...+
▼
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557
10 เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ
คุณกำลังปวดหัวเพราะลูกดื้อ และไม่ยอมเรียนหนังสือหรือเปล่า? เราสงสัยว่าทำไมเด็กบางคนจึงทำตัวดี ตั้งใจเรียน แต่บางคนก็ไม่สนใจและมารยาทแย่ อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่มีส่วนในการหล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดี แต่พ่อแม่คือส่วนสำคัญที่สุดที่จะกำหนดพฤติกรรมและท่าทีของลูก เรามีเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้
ไม่ว่าเด็กจะดื้อรั้นเกเรแค่ไหน การเปลี่ยนวิธีรับมือก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง
1. อย่าคิดว่าลูกผิด
เรามักโยงพฤติกรรมของเด็กเข้ากับตัวของเขา เช่น ถ้าเด็กไม่เรียนหนังสือ เราก็จะเรียกเขาว่าขี้เกียจ การเหมาว่าเด็กเป็นคนไม่ดีโดยตัดสินจากพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างจะยิ่งทำให้เด็กเชื่อว่าเขาเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ
พ่อแม่ที่ดีจะเชื่อมั่นว่าลูกเป็นคนดี มีเจตนาดี ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ และเข้าใจว่าพฤติกรรมดื้อรั้นเกเรเป็นเพียงสิ่งที่สะท้อนออกมาจากความพยายามที่จะให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เราจำเป็นต้องยอมรับในตัวเด็กและค่อย ๆ ให้โอกาสเขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
2. เข้าใจมุมมองที่แตกต่างของลูก
คุณต้องเข้าใจว่าเด็กมองโลกต่างจากผู้ใหญ่ พวกเขาพูดคนละภาษากับเรา คุณอาจจะคิดว่าคุณกำลังให้คำแนะนำแต่เด็กอาจจะเห็นว่าคุณกำลังบ่น การแสดงความเป็นห่วงในแบบของคุณอาจจะเป็นการบังคับในสายตาของพวกเขาก็เป็นได้
3. เคารพในความคิดของลูก
ก่อนที่จะเราจะสามารถโน้มน้าวให้ใครสักคนเปลี่ยนทัศนคติและยอมรับคำแนะนำได้ เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับมุมมองของเขาเสียก่อน เด็กส่วนใหญ่มักเก็บเรื่องหลาย ๆ เรื่องไว้ในใจ ไม่บอกพ่อแม่ และบางครั้งก็แสดงท่าทีต่อต้านคำแนะนำและความคิดของพ่อแม่อย่างชัดเจน ถ้าคุณอยากให้ลูกพูดคุยอย่างเปิดเผย และฟังคุณ คุณต้องสร้างความเชื่อใจเสียก่อน พยายามใช้ประโยคเช่น “แม่เห็นด้วยว่า…..” “พ่อเข้าใจว่า…..” เมื่อคุยกับลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าคุณฟังเขา
4. ปรับเปลี่ยนท่าทีและมุมมองของลูกอย่างมีชั้นเชิง
การปรับเปลี่ยนท่าทีและมุมมองของคนโดยไม่ใช้การบีบบังคับถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เมื่อคุณได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับลูกและทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณเข้าใจเขาแล้ว ลูกจะเริ่มยอมรับสิ่งที่คุณชี้แนะมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ลูกคุณอาจจะบอกว่า “เรียนไปก็เสียเวลาเปล่า!” คุณอาจจะตอบว่า “ใช่ แม่ก็ว่าเรียนไปก็เสียเวลาเปล่า ถ้าไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำอะไร และอยากเป็นคนไม่เอาไหนให้คนอื่นดูถูก”
5. เริ่มจากตัวคุณ
พ่อแม่หลายคนคิดว่าลูกต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนเพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าลูกจะยอมเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่เขาจะกลับมาทำตัวเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนตัวเองตามนั่นเอง
พ่อแม่ที่ดีควรเชื่อว่าตัวเองมีบทบาทสำคัญในการวางกรอบความคิดและพฤติกรรมของลูก พ่อแม่เป็นคนรับผิดชอบต่อการกระทำและทัศนคติที่ไม่ดีของลูก เปลี่ยนมุมมองของคุณ รับฟัง และให้กำลังใจในสิ่งที่ลูกทำได้ดีและถูกต้องเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี เมื่อลูกรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เขาจะรู้จักรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองมากขึ้น
6. เปลี่ยนวิธีถ้าไม่ได้ผล
คุณอาจจะพร่ำบ่นเรื่องลูกไม่เรียนหนังสือมาห้าปี แต่ก็ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น อย่าเพิ่งคิดโทษตัวเอง แต่ลองมาพิจารณาว่าทำไมวิธีนี้จึงไม่ได้ผล พ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จรู้ว่า “ความล้มเหลว” เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และเป็นก้าวหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ลองเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาหากวิธีที่คุณใช้อยู่ไม่ได้ผล สุดท้ายคุณก็จะเจอวิธีที่ใช่เอง
7. รู้จักยืดหยุ่น
ผู้ปกครองส่วนใหญ่รู้วิธีการสื่อสารแค่หนึ่งหรือสองวิธี นั่นคือการพูดดี ๆ หรือไม่ก็ใช้น้ำเสียงข่มขู่ เมื่อทั้งสองวิธีนี้ไม่ได้ผล พวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ การจะเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จนั้น คุณต้องรู้จักผ่อนปรนและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือให้เข้ากับสถานการณ์ เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่รู้จักผ่อนปรนและทำตัวเดาง่าย ลูกคุณก็จะกลายเป็นคนคุมเกม และความยืดหยุ่นของเด็ก (โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ) นี่เองที่ทำให้พวกเขาคุมพ่อแม่ได้อยู่หมัด
8. อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดี
เด็ก ๆ มักจำกัดตัวเองโดยการคิดว่า “ฉันแค่ขี้เกียจ” หรือ “ฉันไม่ฉลาดพอ” ฯลฯ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มักเกิดจากความรู้สึกที่ว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมอะไรในชีวิตตัวเองได้สักอย่าง พวกเขาเชื่อว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของพวกเขาขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก ถ้าลูกบอกคุณว่าวิชาคณิตศาสตร์ยาก และคุณคอยบอกลูกว่ามันง่าย ลูกก็จะรู้สึกว่าคุณไม่สนใจความรู้สึกหรือความคิดของเขา หรือแย่กว่านั้น อาจจะรู้สึกว่าตัวเองโง่ เพราะแก้โจทย์ง่าย ๆ ไม่ได้
9. สนับสนุนให้ลูกกล้าฝัน
พ่อแม่ที่ดีควรคอยกระตุ้นให้ลูกกล้าที่จะฝัน ไม่ว่าความฝันนั้นจะหลุดโลกแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือความฝันจะทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้นและกระตุ้นให้พวกเขาอยากเรียนรู้ ความฝันของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามอายุ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเป้าหมายในชีวิตต้องค่อย ๆ สร้างไปเรื่อย ๆ ช่วยลูกตามหาความฝัน เพราะนั่นจะทำให้ลูกรู้ทิศทางแล้วเป้าหมายของชีวิต เด็กบางคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร นั่นเป็นเพราะความคิดพวกเขาถูกจำกัดอยู่
10. แนะนำด้วยคำถาม
การบอกให้เด็กทำนู่นทำนี่โดยตรงยิ่งจะทำให้เด็กสร้างกำแพง และไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด การจะทำให้เด็กยอมรับในสิ่งที่คุณแนะนำ คุณควรให้พวกเขาได้บอกความรู้สึกตัวเอง และชี้แนะหนทางให้เขา เราต้องถามคำถามที่กระตุ้นให้เด็กคิดถึงผลของการกระทำ เช่น “ลูกคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกทำอย่างนั้น?” “แทนที่จะทำอย่างนั้น ลูกทำอะไรแทนได้บ้าง?” ฯลฯ คำถามปลายเปิดเช่นนี้จะสนับสนุนให้เด็กได้รู้จักคิดแก้ปัญหา และสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับเขาเมื่อเขาสามารถแก้ปัญหาได้เอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น