...+

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

จากผู้ชายแปลกหน้า ถึง ผู้ชายแปลกหน้า ที่ขอคาระวะหัวใจ ..

จากผู้ชายแปลกหน้า ถึง ผู้ชายแปลกหน้า ที่ขอคาระวะหัวใจ ..
Thon Thamrongnawasawat
เมื่อกี้ผมเพิ่งเข้าไปอ่านเฟซของน้องวสุ Wasu Suchantabut นานมากแล้วที่ผมไม่ได้น้ำตาซึมให้กับคนที่ไม่รู้จัก ยิ่งนานกว่านั้นที่ไม่ได้เสียน้ำตาในช่วงใกล้วันปีใหม่ เฟซของน้องไม่มีอะไร เป็นเรื่องสามัญของหนุ่มคนหนึ่ง ทำงาน...เที่ยว...ปาร์ตี้...ไลน์...อัปเฟซ หนุ่มที่ในอนาคตอันใกล้ ลูกผมอาจโตมาเป็นเช่นนั้น แต่น้องวสุมี...ในสิ่งที่ผมอยากให้ลูกผมมี เขาซื่อตรงต่อความคิดตัวเอง ทำตามความคิดตัวเอง เมื่อไตร่ตรองแล้วไม่เห็นด้วย...คือไม่เห็นด้วย เมื่อคิดแล้วต้องทำ เมื่อทำแล้วต้องไปให้สุดทาง เพราะฉะนั้น น้องจึงฝากข้อความไว้ในไลน์...ถึงเพื่อน “ลุยกะแม่ง” ... น้องครับ ลุยกะแม่งของน้อง บางคนอาจมองว่ารนหาที่ แต่สำหรับพี่ ลุยกะแม่ง คือความชัดเจนในตัวตน คือความมั่นอกมั่นใจว่าเราจะทำในสิ่งที่เราคิดว่าสมควร ลุยกะแม่งด้วยมือเปล่า ลุยกะแม่งโดยไม่มีผลประโยชน์ใดที่ได้รับ ลุยกะแม่งโดยไม่ทำร้ายใคร ลุยกะแม่งเพื่อปกป้องคนที่คิดเหมือนกัน ลุยกะแม่ง เพื่อความหวังเดียว ความหวังว่าเราจะมีบ้านมีเมืองที่ดีกว่า ... แม้ลุยกะแม่งของน้องจะลงเอยด้วยความสูญเสียสุดหยั่งคาด ทั้งน้อง ทั้งครอบครัวน้อง ทั้งเพื่อนฝูงคนรู้จัก หรือแม้กระทั่งคนไม่รู้จัก...อย่างพี่ก็ตาม แต่น้องครับ สิ่งที่น้องฝากไว้ มันมีความหมาย พี่ไม่อาจพูดว่า จะจดจำน้องตลอดไป เพราะพี่ไม่รู้จักน้อง แต่พี่สามารถพูดได้เต็มปาก พี่จะจดจำการกระทำของน้องตลอดไป เพราะการกระทำคือตัวตนของเรา ยามเราดำรงอยู่ และการกระทำคือสิ่งที่คนอื่นคิดถึง เมื่อเราจากไป ร่างกาย เงินทอง อื่น ๆ และอื่น ๆ ล้วนมลาย แต่การกระทำจักจารึกไว้...ในใจผู้ยังอยู่ วันนี้น้องวสุ ได้จารึกบันทึกชีวิตของเขาแล้ว ด้วยการกระทำที่ชัดเจน ไร้ข้อกังขา ลุยกะแม่ง...เพื่อเมืองไทยที่ดีกว่า ตามความคิดของน้องเอง ... มาถึงบรรทัดนี้ ผมเริ่มอายตัวเอง เริ่มอายว่า ตัวเองอาจคิดได้ไกลกว่า ด้วยมีประสบการณ์มากกว่า เห็นโลกมากกว่า อยู่ในตำแหน่งของสังคมดีกว่า สามารถทำอะไรได้มากกว่า แต่ผมกล้าทำตามความคิดตัวเอง...เช่นนั้นหรือไม่ ? ผมขอแสดงความเสียใจกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับน้องวสุ และขอขอบคุณที่ช่วยกันทำให้น้องเขาเป็นคนเช่นนี้ คนที่ผมจะคิดถึง ยามเมื่อผมเริ่มลังเล คนที่ผมจะนึกถึง ยามเมื่อผมเริ่มหาข้ออ้างให้กับตัวเอง คนที่ผมจะระลึกถึง ยามเมื่อเลี้ยงลูกผมให้เติบโตขึ้นมา ลูกเอ๋ย ต้นทุนเจ้าก็พอมี เพราะฉะนั้น เมื่อเจ้าเติบใหญ่ จงใช้ชีวิตอย่าให้อับอาย ลูกผู้ชายชื่อ “วสุ” ไม่ต้องขอพร ด้วยมั่นใจว่าน้องจะไปอยู่ในที่ซึ่งคนดีที่สุดคนหนึ่งพึงได้รับ จากพี่ ผู้ไม่รู้จักน้องตอนมีชีวิตอยู่หรอก แต่จะจำน้องไว้มากกว่าบางคนที่พี่รู้จักมาตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น