...+

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

....หัวใจของท่านติช กวาง ดึ๊ก ไม่ได้มอดไหม้ไปกับกองเพลิงปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ เมืองเว้


....หัวใจของท่านติช กวาง ดึ๊ก
ไม่ได้มอดไหม้ไปกับกองเพลิงปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่
เมืองเว้


*หลวงพ่อติช กวาง ดึ๊ก พระโพธิสัตว์ที่ต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต*
ที่มา : *http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3338*
****
 ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ช่างภาพคือ มัลคอล์ม บราวน์
ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์
*หลวงพ่อติช กวาง ดึ๊ก พระโพธิสัตว์ที่ต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต
ในวันที่ ๘ พ.ค. ๒๕๐๖***
 *ความดีของท่านยังคงอยู่ ....... ชื่อท่าน เป็นอมตะตราบเท่านาน ........
อยู่คู่ชาวพุทธ ผู้ใฝ่ในชีวิตอันปกติสุข *
*Heart**....หัวใจของท่านติช กวาง ดึ๊ก ไม่ได้มอดไหม้ไปกับกองเพลิง
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในสถูปทองคำ ที่วัดเทียนมู่* เมืองเว้
ประเทศเวียดนาม.........ผู้ส่งเมล์นี้มาให้อ่าน
ไม่มีเจตนาเป็นอื่น  มีเพียงเจตนา
…ขอเชิญชวนท่านชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย......... ได้ร่วมลงนาม
ต่อต้านการทำลายพุทธสถาน Mess Aynak
ในประเทศอัฟกานิสถาน.....ผ่านอินเตอรเน็ตข้างล่างนี้
เพียงกรอก…
1.     …ชื่อ นามสกุล และ …
2.     .ใส่รหัส   code 1000
3.     copy คัดลอกข้อความด้านข้างซ้ายมือทั้งหมด post วาง ใส่ชื่อ นามสกุล
ของท่าน ท้ายสุดด้านล่างจ้า  ……….ขัอมูลจะส่งตรงถึง องค์กรยูเนสโก UNESCO
****
  Note to forward to your friends:  แล้วร่วม ส่งต่อให้เพือนๆ
ได้มีโอกาสที่ดี ได้ร่วมลงนามจ้า

Hi!

I just signed the petition "Save our Past-Ask UNESCO to include Mess Aynak
on the list of endangered sites" on Change.org.

It's important. Will you sign it too? Here's the link:

http://www.change.org/petitions/save-our-past-ask-unesco-to-include-mess-aynak-on-the-list-of-endangered-sites

Thanks!

I am Natyakul   Tht….To….  All  my pure loves
*....นี้คือโอกาสที่ดี ที่สุดในชีวิตของท่าน
ที่จะได้ช่วยกันรักษาพุทธสถานเอาไว้ รูปปั้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พุทธสถานที่ได้ถูกสร้างโดยท่านชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย*
*ที่มีศัรธาในพระพุทธศาสนา ที่ได้เคยอาศัยในประเทศอัฟกานิสถาน*
...ชาวไทยก่วา 95 % ท่านเขียนว่านับถือพระพุทธศาสนา *
ถึงเวลาแล้วที่จะแสดงตนปกป้องรักษา**พุทธสถาน มาร่วมกันแสดงพลัง  เพื่อรักษา
ทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา ให้คงอยู่เป็นวัตถุถาวร*
*ชีวิตของมนุษย์ยุคนี้ 120 ปี หรือมากก่วา อาจน้อยก่วา
แต่วัตถุถาวรของพระพุทธศาสนาจะคงอยู่นานหลายพันปีเพื่อยืนยันให้สังคมมนุษย์รุ่นต่อๆไปได้เห็น
เกิดความรู้ เกิดศรัทธา มีความมั่นใจ ว่าพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาเคยมีอยู่จริง จะได้กระทำตามคำสอนของพระพุทธองค์
เกิดประโยชน์กับสังคมมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตราบนานเท่านาน*
*........ผลบุญนี้จะส่งให้ท่านได้รับการปกป้องคุ้มครองที่ดีที่สุด
ถูกต้องเป็นธรรม แม้จะเคยถูกเอาเปรียบก็สามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง
ให้เกิดความเป็นธรรมกับตัวท่านและสังคมมนุษย์ ......
ที่ถูกต้องอยู่แล้วจะประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดฝัน
แล้วทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมเพื่อท่านเสมอ ด้วยพลังพุทธานุภาพ.....***
*......ขอเชิญท่านทั้งหลายมาพิสูจน์ สัมผัสด้วยตัวท่านเองจ้า* *...**^___^**...
* Natyakul

=================================================================
 v  ที่มา * **หลวงพ่อติช กวาง ดึ๊ก** **ได้**ต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต
* :  *http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3338*
 ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ช่างภาพคือ มัลคอล์ม บราวน์
ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์**
สมัยที่ประเทศเวียดนามใต้มีประธานาธิบดี คือ นาย *โง ดินห์ เดียม*
ช่วงนั้นพระพุทธศาสนาในเวียดนามใต้ถูกทำลายเป็นอย่างมาก
เนื่องจากโง ดินห์ เดียม มาจากครอบครัวคาทอลิกที่เคร่งครัด พี่ชายของเดียม คือ*โง
เดียม ถึก* เป็นสังฆราชคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิกในเวียดนามใต้ และน้องชาย คือ
*โง ดิน นูห์** *เป็นหัวหน้าตำรวจลับผู้มัวเมาในอำนาจ
ชอบกดขี่ข่มเหงประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ
 รัฐบาลของเดียมได้ออกนโยบายบังคับให้ประชาชนหันมานับถือศาสนาคริสต์
พอถึงวันวิสาขบูชาที่ ๘ พฤษภาคม ปี ๒๕๐๖ โง ดินห์ ถึก
ซึ่งเป็นสังฆราชคริสเตียน
สั่งให้ประชาชนทุกบ้านชักธงรูปไม้กางเขนของศาสนาของคริสเตียนโรมันคาทอลิกขึ้น
และออกคำสั่งห้ามชาวพุทธชักธงธรรมจักร
ถ้าพุทธศาสนิกชนในเมืองเว้ชักธงทางพุทธศาสนาขึ้น
เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะนำธงลงจากเสา
แล้วนำไปเผาทิ้ง
เมื่อชาวพุทธจัดงานวันวิสาขาบูชา รัฐบาลได้ส่งตำรวจบุกเข้าไปก่อกวน จนทำให้ผู้หญิง
๑ คนกับเด็กตายไป ๘ คน
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวพุทธในประเทศเวียดนามโกรธและออกมาเดินขบวนประท้วงเป็นจำนวนมาก
พอบาทหลวงโรมันคาทอลิกรู้เรื่อง
จึงโทรเลขด่วนไปยัง โง เดียม ถึก ที่วาติกัน โง เดียม ถึก
จึงโทรเลขสั่งให้ปราบปรามแบบ "มิชชั่น" (ปราบปรามอย่างรุนแรงขั้นเด็ดขาด)
กับพุทธศาสนิกชนในฐานะศัตรูพระเจ้า
 เจ้าหน้าที่ตำรวจคริสเตียน ได้ขับรถบรรทุกชนฝ่าเข้าไปกลางขบวน
อันมีพระภิกษุสงฆ์และแม่ชีซึ่งอยู่แถวหน้า ถูกรถทับตาย ๗๐ รูป พุทธศาสนิกชนตาย
๓๐ คน และบาดเจ็บจำนวนพันกว่าคน *รัฐบาลเดียมกล่าวหาว่า** **
มีคอมมิวนิสต์แทรกซึมปลอมตัวเป็นพระในศาสนาพุทธ** **
จึงทำการปราบปรามชาวพุทธหนักขึ้น** *พระสงฆ์ถูกฆ่ามรณภาพมากมาย
วัดทางพุทธศาสนาถูกเผาทำลาย นอกจากนี้แล้วยังออกกฎห้ามสร้างพระพุทธรูปบูชา
ให้นำรูปพระเยซูมาตั้งแทน ใครทำหายหรือทำลายจะได้รับโทษสถานหนัก
เมื่อมีการอบรมข้าราชการ ต้องให้บาทหลวงมาทำการอบรมข้าราชการด้วย
มีนโยบายเปลี่ยนคำสอนของพุทธศาสนาและพระไตรปิฏก
เป็นต้น
*ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้สักหน่อยนะครับ*

สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้นั้น อยู่ในช่วงสงครามเย็น (Cold war)ที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์
โดยสหภาพโซเวียต และจีน
และฝ่ายประชาธิปไตย โดยสหรัฐอเมริกา
กำลังขับเคี่ยวทำสงครามกันอยู่ ผ่าน "สงครามตัวแทน"

เวียดนามในสมัยนั้น ก็เป็นสมรภูมิหนึ่ง ในสงครามตัวแทนนี้
โดยการถูกแบ่งเป็น ๒ ประเทศ

เวียดนามเหนือ ก็เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ เช่นเดียวกับลาว และกัมพูชา
โดยการนำของ "โฮจิมินห์" ที่ทุกท่านน่าจะรู้จักกันดี

ส่วนเวียดนามใต้ ก็เป็นฝ่ายประชาธิปไตย
โดยการควบคุมของสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับประเทศไทยในสมัยนั้น
ที่สหรัฐอเมริกามีอำนาจกำหนดนโยบายได้อย่างเต็มที่
 และให้การสนับสนุนต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในเวียดนามใต้ครับ
และส่งผลให้ชาวเวียดนามใต้ ไม่พอใจการปกครองเผด็จการของ โง ดินห์ เดียม
ซึ่งส่งผลให้นายโง ดินห์ เดียม ถูกรัฐประหารโดยการสนับสนุนของ US
และเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน

สงครามยังดำเนินมาอีกหลายปี
จนสุดท้าย เวียดนามเหนือ ซึ่งเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ ได้รับชัยชนะ
ความพ่ายแพ้ก็ตกเป็นของทางเวียดนามใต้ US และพันธมิตร
(ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย)

ปัจจัยที่เวียดนามเหนือชนะ ก็มีอยู่หลายประการ
สงครามนี้ดำเนินอยู่ในเวียดนาม ซึ่งฝ่ายเจ้าบ้าน คือเวียดนามเหนือ
ได้เปรียบในด้านภูมิประเทศ เนื่องจากรบในพื้นที่ของตัวเอง
อาศัยความชำนาญในภูมิประเทศ เอาชนะฝ่าย US และพันธมิตร
 ก็เป็นปัจจัยประการหนึ่ง

และทาง US เอง ก็เริ่มถอนตัวจากเวียดนามใต้ เนื่องจากความไม่คุ้มค่า
เนื่องจากสถานการณ์เป็นรองฝ่ายเวียดนามเหนือ
 ประกอบกับการทำสงครามยืดเยื้อนาน ๆ
ก็ย่อมทำให้เศรษฐกิจของ US เกิดปัญหาขัดข้องต่าง ๆ ไปด้วย
 พลเมืองอเมริกันก็เริ่มไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามนี้
ก็เป็นปัจจัยอีกประการหนึ่ง

สุดท้าย US ก็ยอมทำสนธิสัญญาสันติภาพ ในปี ๒๕๑๖
 ให้กองทัพถอนกำลังออกจากเวียดนาม
และเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้
ก็รวมเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ประเทศเดียว มาจนปัจจุบันครับ
ป.ล. พอดีผมได้อ่านข้อมูลประกอบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เพิ่มเติม
ก็เลยมาปรับปรุงแก้ไขให้ข้อมูลสมบูรณ์ขึ้นสักหน่อย
 ผมคิดว่าที่พิมพ์ ๆ มา ก็น่าจะจบเพียงเท่านี้แหละครับ
วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๖ พระภิกษุในพุทธศาสนา นามว่า *ติช กวาง
ดึ๊ก** (**Thích
Qu**ả**ng Đ**ứ**c**)* อายุ ๗๓ ปี จากวัดเทียนมู่ ทนเห็นความทารุณโหดร้าย
ในการใช้อำนาจรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ไหว จึง
ได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะหยุดเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ตั้งใจมอบชีวิตแก่พระพุทธศาสนา
จุดประสงค์ท่านต้องการให้รัฐบาลหยุดปราบปรามชาวพุทธ
มอบความเท่าเทียมต่อประชาชนที่ต่างศาสนา

ท่านได้เขียนจดหมายถึง รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ในการเสียสละตนเองครั้งนี้ว่า
๑. เพื่อป้องกันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาดั้งเดิมของประเทศชาติ
๒. ขอเตือนการกระทำที่บีบคั้น และฆ่าพระภิกษุ แม่ชี และคนทั่วไปในประเทศ
๓. ขอร้องให้ท่านมอบอิสรภาพให้แก่ผู้นำชาวพุทธทั้งหลาย
ในคณะกรรมการป้องกันพระพุทธศาสนา
พระภิกษุ แม่ชี และพุทธศาสนิกชนที่ถูกจับขังอยู่ในขณะนี้
๔. ให้ยุติสถานการณ์เลวร้าย และเลิกจับพระภิกษุ แม่ชี และพุทธศาสนิกชนอีก
๕.
ให้เลิกองค์การคณะสงฆ์รวมทั้งบุคคลที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาหลอกลวงปิดบังความจริงเป็นเหตุให้ประชาชนโง่เขลา
หลัง จากได้เขียนข้อเรียกร้องเสร็จ ท่านก็ได้เข้าสู่ขบวนพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑,๐๐๐
คนด้วยความสงบ ไปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้พระภิกษุ สามเณร แม่ชี
และพุทธศาสนิกชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ขับรถพุ่งชนเสียชีวิตในวันที่
๘ พ.ค. ๒๕๐๖ ที่ผ่านมา จากนั้นขบวนชาวพุทธศาสนิกชนก็ เดินต่อไปอย่างสงบ
โดยมีรถนำพระภิกษุติช กวาง ดึ๊ก ไปยังกลางเมืองหลวง พระภิกษุผู้เสียสละวัย ๗๓
ปีได้ก้าวลงจากรถ ไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนซึ่งมีพุทธบริษัทแวดล้อมเป็นวงใหญ่

บริเวณแยกไซ่ง่อน หลวงพ่อทิจ กวาง ดึ๊ก นั่งขัดสมาธิ สำรวมจิต
 มี ผู้หยิบถังน้ำมันเบนซิน ๕ แกลลอนออกมาจากรถคันนั้น แล้วเอาน้ำมันราดบนพระภิกษุ
ติช กวาง ดึ๊ก จนหมด ต่อจากนั้นท่านติช กวาง
ดึ๊กก็หยิบไม้ขีดไฟมาจุดไฟเผาร่างตนเอง
ไฟลุกโชติช่วงท่วมร่างของพระภิกษุผู้เสียสละ ขณะ ที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่
ปรากฏว่าพระภิกษุวัย ๗๓ ยังคงนั่งนิ่งด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ไม่ไหวติง
ไม่แสดงอาการทุกขเวทนาในสังขารแต่อย่างใดเลย
เปลวไฟอันร้อนระอุได้เผาจีวรและผิวหนังไหม้เกรียมอยู่ประมาณ
๑๐ นาที ร่างของท่านที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้น ก็หงายหลังอย่างเงียบสงบ

นี่คือพระ ภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พุทธศาสนา
นับเป็นรูปแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
การพลีชีพของท่านนั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามคำประกาศในนามพุทธศาสนิกชน
ที่จะสละชีวิตรักษาพระพุทธศาสนาให้พ้นจากการกลั่นแกล้งบีบคั้น
และปราบปรามจากรัฐบาล
โง ดินห์ เดียมแล้ว ยังแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวมั่นคงของพุทธศาสนิกชนด้วย

สรีระของท่านถูกห่อหุ้มด้วยธงธรรมจักร พุทธบริษัทจำนวน ๑,๐๐๐ คน
พากันอัญเชิญสรีระของท่านไปไว้ ณ เจดีย์วัดซาลอย ในเมืองเว้ *ร่าง** **ท่านติช
กวาง ดึ๊ก** **ได้มีการนำไปทำพิธีใหม่** **
แต่หัวใจที่ได้จากศพของท่านไม่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน** **
พุทธศาสนิกชนในเวียดนามยกย่องให้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์*

*หัวใจของท่านติช กวาง ดึ๊ก** **ไม่ได้มอดไหม้ไปกับกองเพลิง**
**ปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ** **วัดเทียนมู่** **เมืองเว้***

หลังจากเหตุการณ์ที่ท่านติช กวาง ดึ๊ก อุทิศชีวิตเผาตนเองแล้ว รัฐบาล โง ดินห์
เดียม ประกาศว่าจะทำตามข้อเรียกร้องในจดหมายของท่านติช กวาง ดึ๊ก
แต่นั่นก็เป็นเพียงคำพูดที่กลับกลอก
หาความจริงใด ๆ ไม่ได้
เพราะสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิกเร่งใช้อำนาจผ่านตำรวจในสังกัด
ทำการฆ่าและทำร้ายพระภิกษุ และพุทธบริษัทรุนแรงหนักขึ้นไปอีก

- วัดกลายเป็นที่ต้องห้ามของการทำศาสนพิธี
โดยมีลวดหนามและสิ่งกีดขวางปิดกั้นตามถนนในเมืองใหญ่ ๆ
- พระภิกษุหรือผู้ใส่ชุดขาว คือผู้สวมเครื่องแบบของผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาล
- พระภิกษุสงฆ์โกนศีรษะโล้นห่มผ้ากาสาวพัสตร์
คือเป้าหมายของตำรวจเวียดนามที่เป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิก
- ภาพของพระสงฆ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิง จนกระทั่งมรณภาพบนบาทวิถี
กลายเป็นภาพที่ประชาชนเห็นเป็นปกติ

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พระ ภิกษุอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนานั้น
ทำให้นายทหารที่เป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นนายทหารส่วนใหญ่ของกองทัพ
ไม่พอใจและเสียใจต่อการกระทำของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง
ทหารเวียดนามทั้งกรมผูกผ้าสีเหลืองที่คอ
เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสนับสนุนพระพุทธศาสนา
โดยแถลงว่า *"**
พวกเขาไว้ทุกข์ให้พระภิกษุที่เผาตนเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา"**
*และ ประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะรบ
และพร้อมที่จะตายเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
และแจกจ่ายแถลงการณ์ข่าวการอุทิศชีวิตของพระติช
กวาง ดึ๊ก ไปยังสาธารณชน พร้อมเปิดเผยการกระทำอันไม่ถูกต้องของรัฐบาล
แต่ถูกตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สั่งเก็บเอกสารทั้งหมด
แต่ก็ยังมีภาพที่หลุดออกไปสู่สายตาประชาโลกได้
ขณะที่คนทั่วไปต่างพากันตกตะลึงกับภาพการเผาตนเองของท่านติช
กวาง ดึ๊ก ก็มีการถ่ายทอดข่าวว่า*มาดามนูห์*
น้องสะใภ้ของเดียมได้กล่าวประโยคที่ทำร้ายจิตใจชาวพุทธว่า
*“**ให้พระพวกนั้นเผาตัวเองไป
ฉันจะปรบมือให้**” *และเรียกเหตุการณ์นั้นว่า *บาบีคิวโชว์*

*วันที่ ๑** **พฤศจิกายน** **๒๕๐๖** **คณะทหารกลุ่มหนึ่งนำโดยนายพลเดือง
วันมินห์** **ที่ปรึกษาทางทหารของเดียม** **ร่วมกับนายพลเหงียนคาห์น** **
นำกำลังเข้าทำการยึดอำนาจจากประธานาธิบดีเดียม* โง ดินห์ เดียมและโง ดิน นูห์
ถูกสังหารโดยพลขับในรถเกราะระหว่างเดินทางหลบหนี โง เดียม
ถึกและครอบครัวเดียมได้หนีไปอยู่อเมริกาและเสียชีวิตที่นั่น
*ผลกรรมไม่ดี ........ของคนที่พยายามทำลายพระพุทธศาสนา ได้รับผลกรรมไม่ดี
ในปจัจุบันชาติ ในยุคกลาง พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นเช่นนี้***
  มีผู้ลงคลิปวีดีโอหลวงพ่อติช กวาง ดึ๊ก เผาตนเองในเว็บไซต์ยูทูบ
บางคนเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์จริง แต่บางท่านก็แย้งว่า
น่าจะมีการถ่ายทำวีดีโอนี้ขึ้นมาทีหลัง แต่อย่างไรก็ดี
ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการปกป้องพระพุทธศาสนา
ไม่ห่วงแม้กระทั่งชีวิตของของท่าน
ทำให้พุทธศาสนิกชนหลายท่านอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ค่ะ
 ที่มา : http://www.photoontour9.com/outbound...6/xvn06_25.htm
 http://www.thaijustice.com/webboard....b=0&id=1753260



 ใจดวงนี้ของผู้ส่ง ไร้สิ้นความริษยา มีเพียงความปราถนาดีเท่านั้นจ้า.


...^___^... ผู้ส่งต่อรักทุกชีวิตนะตัวเอง ...^__^...


Natyakul    Thaumthanan
Drafts women Auto Cad operator .

Power Line Engineering - Qatar W.L. L.
Po box: 47270 IBN Mahmound Area, Fujaa Street. Doha Qatar

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น