...+

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การแก้กรรมมีจริง แต่ก่อนอื่นต้องรู้ให้จริงว่า ‘กรรม’ คืออะไรกันแน่

วาทะ...ดังตฤณ

การแก้กรรมมีจริง แต่ก่อนอื่นต้องรู้ให้จริงว่า ‘กรรม’ คืออะไรกันแน่

พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม

กรรมที่สั่งสมไว้มากแล้ว กระทั่งทำเป็นประจำด้วยความรู้สึกว่านี่คือตัวตนของตนเอง เรียกว่า ‘อาจิณณกรรม’ หรืออีกนัยหนึ่งคือนิสัย ความเคยชินที่จะทำอะไรอย่างหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขหนึ่งๆ

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสมาชิกในครอบครัวทำอะไรไม่ได้อย่างใจ แต่ละคนจะมี ‘ปฏิกิริยาประจำตัว’ แตกต่างกันไป บางคนแค่คิดด่าอยู่ในใจ บางคนอดไม่ได้ต้องออกปากพูดกระแทกกระทั้นเหน็บแนม บางคนถึงกับแสดงกิริยาฮึดฮัดฟึดฟัดเหมือนจะฟาดงวงฟาดงาอยู่กับลมแล้ง

แต่ถ้าเป็นบุคคลในที่ทำงาน ถ้าทำอะไรไม่ได้อย่างใจก็จะปรากฏ ‘ปฏิกิริยาประจำตัว’ ผิดแผกออกไป คือ ถึงแม้อยู่ภายใต้แรงกดดันหนักหน่วง ก็ยังใจเย็นอยู่ได้ สงบนิ่งอยู่ได้ พูดง่ายๆว่าไม่ควบคุมตัวเองที่บ้าน แต่ควบคุมตัวเองได้ดีในที่ทำงาน ยอมเก็บกดอารมณ์ในที่ทำงานแล้วค่อยไประบายที่บ้าน

เมื่อสะสมนิสัยไว้อย่างไร ก็จะเห็นผลในปัจจุบันเป็นกระแสจิตสอดคล้องกันตามนั้น เช่น อยู่ในที่ทำงานมีจิตแบบเย็น แต่พอเข้าบ้านปุ๊บกลับมีจิตแบบร้อนทันที

เราสามารถใช้ความรู้สึกเป็นกระจกส่องวิญญาณตัวเองได้ เช่น ถ้าเข้าไปอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้เยือกเย็น จะรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณของตัวเองเป็นมนุษย์รูปร่างหน้าตาดีมีใจสูง แต่พอเข้าไปอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้เร่าร้อน จะรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณของตนเองเป็นปีศาจร้ายพร้อมอาละวาด

จิตวิญญาณอันเป็นที่รู้สึกได้แก่ตนเองนั้น หากเข้มข้นมากพอ ก็จะเป็นที่รู้สึกได้กับคนอื่นเช่นกัน

และในความเป็นจริง จิตวิญญาณมีปกติเป็นที่รู้สึกแก่ตนเองและคนอื่นอย่างไรโดยมาก ก็คือสิ่งที่จะปรากฏเปิดเผยชัดเจนต่อสายตาทั่วไปในกาลข้างหน้าด้วย

การแก้กรรมที่แท้จริง คือการแก้นิสัย ดังนั้น การแก้กรรมจึงเป็นการเปลี่ยนความเคยชินที่จิตมั่นถือมั่นไว้ ประดุจสมบัติอันน่าหวงแหนของตน อาจกล่าวได้ว่า การแก้กรรมคือสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในชีวิต อาจกินเวลาแรมปี ไม่ใช่แค่ทำพิธีตัดเวรตัดกรรมกันง่ายๆที่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็จบ

ผลทันทีที่จะได้รับจากการแก้กรรม ต้องดูเข้ามาที่ความรู้สึกภายในเป็นอันดับแรก ถ้าทุกครั้งที่เจอเรื่องร้อน แล้วมีสติเจริญขึ้นในระดับความคิด สามารถเบี่ยงเบนความคิดจากทางร้อนให้มาสู่ทางเย็น นั่นเป็นลางดีที่แก้กรรมได้แล้วในก้าวแรก ยิ่งแก้กรรมทางความคิดในสถานการณ์ลำบากได้บ่อยขึ้นเท่าไร ก็จะรู้สึกว่าจิตวิญญาณตัวเองยกระดับ หรืออย่างน้อยเป็นมนุษย์รูปร่างหน้าตาดีมีใจสูงขึ้นเรื่อยๆ พอผ่านวันผ่านเดือน แม้กระจกเงาภายนอก ก็สามารถสะท้อนความเปลี่ยนแปลงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าดูดีขึ้นเพียงใด

ถ้าจิตวิญญาณและรูปลักษณ์ภายนอกเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น ก็สะท้อนว่าสนามพลังกุศลหรือแสงสว่างรอบตัวเข้มข้นขึ้นแล้ว สนามพลังกุศลนั้นเองจะเหนี่ยวนำคุณไปหาเรื่องดีๆ หรือโน้มน้าวเรื่องดีๆ คนดีๆเข้ามาหาคุณ ถึงจุดนั้นคุณจะหมดความคลางแคลง ศรัทธาว่า ‘ผลของการแก้กรรม’ มีจริงอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น