...+

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

เวิร์กชอป ททท.เสริมเขี้ยวเล็บ อปท.ตอ.รับมือ AE



ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองแผนนโยบาย ฝ่ายวางแผน ททท.จัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 จังหวัดภาคตะวันออก หวังเสริมศักยภาพการตลาดท่องเที่ยวรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน

วันนี้ (26 ก.ย.) ที่โรงแรมแฟร์เท็กซ์ สปอร์ตคลับแอนด์โฮเทล พัทยา นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานเสวนาในโครงการการเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดการท่องเที่ยวให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในหัวข้อ “การตลาดรุดหน้า ประชารักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมใจนำเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีสากล” โดยมีตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 7 จังหวัดภาคตะวันออกเข้าร่วม

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยกองแผนนโยบาย ฝ่ายวางแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการทำงานด้านการตลาดท่องเที่ยวให้แก่หน่วยงานท้องถิ่น เนื่องจากหน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งควบคุม กำกับการนำเสนอบริการในพื้นที่ ดังนั้น การเพิ่มองค์ความรู้ทางการตลาดให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านการตลาด

โดยดำเนินการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และในปี 2555 เป็นการดำเนินการต่อยอดองค์ความรู้ รวมถึงเตรียมความพร้อมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2555 โดยมีรูปแบบเป็นการบรรยายกึ่งปฏิบัติการ รวมทั้งศึกษาดูงานในพื้นที่ที่มีการจัดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และสถานประกอบการโรงแรมที่ต่อยอดการเรียนรู้ และฝึกฝนศิลปะแม่ไม้มวยไทย

นายอักกพล กล่าวว่า การท่องเที่ยวของอาเซียนทยอยเปิดเสรีตั้งแต่ปี 2553 มีการดำเนินการไปแล้วระดับหนึ่ง โดยผูกพัน 3 หมวดธุรกิจ คือ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร และจะมีการเปิดเพิ่มเติมในหมวดธุรกิจนันทนาการและธุรกิจการจัดประชุม ซึ่งในปี 2558 ที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเป็นทางการนั้น จะเปิดได้ทั้งหมดประมาณ 70% โดยในเรื่องของการเคลื่อนย้ายสินค้าได้ดำเนินการร่วมกันแล้ว 6 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ไม่มีการจัดการเรื่องภาษีขนส่ง

แต่ในส่วนของการเคลื่อนย้ายแรงงาน หรือการเคลื่อนย้ายบุคคลนั้นยังเป็นขั้นตอนของการตกลงกำหนดคุณสมบัติ ซึ่งประเทศไทยเปิดทั้งหมด 32 ตำแหน่งงาน แบ่งเป็นด้านโรงแรม 24 ตำแหน่ง และด้านบริการการท่องเที่ยวอีก 9 ตำแหน่ง ซึ่งต้องมีการกำหนดหลักสูตรมาตรฐานทั้ง 32 หลักสูตร และจะจัดให้มีการฝึกอบรม และต้องมีใบประกาศนียบัตรรองรับจากหลักสูตรดังกล่าว ถึงสามารถผ่านเกณฑ์เรื่องการเคลื่อนย้ายบุคคลตามเงื่อนไขของอาเซียน

นายอักกพล กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ขั้วเศรษฐกิจโลกกำลังเบนมาไทย เพราะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วยุโรป แต่อาเซียนรวมตัวกันจะเปิดประชาคมเสรี ทำให้ประเทศไทยถูกจับตาจากสายตานานาชาติ โอกาสที่ไทยจะไปแข่งขันในเวทีอาเซียนได้นั้น มีทั้งเรื่องอาหาร อาหารได้ระดับ ได้ราคา และมีรสชาติก็เป็นที่รู้กันทั่วโลก ตามมาด้วยเรื่องสปา และนวดแผนไทย คือ มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว และเรื่องการแพทย์ ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลเอกชนได้มาตรฐานทั้งประเทศรวมทั้งสิ้น 21 โรงพยาบาล จะมีคู่แข่งเพียงสิงคโปร์ และอินเดียเท่านั้น

“คือถ้าของเราแน่กว่า ดีกว่า ถ้าเราของจริง เราอยู่ได้ ตอนนี้เทรนด์การท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกิจที่เอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นกระแสการทำธุรกิจที่กำลังมาแรง”

อย่างไรก็ดี ต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนคือ ต้องสร้างความแตกต่างด้านการตลาดภายใต้ความเป็นไทย และต่อยอดสินค้าพัฒนาความเป็นไทยใส่เข้าไป ซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มคุณค่าให้สินค้า และบริการนั้นๆ รวมถึงการเตรียมตัวพัฒนาบุคลากรที่ต้องมีการเพิ่มทักษะด้านภาษา ที่สำคัญต้องมีระบบการจัดการที่ดี คือ มีการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นรูปแบบในทีเดียวโดยมีการกระตุ้นให้เกิดความพร้อมอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น