...+

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กิจ37ประการของพระโพธิสัตว์....โดย งุลจู ท็อกเม ซังโป



๑. ในขณะนี้ ซึ่งได้อยู่ในกายอันไม่ต้องทำงานหนักและและมีโอกาสอันดี อันได้มาโดยยาก การตั้งใจฟัง ตั้งใจคิดใตร่ตรอง และตั้งสมาธิทั้งคืนและวัน เพื่อปลดปล่อยตนเองและผู้อื่นให้หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒. จิตของผู้ที่ยึดติดกับคนรักระส่ำระสายดุจสายน้ำ จิตของผู้ที่เกลียดชังศัตรูเผาไหม้ดั่งเช่นไฟ จิตของผู้ที่โง่เขลาหลงลืมไปว่าจะรับอะไรไว้ และจะทิ้งอะไร เต็มไปด้วยความบดบัง การไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓. เมื่อละเว้นจากสถานที่ที่เป็นอันตราย ความรู้สึกยุ่งเหยิงต่างๆจะค่อยๆลดน้อยลงไป การปราศจากความไขว้เขวจะทำให้ความอุตสาหะในทางที่ดีเพิ่มขึ้น เมื่อมีจิตใจที่แจ่มแจ้งบริสุทธิ์ การเข้าใจหลักธรรมอันแจ่มชัดแน่นอนก็จะเกิดขึ้น การฝึกฝนโดยปราศจากความไขว้เขว คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๔. เพื่อนที่มีความสัมพันธ์คบหาสมาคมกันมานานก็จะจากกันไป ทรัพย์สมบัติและสิ่งที่ครอบครองมาด้วยความพยายามก็จะต้องละทิ้งไป วิญญาณซึ่งเป็นแขกพักอาศัยอยู่ในกายก็จะออกจากกายไป การไม่ยึดติดกับชีวิตนี้ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๕. เมื่อไปพัวพันกับคนพาลผู้มีจิตอกุศล พิษสามประการจะเพิ่มขึ้น กิจในการฟัง ในการไตร่ตรอง ในการทำสมาธิก็จะลดถอยลง ความเมตตา และความกรุณาก็จะหมดสิ้นไป การละทิ้งการคบหากับคนพาล คือกิจกฎิบัติของพระโพธิสัตว์

๖. เมื่อไว้วางใจในกัลยาณมิตรผู้เจริญธรรมกับปัญญา ความบกพร่องก็จะหมดไป คุณสมบัติดีๆก็จะเจริญงอกงามคล้ายดวงจันทร์ที่กำลังจะเต็มดวง การคบหาและยึดมั่นในกัลยาณมิตรผู้เจริญธรรมและปัญญามากกว่ายึดมั่นในกายของตนเอง คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๗. แม้แต่เทพเทวดาก็ยังถูกจองจำอยู่ในคุกของเวียนว่ายตายเกิด แล้วพวกเขาจะมาปกป้องผู้อื่นได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อหาที่พึ่ง จงพึ่งพระรัตนตรัยที่ไม่มีความหลอกลวง นี่คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๘. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวไว้ว่าความทุกข์อันไม่อาจทนทานได้ในอบายภูมิทั้งสาม เป็นผลของการการทำชั่ว เพราะฉะนั้น การละเว้นการทำชั่วแม้จะเป็นภัยแก่ชีวิตของตนเอง คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๙. ความเพลิดเพลินสนุกสนานในกามาวจรภูมิทั้งสาม เปรียบดั่งน้ำค้างบนปลายใบไม้ อันจะหายไปในชั่วพริบตา การปฏิบัติให้บรรลุถึงสถานะที่มั่นคงถึงการหลุดพ้นอันไม่เปลี่ยนแปลง คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๐. เมื่อแม่ทั้งหลายที่ได้เคยดูแลเราเป็นอย่างดีนับตั้งแต่ห้วงเวลาที่ไม่มีจุดกำเนิดกำลังทนทุกข์ทรมาน ความสุขของเราเองจะมีประโยชน์อันใดเล่า? เพราะฉะนั้น การมุ่งหมายอันเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งเพื่อช่วยให้ทุกชีวิตอันไม่มีประมาณได้หลุดพ้น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๑. ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีข้อยกเว้นเกิดขึ้นจากความต้องการความสุขเพื่อตัวเราเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเกิดขึ้นจากจิตที่เห็นแก่ความสุขของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง การแลกเปลี่ยนความสุขของเรากับความทุกข์ของผู้อื่น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๒. แม้ว่าผู้อื่น ซึ่งถูกชักจูงด้วยความโลภจักได้ลักทรัพย์ทั้งหมดของเราไป หรือทำให้ทรัพย์ของเราถูกขโมยไป การอุทิศร่างกาย ทรัพย์สิน และบุญบารมีที่ได้สั่งสมมาตลอดกาลทั้งสามให้แก่คนเหล่านั้น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๓. แม้ว่าผู้อื่นจะมาตัดศรีษะของเราในขณะที่เราปราศจากความผิดแม้แต่น้อยนิด การน้อมรับการกระทำอันชั่วร้ายของเขาทั้งปวงมาไว้ที่ตัวเราด้วยพลังแห่งความกรุณา คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๔. แม้บางคนจะด่าว่าร้ายเราต่างๆนานาด้วยการป่าวประกาศไปทั่วทั้งหนึ่งพันล้านโลก แต่การพูดถึงคุณงามความดีของผู้นั้นด้วยจิตที่เปี่ยมไปความรักความโอบอ้อมอารี คือกิจปฏิบัติของประโพธืสัตว์

๑๕. แม้จะมีผู้เปิดโปงความผิดทั้งหลายของเรา หรือพูดถึงเราในทางลบต่อหน้าสาธารณชน แต่การแสดงความเคารพต่อคนผู้นั้น และมองเขาผู้นั้นเป็นกัลยาณมิตรผู้เป็นผู้ร่วมเดินทางสู่การหลุดพ้น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๖. แม้บางคนที่เราเคยดูแลเหมือนเป็นลูกของเราเอง กลับมามองว่าเราเป็นศัตรู การดูแลรักษาเขาด้วยความรักใคร่เปรียบเสมือนแม่ที่ดูแลลูกด้วยความรักเมื่อลูกป่วย คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๗. แม้ว่ามีคนที่เท่ากันหรือด้อยกว่ามาดูถูกเราด้วยความหยิ่งยโส การยกเขาผู้นั้นไว้เหนือกระหม่อมด้วยความเคารพอย่างสูงดุจดังเคารพอาจารย์ของเรา คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๘. แม้ชีวิตของเราจะยากจน ถูกนินทาว่าร้ายจากผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นทุกข์จากการเจ็บป่วยที่ร้ายแรง ทั้งเจ็บป่วยทางกาย และถูกภูตผีปีศาจทำร้าย การไม่มีความรู้สึกท้อแท้และน้อมรับเอาความชั่วร้ายและความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิตทั้งปลายทั้งปวงไว้ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๑๙. แม้เราอาจจะมีชื่อเสียงและมีผู้อื่นมากมายมาเคารพยกย่อง และร่ำรวยดุจดั่งเทพแห่งทรัพย์ การประจักษ์แจ้งว่าโชคลาภทั้งหลายในโลกไม่มีแก่นสาร และการปราศจากความหยิ่งทะนง คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๐. ในยามที่ไม่สามารถปราบความโกรธและความเกลียดชังภายในตัวเราแม้ว่าจะสามารถ ปราบศัตรูภายนอกได้ เราก็จะมีแต่ศัตรูเพิ่มมากขึ้น การเอาชนะจิตใจของเราให้สงบได้ด้วยกองทัพแห่งความเมตตาและความกรุณา คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๑. ความสุขจากความรู้สึกภายนอกต่างๆเปรียบเสมือนน้ำเค็ม ที่ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งเกิดความกระหายมาก การปลดปล่อยสิ่งที่ทำให้เกิดการยึดมั่น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๒. ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจิตของตนเอง ตั้งแต่เริ่มแรกจิตปราศจากการปรุงแต่งใดๆ การเข้าใจเรื่องนี้และไม่ยึดติดกับการแบ่งแยกผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๓. เมื่อพบกับความสนุกสนานเพลิดเพลิน แม้ว่าจะสวยงามดังสายรุ้งในฤดูร้อน พึงอย่าเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ การไม่มองสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นของจริง และการละทิ้งในการยึดมั่น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๔. ความทุกข์ต่างๆเปรียบเสมือนการตายของเด็กในความฝัน การหลงคิดไปว่าสิ่งลวงต่างๆเป็นจริงทำให้เราเหนื่อยล้า ดังนั้น เมื่อพบกับเหตุการ์ณที่ไม่พึงประสงค์ ให้มองว่าเป็นสิ่งลวง นี่คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๕.เมื่อเราเสียสละได้แม้ร่างกายของเราเพื่อมุ่งตรงสู่พระนิพพาน แล้วจะมีเหตุอันใดที่ต้องกล่าวถึงวัตถุภายนอกเล่า เพราะฉะนั้น การบำเพ็ญทานและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยไม่หวังผลตอบแทน คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๖. หากขาดเสียซึ่งศีลแล้ว ก็จะไม่สามารถแม้บรรลุจุดประสงค์ของตนเองได้ ดังนั้น ยิ่งความปราถนาที่จะสนองความประสงค์ของผู้อื่นก็ยิ่งเป็นเรื่องตลก เพราะฉะนั้น การรักษาศีลโดยปราศจากความปราถนาในทางโลก คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๗. สำหรับพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาความสุขจากพระธรรมนั้น ทุกๆคนที่ก่อให้เกิดภัยอันตรายเป็นดั่งทรัพย์สมบัติอันมีค่า เพราะฉะนั้นการฝึกฝนขันติโดยปราศจากความมุ่งร้ายใดๆ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๘. แม้พระสาวกและพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ซึ่งบรรลุถึงการปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ก็ยังเพียงพยายามราวกับกำลังจะดับไฟที่กำลังไหม้อยู่บนศีรษะ เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว การปฏิบัติวิริยะ การขยันหมั่นเพียร อันเป็นบ่อเกิดของคุณลักษณอันดีงามเพื่อยังประโยชน์แก่สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๒๙. เมื่อเข้าใจแล้วว่ากิเลสต่างๆถูกทำลายได้ด้วยญาณอันเกิดจากสมถสมาธิ การฝึกฝนสมาธิอันพ้นไปจากอรูปฌานทั้งสี่อย่างสมบูรณ์ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๐. หากขาดเสียซึ่งปัญญา การตรัสรู้ที่สมบูรณ์แบบโดยอาศัยบารมีทั้งห้าที่เหลือนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนอุบายหรือเส้นทางด้วยปัญญาที่ไม่แบ่งแยกระหว่างมณฑลทั้งสาม คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๑. หากเรามีแต่เพียงรูปร่างท่าทางของผู้ปฏิบัติแต่ไม่ตรวจสอบข้อบกพร่องของตนเอง จะเป็นไปได้ว่าเราอาจปฏิบัติในทางที่ตรงกันข้ามกับพระธรรม เพราะฉะนั้น การหมั่นตรวจสอบข้อบกร่องของตนเอง และการกำจัดข้อบกพร่องเหล่านั้น คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๒. หากเราถูกกระทบจากกิเลสต่างๆ แล้วชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ เราเองก็จะด้อยลงไป ดังนั้น การไม่พูดถึงข้อผิดพลาดของผู้ที่ได้เข้าสู่เส้นทางของมหายาน คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๓. เนื่องจากลาภกับยศทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท และทำให้ความสามารถในการฟัง การไตร่ตรองกับการตั้งสมาธิลดถอยลง การไม่ยึดมั่นกับบ้านเรือนของเพื่อนๆ ญาติๆ หรือผู้ให้การอุปภัมภ์ทั้งหลาย คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๔. เนื่องด้วยการพูดหยาบคายและเพ้อเจ้อทำให้จิตผู้อื่นไม่สงบ และทำให้ความประพฤติของพระโพธิสัตว์เสื่อมถอยลง การไม่พูดพยาบคายและไม่พูดเพ้อเจ้อที่ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๕. เมื่อกิเลสได้ฝังลึกลงไปจนเป็นนิสัย การเอาชนะกิเลสก็ทำได้โดยยาก แต่ด้วยอาวุธอันได้แก่สติ การทำลายกิเลสต่างๆเช่นโลภะให้ได้ในทันใดที่กิเลสนั้นเริ่มเกิดขึ้นมา คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๖. โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ก็ตาม เราควรถามตัวเองว่าจิตของเรากำลังอยู่ในสภาวะใด การตอบสนองจุดมุ่งหมายของผู้อื่นด้วยการมีสติสัมปชัญญะพร้อมอยู่ตลอด คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

๓๗. เพื่อปัดเป่าความทุกข์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวงที่ไม่มีจำนวนจำกัดด้วยปัญญาที่เข้าใจความบริสุทธิ์ของมณฑลทั้งสาม การอุทิศผลบุญที่ได้มาจากการพยายามนี้ให้แก่การตรัสรู้ คือกิจปฏิบัติของพระโพธิสัตว์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น