...+
▼
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ชีวิตเราได้เกิดมาเป็นคน เกิดมาทำไม
ยิ่งแก่เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและรู้ว่ามันหาความแน่นอนไม่ได้ มีหนังสือเรื่อง “ชำแหละกฎแห่งกรรม” เขียนโดย ร.ต.เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่ มีตอนหนึ่งชื่อ "เกิดมาทำไม" ลองมาวิเคราะห์กันดูว่าเราเข้าเกณฑ์ไหนมั่ง เนื้อหาว่าด้วยสาเหตุของการเกิดของคน มี 20 อย่าง แตกต่างกันประมาณนี้
1. เกิดมาเพื่อใช้กรรม ชาติก่อนทำบุญเยอะ ทำบาปไม่เกิน 30 % ของกรรมทั้งหมด พอตายไปขึ้นสวรรค์ เสวยสุขได้ระยะหนึ่ง เกิดความไม่สบายใจ จึงตัดสินใจลงมาใช้กรรมเก่าชั่วคราว เมื่อเกิดใหม่จะมีความทุกข์ทรมาน แต่ความเดือดร้อนนั้นจะไม่ทำให้หันกลับไปทำชั่วอีก
2. เกิดมาเพื่อสร้างบารมี เมื่อโลกมนุษย์วุ่นวาย ความระส่ำระสาย เทพสวรรค์จะคัดเลือกเทพลงมาช่วยแก้สถานการณ์ เทพเหล่านี้เมื่อลงมาเกิดในโลก ตลอดชีวิตจะต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อความดีงาม เพื่อเสรีภาพไม่หยุดหย่อน
3. เกิดมาเพื่อเป็นประมุข เป็นผู้นำ เทพบางองค์ยอมเสียสละความสุขบนสวรรค์ลงมาเกิดเพื่อเป็นผู้นำหรือเป็นประมุขปกครองคนหมู่มากให้มีความสุข เป็นการสร้างบารมี
4. หนีนรกมาเกิด สัตว์นรกบางตนใช้กรรมในนรกยังไม่ทันหมดก็หนีมาเกิดในโลก ครั้นนายนิรยบาลทราบเรื่องก็จะให้ยมทูตมาเอาตัวกลับไปทรมานอีก สัตว์นรกในร่างมนุษย์นั้นจะอายุสั้นตายตั้งแต่อายุยังน้อย
5. หนีแดนโจรมาเกิด สัตว์ในแดนโจรบางตน ทนทุกข์ทรมานในแดนโจรแต่ยังไม่หมดกรรม ก็หนีมาเกิดในโลก ทำให้มาเกิดเป็นคนพิการแต่กำเนิดหรือมีอุบัติเหตุทำให้กลายเป็นคนพิการในที่สุด
6. หนีแดนเปรตมาเกิด เปรตที่ยังไม่หมดกรรม หนีมาเกิดในโลก จะเป็นคนที่อดอยากยากไร้หิวโหย หาได้ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อดมื้อกินมื้อ หรือ กินแต่ของบูดเน่า ของเหลือเดน
7. หนีแดนปีศาจมาเกิด คนที่ชอบรีดนาทาเร้น คดโกงผู้อื่น ตายไปแล้วต้องไปต่อสู้ฟาดฟันกันเองในแดนปีศาจ บางตนใช้กรรมยังไม่หมดก็หนีมาเกิดในโลก จะเป็นคนอาภัพ ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคมและผู้เกี่ยวข้อง
8. เกิดมาเพื่อเสวยสุข บางคนทำบุญน้อย ทำบาปมาก ต้องไปอบายภูมิเพื่อใช้กรรม เมื่อหมดกรรม ก็ได้กลับมาเกิดในโลกเพื่อรับผลของบุญที่ทำไว้ คนพวกนี้จะมีนิสัยเลวร้ายชอบเอาเปรียบคดโกง แล้วร่ำรวยเพราะการกระทำดังกล่าว เขาจะเสวยสุขเพื่อรอวาระสุดท้ายในชีวิต ซึ่งยมทูตจะมารับกลับไปทรมานในอบายภูมิเช่นเดิม
9. เกิดมาเพื่อเพิ่มเติมบารมีให้เต็ม เทพบางองค์ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกโพธิเจ้า เป็นพระอรหันตสาวก ฯลฯ แม้จะมีบุญบารมีมากมาย แต่ยังบกพร่องในบารมีธรรมบางข้อ จึงได้อำลาพรหมโลก ละทิ้งป่าหิมพานต์ หนีจากแดนบาดาลมาเกิดเป็นคนและจะตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาแต่บุญบารมี ไม่ยอมสะสมหลักฐานหรือทรัพย์สมบัติใดเพื่อตนเอง จะยอมลำบากลำบน ทำแต่ความดี สร้างบารมี บางครั้งคนทั่วไปเลยหาว่าโง่
10. เกิดมาเพื่อเสวยสุขและทุกข์ตามกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติ บางคนไม่สนใจเรื่องบุญบาป นรกสวรรค์ ทำบุญไว้มากกว่าบาป แต่บุญไม่มากพอที่จะส่งขึ้นสวรรค์ บาปก็ไม่มากพอที่จะส่งลงนรก เมื่อตายไปแล้วจึงต้องกลับมาเกิดอีก เสวยผลกรรมตามที่ทำไว้ในอดีตชาติ จะใช้ชีวิตเช่นสามัญชนทั่วไป แสวงหารักแท้ ดิ้นรนเพื่อหน้าที่การงาน ต่อสู้เพื่อให้มีหลักฐานความมั่นคง ทำดีเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ควรกระทำ
11. เกิดมาเพื่อทำลายล้าง เป็นคนที่มากไปด้วยความแค้น ไม่ยอมใคร หากในอดีตชาติเคยถูกกลั่นแกล้งทรมาน จะต้องหาทางแก้แค้น หากไม่ทันได้แก้แค้นและศัตรูตายไปก่อน ก็จะยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยอำนาจความแค้นจะทำให้เขาเกิดร่วมชาติกับศัตรู เพื่อตามทำลายล้างกันตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ลูกชายเจ้าสำราญล้างผลาญทรัพย์สินของพ่อแม่ที่อดออมมาเป็นเวลานาน ภรรยาโขกสับสามี จิกหัวใช้สามีเยี่ยงทาส อาจารย์กลั่นแกล้งนักศึกษาจนต้องลาออกไม่ได้รับประกาศนียบัตร ประกอบการค้าเล็กๆ แต่ก็ถูกนายทุนใหญ่กลั่นแกล้งจนตัวเองล่มจม ประมาณนี้
12. เกิดมาเพื่อปลดเปลื้องคำสาป บางคนทำบุญไว้มาก แต่ไม่ได้ประพฤติศีลครบถ้วน เมื่อตายไปได้ขึ้นสวรรค์ แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เหมาะสม เทพสวรรค์จึงใช้อำนาจบันดาลให้ลงไปรับบทเรียนในโลก พวกนี้ลงมาเกิดด้วยฤทธิ์คำสาปของสวรรค์และด้วยบุญที่ทำมามาก จึงเสวยสุขในโลกแต่เป็นแบบมีขอบเขต เช่น มีเงินทองมากมายแต่คิดทำการใหญ่เมื่อใดจะขาดทุนป่นปี้ มีอาการแพ้วัตถุบางอย่าง เช่น ขึ้นเครื่องบินไม่ได้เพราะมีอาการแพ้รุนแรง
13. เกิดมาเพื่อทดสอบอุดมคติ บางคนทำความดีไว้มาก ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ได้รับความเมตตาจากเทพฝ่ายบริการ แต่เกิดสงสัยว่าเทพฝ่ายบริการซึ่งบุญบารมีใกล้เคียงกับตนเองจึงมีฤทธิ์เหนือกว่า สามารถไปมาระหว่างโลกสวรรค์ โลกมนุษย์และโลกทิพย์ได้ จึงตั้งความปรารถนาที่จะมีฤทธิ์แบบเทพฝ่ายบริการบ้าง จึงขออนุญาติเทพสวรรค์ลงมาสร้างฤทธิ์อำนาจในโลก พวกนี้จะมาเกิดในหมู่โจร เกิดท่ามกลางคนชั่วคนเลว อันธพาล ผู้มีอิทธิพล นักการเมืองที่มีอำนาจ ซึ่งเป็นบททดสอบ ถ้ายอมร่วมมือทำความชั่ว จะมีความสุข มีอำนาจในโลกมนุษย์ แต่จะไม่มีฤทธิ์อำนาจตามที่ปรารถนา แต่ถ้าเข้มแข็ง เป็นคนดีในหมู่โจร ไม่ยอมทำความชั่วแม้จะถูกบีบคั้น เมื่อตายในขณะที่คุณความดียังอยู่ สวรรค์จะต้อนรับ จะมีฤทธิ์อำนาจไปมาข้ามห้วงเวลาได้ สามารถปรากฎตัวในโลกมนุษย์เพื่อรับวัตถุทานที่บุตรหลานบำเพ็ญกุศลไปให้ หรือปรากฎตัวในแดนสวรรค์เพื่อเสวยสุข หรือปรากฎตัวในอบายภูมิเพื่อศึกษาเรื่องผลของกรรม
14. เกิดมาเพื่อเปลี่ยนวงจรชีวิต บางคนเกิดมาทำบุญน้อย ทำบาปมาก หลังจากตายแล้วต้องรับโทษ เมื่อโทษหมดไปประมาณ 90 % ก็กลับมาเกิดเป็นคน และดำเนินชีวิตแบบเดิม คือ ทำบุญน้อย ทำบาปมาก วงจรชีวิตจะหมุนเวียนระหว่างโลกมนุษย์กับอบายภูมิ จนก่อนละโลก ถ้าเริ่มหันหน้าเข้าวัดแต่ผลบุญยังน้อยต้านทานกระแสบาปไม่ได้ ตายไปต้องไปรับทุกข์ในอบายภูมิตามเดิม ก่อนตายได้ตั้งสัตยอธิษฐานว่าจะทำความดีเพื่อไม่ให้ตกต่ำไปกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อเกิดมาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นคนอาภัพ ทำคุณคนไม่ขึ้น ปิดทองหลังพระ แต่จะฝืนทำความดี ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นคนดีที่โลกไม่แยแส เมื่อจบชีวิต วงจรชีวิตจะเปลี่ยนไปได้เสวยสุขในสวรรค์
15. เกิดมาเพื่อก่อตั้งศาสนา เมื่อใดที่ศาสนาเสื่อมทรามจนเหลือแต่หลักวิชาและพระโพธิสัตว์จะมาจุติในโลก เหล่าเทพจะติดตามลงมาเพื่อช่วยกันประกาศหลักธรรม เพื่อให้ศาสนาดำรงอยู่เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป
16. เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์ ในโลกธาตุหนึ่ง จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พร้อมกันสองพระองค์พร้อมกันมิได้ ในขณะที่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ายังอยู่ครบครันมั่นคง หากจะมีใครคนหนึ่งอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เขาผู้นั้นเป็นคนโกหกหลอกลวง ขณะที่พระโพธิสัตว์องค์ หนึ่งจุติลงมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อประดิษฐานพระศาสนา พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็จะติดตามลงมาเกิด เป็นมนุษย์เพื่อรับพุทธพยากรณ์ เป้าหมายของพระโพธิสัตว์ คือ พุทธภูมิ ดังนั้นจะพร่ำสอนชี้แจงอย่างไร พระโพธิสัตว์ก็มิอาจบรรลุคุณวิเศษอันใดได้ พระโพธิสัตว์เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์เท่านั้น
17. เกิดมาเพื่ออุปถัมภ์ บางคนเคยทำบุญร่วมกัน แต่ไม่ได้ทำบาปร่วมกัน คนหนึ่งตายแล้วไปสวรรค์ อีกคนหนึ่งเกิดบนโลกมนุษย์ คนที่เกิดบนโลกมนุษย์จะยิ่งได้รับผลบุญมากเต็มที่เมื่ออยู่ร่วมกับคนที่อยู่บนสวรรค์ หากคนที่อยู่บนสวรรค์ลงมาเกิดและอยู่ร่วมด้วย คนที่อยู่บนโลกมนุษย์ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกบางคนเกิดมาทำให้พ่อแม่ร่ำรวย ค้าขายคล่อง การงานก้าวหน้า แต่ตัวลูกเองประพฤติตัวเกเร ถ้าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านก็จะทำให้ความเป็นอยู่ของพ่อแม่เดือดร้อนอีก
18. เกิดมาเพื่อรับใช้อุปัฎฐาก เมื่อเทพจุติลงมาเกิดเป็นคนเพื่อเพิ่มเติมบารมีธรรมให้เต็ม เทพฝ่ายบริการ เทพผู้รับใช้ประจำตัวจะติดตามลงมาเกิด โดยทิ้งช่วงห่างประมาณ 10 ปีถึง 25 ปี เมื่อเทพองค์นั้นในร่างคน สร้างบารมีตนเอง เทพรับใช้ก็จะมามอบตัวเป็นลูกศิษย์คอยช่วยเหลือปฏิบัติดูแล เมื่อเทพองค์นั้นอำลาจากโลก เทพรับใช้ก็จะอยู่ปฏิบัติงานจนเรียบร้อยแล้วก็จะติดตามกลับไปรับใช้ในโลกทิพย์ต่อไป
19. เกิดมาเพื่อทดสอบพรหมวิหารธรรม เทพผู้สละพรหมโลกมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเลื่อนอันดับเป็นเทพผู้ปกครอง ปกติจะเป็นนักบวช อุทิศชีวิตเพื่อความรุ่งเรืองของศาสนาเป็นนักปฏิบัติธรรมผู้ไม่หวังลาภยศ วางเฉยได้ทั้งต่อคำยกย่องและคำด่า เพราะในหัวใจของอัดแน่นไปด้วยธรรมไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับกามตัณหา
20. เกิดมาเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ ยามใดที่โลกมีวิญญาณชั้นสูงมาเกิดน้อย วิญญาณชั้นต่ำมาเกิดมาก พวกเทพจะอาสามาเกิดเป็นคนเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ เทพเหล่านี้จะได้รับความเจริญในชีวิต ได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์เป็นการตอบแทน ประเพณีโบราณได้แก่ ศิลปวิทยาการอันเก่าแก่ เช่น ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ดนตรี การขับร้องฟ้อนรำ วรรณคดี จิตรกรรม ประติมากรรม วัฒนธรรม
อ่านจนเหนื่อย.. แต่พอเข้าใจว่ามูลเหตุการเกิดมาของคนมันหลากหลายจริงๆ ที่รู้อย่างหนึ่ง คือ เกิดมาต้องตายแน่ๆ แม้จะมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี ก็มีแค่สามหมื่นหกพันวันเท่านั้น มันมีความหมายว่าเพียงได้กินข้าวมากกว่าอีกหลายมื้อ สวมเสื้อผ้าต่อไป ใส่ fitflop ต่อไปได้อีกหลายปีเท่านั้น แล้วจะยังไงดี เวลาผ่านไปรวดเร็ว ยังไม่รู้สำนึก ปีแล้วปีเล่าจนแก่ สังขารทรุดโทรม จะกลับใจจะมุ่งหมายงานธรรมก็มีทีท่าว่าอาจจะสายเกินไป มีแต่กรรมชั่ว คิดว่ามีเวลาหนึ่งวันภาวนาหนึ่งวันก็น่าจะดี แต่ถ้ายังไม่สำนึกรู้ หลงจมวนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์ ท่าจะยากนานและพญายมไม่ไว้หน้าด้วย ความตายมาถึงเร็ว ลมหายใจไม่มีก็ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเกิดมาเป็นอะไร
ชีวิตเราในสังคม ดูๆ ไปสับสนวุ่นวาย มีแต่ความเดือดร้อนรุนแรงมากขึ้นทุกวัน เราเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้มากขึ้นๆ ความรู้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลตามเหตุปัจจัย เปลี่ยนมันทุกปี วิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน หมดแรง สับสน วุ่นวาย ความรู้ไม่เคยช่วยให้มีความสุขที่แท้จริง
"นิพพานัง ปรมัง สุขัง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"
ไม่รู้ต้องวนเวียนอีกกี่ภพกี่ชาติ แต่ชาตินี้แค่ได้เกิดมาเป็นคนก็บุญหนักหนาแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การจะเกิดมาเป็นคนนั้นยากเหลือคณา เหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากแค่ไหน โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่าการที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นคน... โห... คงต้องใจใส่รักษาความเป็นคนกันไว้ให้เหนียวแน่นเลย เลือกทางดีในชีวิตกันบ้างจักเป็นพระคุณยิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น