบคีบรองเท้าแตะ ส่วนวัยรุ่นหญิง ก็ถอดแบบจากสาวเคป๊อปออกมาทุกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม แต่ถ้าทำยังไงก็ไม่เหมือนก็หันไปพึ่งศัลยกรรมเอา ส่วนเครื่องประดับประจำกายที่ขาดไม่ได้เลย คือกระเป๋าถือแบรนด์ดังราคาเท่ากับค่าเช่าคอนโด 6 เดือน และถือไอแพดสีชมพูสด

เลือกร้านอาหาร กลุ่มที่เป็นเด็กนักเรียน หรือพนักงานบริษัทที่มีเวลาพักแค่ 1 ชม. ก็นิยมร้านอาหารริมทาง ส่วนพวกที่เมาตอนดึก ก็ต้องเฟ้นหาร้านราคาแพง หรูหรา ตกแต่งดีเหมือนส่งตรงมาจากประเทศต้นกำเนิด ร้านเหล่านี้มีอยู่ตามย่านธุรกิจชื่อดัง เช่น แถวๆ ทองหล่อ

ใช้รถไฟฟ้า BTS แม้รู้ว่าเข้าแถวหลังเส้นเหลืองอย่างเป็นระเบียบ แต่เมื่อรถไฟฟ้าจอดเทียบชานชาลา ต้องแทรกเข้าไปในรถไฟฟ้าให้ได้เร็วที่สุดซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กับลิฟท์ด้วย เมื่อเข้ามาในรถไฟฟ้าแล้วไม่มีที่นั่งให้หาที่โล่งๆ แล้วเอนตัวทั้งตัวพิงไป โดยไม่ต้องสนใจว่าตรงนั้นจะเป็นเสาที่มีคนจับหรือไม่ แต่อย่าแกล้งหลับ เพราะต้องลุกให้เด็ก สตรีตั้งครรภ์ คนชรา รวมถึงสาวหุ่นดีสวมรองเท้าส้นเข็มนั่งด้วย เพราะคนกรุงเทพไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ

มีผิวขาวสว่าง จะเป็นที่ยอมรับ ดังนั้นควรพกร่มเพื่อบังแดด หรือไม่มีให้ใช้กระเป๋าสตางค์และหนังสือปิดหน้าแทน ที่สำคัญลงทุนครีมกันแดดและครีมปรับผิวขาว และสวมปลอกแขนเพื่อป้องกันแสงแดดตอนขับรถด้วย นอกจากนี้อย่าลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของโรงแรม จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดินอีกด้วย

วัฒนธรรม ดื่มกิน แม้คนกรุงเทพจะไม่มีความรู้เรื่องไวน์แต่ชอบสั่ง โดยเฉพาะไวน์ที่ชื่อแปลกๆ และเมื่อถือแก้วแล้วให้แกว่งแก้วเบาๆ ก่อนจิบ แล้วก็สั่งให้เอาไวน์ไปแช่ในตู้แช่เย็น แต่หากดื่มเบียร์ก็ให้ใส่น้ำแข็งด้วย สิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในวันนี้ก็คือให้ถ่ายรูปร้านอาหาร และอาหารทุกจานที่สั่ง แล้วอัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อประกาศให้โลกรู้ด้วย

รอยยิ้มในวันนี้ จะทำหน้าที่กลบเกลื่อนการจัดการกับความผิดพลาดในการแก้สถานการณ์ที่ยุ่งยากในที่ทำงาน และยากที่จะยอมรับผิด

การสื่อสาร คนไทยทุกๆ คนในสังคม ยังถือว่าทุกคนเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นการเรียกแบบนับญาติยังคงจำเป็น หากจะเรียกคนแปลกหน้าตามท้องถนน เช่น คนขายกับข้าว เด็กเสิร์ฟ ก็ให้เรียกเป็น พี่ น้อง ป้า ลุง และลงท้ายประโยคสนทนาด้วย ครับ/ค่ะ เพื่อแสดงความสุภาพ แม้ว่าประโยคเหล่านั้นจะเสียดสีหรือฟังดูแย่แค่ไหน มันจะดูน่าฟังขึ้นมาทันที นอกจากนี้การ พิมพ์ตัวเลข 5 หลายๆ ตัวต่อกัน เป็นการแสดงอาการขบขันเมื่อสนทนาในโลกออนไลน์ ทั้งๆ ที่ไม่สามารถสื่ออารมณ์เหล่านี้ได้กับคนต่างชาติ

คนไทยมัก เรียกคนอื่นด้วยชื่อเล่น ให้ลองหาชื่อเล่นแปลกหูแทน โดยชื่อเล่นยอดฮิต อาจตั้งเลียนแบบชื่อรถยนต์ ผลไม้ หรืออะไรก็ได้ เช่น เบนซ์ แอปเปิล เพราะเด็กไทยสมัยนี้ก็มีชื่อแปลกๆ เช่น “เบิร์ดเดย์” หรือ “แตงกิ้ว”

การเดินทาง ของคนไทยเน้นใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน แม้ว่าจะต้องเผชิญรถติดนานกว่า 2 ชม.ก็ตาม และหากเรียกแท็กซี่แล้วไม่ยอมไป ไม่ต้องแปลกใจโดยเฉพาะในย่านธุรกิจ เพราะแท็กซี่เหล่านี้มักอ้างว่าต้องส่งรถคืน จึงไม่สามารถขับไปส่งไกลๆ ได้ และหากไม่ต้องแบกถุงใหญ่ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้รถสามล้อ หรือตุ๊กตุ๊ก อาจใช้รถไฟฟ้าบีทีเอส แม้ว่าสถานีจะอยู่ไกลมาก

สุดท้าย การใช้บันไดเลื่อน เขาว่าคนไทยลืมกฎการใช้บันไดเลื่อนแบบสากล ที่ผู้คนจะยืนอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของบันไดเลื่อน เพื่อหลีกทางให้กลุ่มคนที่กำลังเร่งรีบเดินผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะที่นี่ประเทศไทย คงไม่มีใครรีบ จึงสามารถยืนตรงกลางของบันไดเลื่อนได้เลย และถ้าหากมีใครร้องขอให้หลีกทาง อย่าลืมกรอกตาแสดงความไม่พอใจกลับไปด้วย

เมื่ออ่านดูโดยภาพรวมแล้วผู้เขียนบทความชิ้นนี้ คงมีเจตนาเขียนขึ้นเพื่อความสนุกสนานและตลกขบขัน ในสิ่งที่ได้พบเห็นพฤติกรรมของคนไทยเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสื่อไว้เป็นคำแนะนำสำหรับชาวต่างชาติจริงจังสักเท่าไร

แต่เมื่อมองในมุมกลับแล้ว มันตะขิดตะขวงใจในสิ่งที่เคยภูมิใจเรื่องมารยาทไทยยังไงก็ไม่รู้

คอลัมน์ ปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง
วัฒนรักษ์ watanarax@yahoo.com
สยามรัฐออนไลน์, 25 พ.ค.2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น