KNU เปิดศูนย์ประสานงานพม่าประจำเมียวดี กรุยทางสัมพันธ์ใหม่รอบ 60 ปี

ตาก - กะเหรี่ยงเคเอ็นยู (KNU) เปิดสำนักงานประสานงานที่จังหวัดเมียวดี เดินหน้าสร้างสัมพันธ์กับพม่าในรอบ 60 ปี
     
       รายงานข่าวจาก อ.แม่สอด จ.ตาก วันนี้ (19 ส.ค.) แจ้งว่า สหภาพแห่งชาติกรเหรี่ยงอิสระ (KNU) ได้จัดพิธีเปิดสำนักงานที่จังหวัดเมียวดีตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี พลเอก มูตู ผู้บัญชาการการทหารสูงสุดของ KNU เป็นประธาน, อูซอมิน นายกรัฐมนตรีรัฐกะเหรี่ยง, นายผาโด้ อ่องโม ผู้ว่าราชการจังหวัดผาอัน รวมทั้ง พล.ต.จอนนี่ พล.ต.หม่องชิตตู่ ที่เข้าร่วมพิธีด้วย ขณะที่ทางฝ่ายพม่ามีนายอูอ่องมิน รัฐมนตรีกระทรวงรถไฟของรัฐบาลพม่า และรองประธานฟื้นฟูสันติภาพrม่า เดินทางมาร่วมเป็นประธานในพิธีครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางสักขีพยานจากทั้งฝ่าย KNU และฝ่ายพม่า
     
       สำนักงานประสานงานฯ แห่งนี้เปิดขึ้นเพื่อประสานงานกับฝ่ายพม่าตามข้อตกลง ซึ่งได้มีการเจรจาสันติภาพกันไปแล้ว โดยฝ่ายพม่าเสนอขอให้ KNU เปิดศูนย์ดังกล่าวโดยศูนย์แห่งนี้เปิดขึ้นเป็นแห่งที่ 4 มีพันโท พอโด เป็นผู้ดูแล หลังจากก่อนหน้านี้เปิดไปแล้ว 3 แห่ง คือ 1. เมืองทะวาย 2. ด่านเจดีย์สามองค์ 3. เมืองปะโกเจ้าจี ใช้เป็นสำนักงานประสานความร่วมมือทุกเรื่อง และเพื่อป้องกันการเกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างกัน และสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ
     
       เช่น การเจรจาทางการทูต การเจรจาทางการค้าและพาณิชย์ การสรhางความสัมพันธ์ทางการทหาร ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ นับเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 60 ปี นับแต่ KNU ได้ประกาศอิสรภาพและแยกตัวออกจากพม่า
     
       พลเอก มูตูกล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันแห่งสันติภาพที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุเป้าหมายร่วมกันที่จะร่วมมือกันพัฒนาประเทศพม่าต่อไป ซึ่งเป็นโอกาสที่ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ วันนี้คงไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันต่อไป
     
       นายอูอ่องมินกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลพม่าต้องการให้ชนกลุ่มต่างๆ ได้หยุดสู้รบกัน ต้องการให้เกิดสันติภาพขึ้นในพม่า เพื่อประเทศพม่าจะได้เจริญก้าวหน้าต่อไป
     
       รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลพม่ากับ KNU ได้มีการเจรจากันมาหลายครั้งและประสบความสำเร็จในยุคที่มี พล.อ.เต็งเส่งเป็นประธานาธิบดี เนื่องจากผู้นำพม่ายุคปัจจุบันต้องการกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มให้เป็นหนึ่งเดียวและเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้ารองรับการเปิดประเทศพม่า โดย พล.อ.เต็งเส่งจะได้รับตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งรองรับการเป็นกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป