...+

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

คุณค่าเศษไส้เทียน




หลายคนเมื่อผ่านการทำงานมาทั้งวัน พอหลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูร่างกายจิตใจที่อ่อนล้าให้มีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ผู้เขียนมักจะอาศัยเวลาแดดล่มอากาศเย็นสบายยามค่ำได้สวดมนต์ไหว้พระ อย่างน้อยก็ได้ทำให้ใจตัวเองสงบลง และอาจได้คิดอะไรบางอย่างที่ผ่านเข้ามา

วันนี้ขณะที่กำลังนั่งจุดเทียนเล่มน้อยที่เหลือค้างจากคืนที่ผ่านมา เหลือเนื้อเทียนอยู่ไม่มาก จำเป็นต้องต่อเทียนเล่มใหม่ มือก็ล้วงเทียนจากถุงมาต่อเทียนที่ฐานเชิงเทียนด้วยการลนไฟที่ก้น

แต่แล้วก็เห็นที่ก้นเทียนมีเศษไส้เทียนที่ทำจากด้ายสีขาวพันกันยื่นยาวออกมา แสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบของผู้ผลิตที่ไม่ตัดแต่งก้นเทียนให้เรียบร้อย ใจที่มีอคติจึงพยายามจับผิดเพิ่มอีก โดยการมองหาเทียนเล่มอื่นภายในถุงว่า มีเศษไส้เทียนมากน้อยเพียงใด

แน่นอนว่า เทียนหลายเล่มยังมีเศษไส้เทียนดังคาดไว้ ทำให้อารมณ์เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาตามความฟุ้งซ่านที่เก็บสะสมมาทั้งวัน

แต่พออารมณ์เริ่มสงบลง ความคิดดีๆ ก็พลอยปรากฏตัว เพราะด้ายสีขาวที่ก้นเทียนนั้น ช่วยทำให้ไฟติดและช่วยลนให้ก้นเทียนละลายเร็วขึ้น พอวางลงไปกับเชิงเทียนเลยง่ายกว่าเดิม

ไม่เท่านั้น ความคิดดีๆ ยังคงทำงานต่อ เพราะหลายสิ่งที่เราพบเห็นในแต่ละวันล้วนซ้ำๆ เดิมๆ ตั้งแต่เกิดจนหลับตาลง กลายเป็นความเคยชินที่เชื่อมั่นว่า ทุกวันเราก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่พอวันหนึ่งพบว่า สิ่งที่คิดไม่เป็นไปอย่างนั้น

ความหงุดหงิด ความเครียด ความเศร้าก็จะเริ่มเข้าควบคุมใจเราทันทีทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนสามารถแสดงอาการที่ผิดเพี้ยนไปจากปกติทั้งทางสีหน้า พูดจาไม่ไพเราะ หรือรุนแรงสุดก็ทำร้ายกันและกัน

ทั้งหมดมาจากการที่เรามองหลายสิ่งด้วยใจที่แตกต่างกันไป ถ้าเราลองทำใจให้เป็นปกติแล้วมองจะพบว่า โลกนี้ตามที่เป็นจริง หรือลองพิสูจน์ผ่านการเอามือของตัวเราเอง ข้างหนึ่งจุ่มน้ำร้อน อีกข้างจุ่มน้ำเย็น แล้วเอามือทั้งสองออกมาแล้วจุ่มไปในน้ำปกติ มือข้างหนึ่งจะให้ความรู้สึกเย็น และอีกข้างหนึ่งให้ความรู้สึกว่าอุ่น

แต่ถ้าถามว่าเราร้อนหรือเย็นกันแน่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเราเป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่คนอื่นที่จะมาบอกเราได้ว่ามือนั้นควรรู้สึกอย่างไร?

ถ้าใจของเราจึงเป็นตัวเลือกทุกอย่างไม่ใช่มีใครอื่นมาเลือกให้ จะทุกข์หรือสุข จะดีหรือชั่ว เรานั้นก็เลือกได้เอง ฉะนั้น เราควรระวังใจตัวเองให้ดี ไม่ให้โดนหลอกด้วยราคะ โทสะ โมหะ มีสติ พิจารณาทุกอย่างให้ละเอียดก่อนลงมือทำ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจต่อการตัดสินใจในภายหลัง แต่ถ้าเราเลือกทำสิ่งใดไปแล้วทำให้รู้สึกไม่ดีตามมา ก็อย่าทำสิ่งนั้นอีก

เพราะวังวนของความทุกข์หรือความสุข มักเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือ "จิตใจ" สุดท้ายตอนจบก็คงไม่พ้นจากใจเราเช่นเดิม เหมือนไฟที่จุดเทียนแล้วก็ดับที่เทียนนั่นเอง

โดย คุณจักรกริช
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ
หน้าต่างศาสนา, ข่าวสดออนไลน์, 22 มี.ค.2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น