...+
▼
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555
พระอุฬุงกสัททกะ ผู้ชอบนำผลงานของคนอื่นมาเป็นผลงานของตน
ศิษย์เผากุฏิของพระมหากัสสปเถระ
ในกรุงราชคฤห์ มีพระ ๒
รูปเป็นผู้อุปัฏฐากพระมหากัสสปเถระผู้อาศัยอยู่ในถ้ำปิปผลิ ภิกษุ ๒
รูปนั้น รูปหนึ่งกระทำการปฏิบัติต่อท่านพระมหาเถระโดยเคารพ
ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นคนมักตู่เอากิจที่พระอีกรูปหนึ่งกระทำเป็นเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นผู้กระทำเอง
เมื่อภิกษุผู้ปฏิบัติต่อพระเถระโดยอาการอันเคารพนั้นตั้งน้ำบ้วนปากเพื่อถวายพระมหาเถระเป็นต้น
ภิกษุขี้ตู่รูปนั้นก็จะไปยังสำนักของพระเถระ ไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านขอรับ
น้ำ กระผมตั้งไว้แล้ว ขอท่านจงล้างหน้าเถิดขอรับ
เมื่อภิกษุรูปแรกนั้นลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ปัดกวาดบริเวณกุฏิไว้แล้ว
ในเวลาพระเถระออกมา ภิกษุขี้ตู่รูปนั้นก็จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ไปมา
ทำทีเสมือนว่าบริเวณนั้นทั้งสิ้นตนเป็นผู้ปัดกวาดไว้
ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรจึงคิดจะทำให้กรรมของพระหัวดื้อนี้ปรากกฎต่อพระเถระ
เมื่อภิกษุขี้ตู่นั้นฉันแล้วหลับอยู่นั้น
ภิกษุรูปแรกจึงต้มน้ำเพื่อถวายพระเถระสำหรับอาบแล้ว
ก็ตักใส่ในหม้อใบหนึ่ง ตั้งไว้หลังซุ้ม
แต่เหลือน้ำไว้ในหม้อต้มน้ำประมาณกระบวยหนึ่ง
แล้วตั้งไว้ให้เดือดพลุ่งเป็นไออยู่
กรรมตามทัน
ภิกษุนี้ตื่นขึ้น เห็นไอพลุ่งออกจากหม้อต้มน้ำ จึงคิดว่า
น้ำที่ภิกษุนั้นต้มแล้วคงไว้ในซุ้ม จึงรีบไปเรียนพระเถระว่า
"น้ำกระผมตั้งไว้ในซุ้มแล้วขอรับ นิมนต์ท่านสรงเถิด"
แล้วเข้าไปในซุ้มพร้อมกับพระเถระ พระเถระเมื่อไม่เห็นน้ำ จึงถามว่า
"น้ำอยู่ที่ไหน? คุณ" ภิกษุหนุ่มไปยังโรงต้มน้ำ
จ้วงกระบวยลงในภาชนะที่มีไอน้ำพลุ่งอยู่
เมื่อกระบวยกระทบพื้นภาชนะเปล่าที่ไม่มีน้ำก็มีเสียงดังเหมือนเสียงระฆัง
ตั้งแต่นั้นมาภิกษุนั้นจึงมีชื่อว่า อุฬุงกสัททกะ
พระภิกษุนั้นเมื่อพบว่าหม้อน้ำนั้นไม่มีน้ำ จึงโพนทะนาว่า
"ขอท่านจงดูกรรมของภิกษุหัวดื้อเธอยกภาชนะเปล่าขึ้นตั้งไว้บนเตา
แล้วไปไหนเสีย? กระผมเรียนด้วยเข้าใจว่าน้ำมีอยู่ในซุ้ม"
แล้วก็ได้ถือหม้อน้ำไปยังท่าน้ำ
ฝ่ายภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตร จึงนำเอาน้ำมาจากหลังซุ้มแล้วตั้งไว้ในซุ้ม
พระเถระเห็นดังนั้นจึงพิจารณาดูก็รู้ว่า "ภิกษุอุฬุงกสัททกะนั้น
ชอบกระทำกิจที่ตนไม่ได้ทำ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้กระทำเอง"
ท่านจึงได้ให้โอวาทแก่พระอุฬุงกสัททกะ ผู้มานั่งอุปัฏฐากในเวลาเย็น
ถึงความไม่ควรของความประพฤติของภิกษุนั้น
ภิกษุนั้นโกรธ แล้วในวันรุ่งขึ้นจึงไม่เข้าไปบิณฑบาตกับพระเถระ
เมื่อพระเถระไปแล้ว ภิกษุนั้นไปสู่ตระกูลอุปัฏฐากของพระเถระ
เมื่อถูกอุปัฏฐากถามถึงพระเถระ
พระอุฬุงกสัททกะจึงบอกว่าพระเถระนั่งอยู่ในวิหาร นั่นแหละ เพราะไม่ผาสุก
เมื่อเขากล่าวว่า ได้อะไรจึงจะควรขอรับ จึงกล่าวว่า
ท่านจงให้สิ่งนี้และสิ่งนี้
แล้วถือเอาสิ่งที่อุปัฏฐากถวายพระเถระนั้นไปยังที่ชอบใจของตน
ฉันแล้วจึงได้ไปยังวิหาร
พระเถระจับความเลวทรามของศิษย์ได้
ในวันรุ่งขึ้น พระเถระไปสู่ตระกูลอุปัฏฐากนั้น, เมื่อพวกอุปัฏฐากกล่าวว่า
"ได้ยินว่า ความไม่ผาสุกเกิดแก่ท่าน'
จึงจัดแจงอาหารส่งไปตามที่ภิกษุหนุ่มแจ้ง ความผาสุกเกิดแก่ท่านแล้วหรือ?"
พระเถระได้ฟังก็นิ่งเสีย, ครั้นเมื่อพระเถระไปสู่วิหารแล้ว
จึงกล่าวกับภิกษุหนุ่มนั้นผู้มาอุปัฏฐากในเวลาเย็น ว่า
"การกระทำของเธอเมื่อวานนี้ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรแก่บรรพชิตทั้งหลาย"
ประทุษร้ายแก่ผู้มีคุณตายไปเกิดในอเวจี
ภิกษุนั้นโกรธแล้วผูกอาฆาตในพระเถระในวันรุ่งขึ้น
เมื่อพระเถระเข้าไปสู่บ้าน ส่วนตนพักอยู่ในวิหาร จึงจับท่อนไม้
ทุบวัตถุทั้งหลาย มีภาชนะสำหรับใช้สอยเป็นต้น
แล้วจุดไฟที่บรรณศาลาของพระเถระ
สิ่งใดไฟไม่ไหม้ก็เอาพลองทุบทำลายสิ่งนั้นแล้วหนีออกไป
พระอุฬุงกสัททกะนั้น ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นเหมือนดังเปรต ผอมโซ
ครั้นตายแล้วก็ได้บังเกิดในอเวจี
http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-mahakassapa-05.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น