...+
▼
วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556
"การที่คนเรามีนิสัยที่ไม่ดี ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ดี
Q: "การที่คนเรามีนิสัยที่ไม่ดี ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ดี แต่ก็เผลอทำบ่อยๆเช่น ขโมยของ ช้อปปิ้งเกินตัว โกหก เล่นการพนัน อิจฉาผู้อื่น ล้อปมด้อยใครๆ คนๆนั้นควรคิดและแก้ไขอย่างไรคะ..นิสัยนั้นๆจะหายไปไหมคะ" ============== A: จะหายไม่หาย ก็ขึ้นกับว่าจะลงมือแก้ไขจริงจังหรือเปล่า ต้องเริ่มจากการรู้ตัว และยอมรับก่อนว่า สิ่งที่ทำมันเป็นโทษเป็นภัย นำความฉิบหายมาสู่ตนเองและคนรอบข้างยังไง คือถ้าไม่มีตรงนี้ ก็ไม่มีฉันทะ ไม่เห็นประโยชน์ที่จะลงมือทำเพื่อแก้ไข เมื่อไม่มีฉันทะ ใครจะแนะนำอะไร ก็ไม่สนใจจะทำเพราะไม่มีแรงจูงใจ เมื่อไม่สนใจ ก็ไม่ใส่ใจ ไม่พยายาม สุดท้ายผลก็ไม่เกิด เอาขั้นแรกให้ได้ก่อนครับ แล้วที่เหลือ ก็ต้องตั้งใจรักษาศีล เอาศีลเป็นรั้ว แล้วพัฒนาสติขึ้นมา มีสติแล้วจะมีสัมปชัญญะ เริ่มพิจารณาว่า ไอ้ที่กำลังจะทำ มันมีสาระหรือไม่มีสาระ มีประโยชน์หรือไม่มี สมควรที่เราจะทำหรือไม่สมควร พอเริ่มพิจารณาได้ ที่เหลือก็ขึ้นกับกำลังใจ ว่าจะต้านทานความเคยชินเดิมๆได้ไหม ซึ่งถ้ามีทั้งความตั้งใจจะรักษาศีล ๕ สติ สัมปชัญญะ ประกอบกัน มันจะค่อยๆมีความเกรงกลัว ละอายต่อบาปเพิ่มขึ้นตามมา มันถึงจะแก้ได้ครับ เคยมีนิทานเล่าว่า ครั้งนึง มีปู่กับหลานคุยกัน ปู่สอนหลานว่า "หลานรู้มั้ย ในใจคนเราทุกคนมีหมาป่าอยู่สองตัวคอยสู้กันอยู่เสมอๆ" "หมาป่าตัวแรกสีดำ มีชื่อว่าบาป คือกิเลสความโลภ โกรธ หลง อาฆาต พยาบาทขาดสติทั้งหลาย" "หมาป่าตัวที่สองสีขาว มีชื่อว่าบุญ คือกุศลความมีสติ ขันติ เมตตา ศีล สมาธิ ปัญญา หิริโอตตัปปะ ความเกรงกลัวและละอายต่อบาปทั้งหลาย" หลานฟังจบ ก็ถามปู่ว่า "แล้วตัวไหนชนะฮะปู่" ปู่ยิ้ม มองหลาน แล้วตอบว่า "ก็ตัวที่เราให้อาหารมันบ่อยๆไงครับ" มีสติกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น