...+

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มิราเคิล ออฟไลฟ์ แฉ ปัญญา&Thailand’s got talent ปาหี่





โผล่แล้ว!! “ปอนด์ ดวงใจ จันทร์ เสือน้อย” สาวเปลือยอกเพนต์สีในโชว์ของรายการ Thailand’s got talent เมื่อสองสัปดาห์ก่อน งานนี้เจ้าตัวแฉแหลกถูกว่าจ้างจากเอเยนต์ท่าทางกระตุ้งกระติ้งชื่อ “บอย” ด้วยจำนวนเงินหนึ่งหมื่นบาท ตอนแรกบอกให้ใส่ยกทรงเอาปากคาบพู่กันวาดรูปมั่วๆ ก่อนจะเปลี่ยนข้อตกลงนาทีสุดท้าย หลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เครียดจัดจนไม่กล้าออกไปไหน ต้องระเห็จเปลี่ยนที่อยู่ไปนอนบ้านเพื่อนคนนู้นทีคนนี้ที สุดท้ายยอมปรากฏตัวเพราะทนให้เสี่ยตากับเวิร์คพอยท์พูดฝ่ายเดียวไม่ได้ วันนี้ เสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 15.00-16.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” จะพา “ปอนด์ ดวงใจ” มาแฉในรายการ
       
       หลังจากเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ(และลามออกไปนอกประเทศ) สำหรับ “ปอนด์ ดวงใจ จันทร์เสือน้อย” ผู้เข้าประกวดในรายการ Thailand’s got talent ที่ออกมาโชว์ลีลาถอดเสื้อ ปลดยกทรง ก่อนจะเอาสีราดตัวแล้วเอาหน้าอกปาดป้ายไปบนเฟรมผ้าใบผืนยักษ์ หลายฝ่ายก็รุมจวกเธอไม่มีชิ้นดี โดยที่เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุลและบริษัทเวิร์คพอยท์ในฐานะผู้ผลิตรายการก็โดนด่าเละเทะถึงเรื่องความไม่เหมาะสม ก่อนที่จะเกิดกรณีแฉสาวไส้ โดยเพื่อนหญิงนิรนามของปอนด์ที่โฟนอินเข้าไปในรายการแฉแต่เช้าบอกว่าแท้จริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปอนด์ได้รับการว่าจ้างให้ไปโชว์ในลักษณะนั้นด้วยวงเงินหนึ่งหมื่นบาท จนประเด็นความไม่เหมาะสมของการแพร่ภาพลุกลามไปสู่ประเด็นการทำรายการปาหี่หลอกลวงชาวบ้านของเวิร์คพอยท์ที่หนักหนาสาหัสกว่าหลายเท่า
     
       แรกที่เรื่องการว่าจ้างให้ไปเปิดนมวาดภาพแดงขึ้นมานั้น ปัญญาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ก็เจาะช่องทางออกให้ตัวเองว่าเป็นไปได้ว่าจะมีเอเยนต์ไปติดต่อให้มีคนมาแสดงในลักษณะนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีเอเยนต์ไปติดต่อให้มาออกรายการเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง โดยไม่ได้เกิดขึ้นกับรายการ Thailand’s got talent รายการเดียว
     
       แต่สิ่งที่ปัญญาไม่ได้ทำให้ความสงสัยในกรณีเอเยนต์ไปจ้างคนมาเปิดนมวาดภาพในรายการกระจ่างก็คือ เอเยนต์หรือผู้ที่มาว่าจ้างจะได้รับผลประโยชน์อะไรจากการกระทำดังกล่าว เพราะโชว์ในลักษณะนี้ยังงั้ย...ยังไงก็ไม่มีทางผ่านเข้าไปในรอบลึกๆ แล้วคว้าเงินรางวัลนำมาแบ่งกันกินแน่นอน หากจะมีใครที่ได้รับผลประโยชน์จากโชว์ฉาวเรียกเรตติงเช่นนี้ก็คือรายการที่จะมีผู้ชมนั่งเฝ้าหน้าจอรอชมตลอดจนคนดูที่จะย้อนกลับไปหาเทปนี้มารีนรันรอบแล้วรอบเล่า
     
       ก่อนหน้านี้ก็มีจดหมายโปรโมตรายการโดยดึงเอาเฉพาะโชว์นี้มาเสนอแล้วส่งตระเวนไปยังสำนักข่าวทั่วประเทศ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หนังสือบันเทิงซุบซิบดารา เพื่อให้ลงข่าวว่ารายการวันนี้จะมีโชว์เด็ด พอถึงเวลาแดดร่มลมตก ทุกบ้านก็เปิดทีวีแช่ไว้ที่ช่อง 3 ก่อนที่รายการจะเก็บโชว์เปิดนมเอาไว้เป็นโชว์สุดท้ายเพื่อให้คนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
     
       คำถามก็คือเอเยนต์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายการที่ไหนจะยอมจ่ายเงินหนึ่งหมื่นบาทเพื่อแลกกับเรตติงรายการที่พุ่งกระฉูดแบบถล่มทลาย งานนี้ผู้ว่าจ้างตัวจริงยังคงปิดปากเงียบเพื่อรอให้เรื่องค่อยๆ คลายความเข้มข้นเผ็ดร้อนไปเอง
     
       ล่าสุด “ปอนด์” ยอมออกมาพูดถึงเรื่องนี้แบบหมดไส้หมดพุงในรายการ มิราเคิล ออฟไลฟ์” ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 15.00 -16.00 น. โดยมี “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เป็นผู้ดำเนินรายการ
     
       ณวัฒน์พาไปเยี่ยมปอนด์และครอบครัวถึงบ้านของเธอที่อยู่ในจังหวัดแพร่ ไปพูดคุยและดูชีวิตความเป็นอยู่ของเธอกับคนในครอบครัว รวมถึงให้ปอนด์เปิดใจแฉทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออย่างตรงไปตรงมา
       ปอนด์เล่าว่าเธอมีอาชีพเป็นโคโยตี้ หาเลี้ยงคนในครอบครัวทั้ง 5 ชีวิต ซึ่งปัจจุบันพ่อของปอนด์ที่เป็นอดีตนักมวยป่วยเป็นอัมพาต ส่วนปอนด์เองก็มีลูกวัยเพียงหกเดือน อีกทั้งในช่วงที่มีคนมาติดต่อให้เธอไปโชว์ดังกล่าวนั้นก็เป็นช่วงที่สามีของเธอกำลังตกงาน ทุกอย่างบีบคั้นให้ปอนด์ต้องยอมตกลงรับข้อเสนอจากเอเยนต์ที่เธอรู้เพียงแค่ว่าชื่อ “บอย” คนนั้น
     
       ข้อตกลงแรกที่เอเยนต์บอยบอกกับปอนด์ก็คือ จะให้ไปโชว์ในรายการทีวีรายการหนึ่งเพื่อสร้างสีสัน โดยจะให้เธออยู่ในชุดสวมยกทรงกับกางเกงยีนส์แล้วใช้ปากคาบพู่กันวาดภาพประกอบเสียงเพลง ซึ่งสำหรับโคโยตี้อาชีพแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ได้มากเกินไปกว่าหน้าที่การงานของเธอแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีรถไปรับไปส่งถึงบ้าน เอเยนต์บอยย้ำว่าออกไปโชว์แค่ไม่กี่นาทีก็ได้เงินหมื่นแล้ว แบบนี้มีหรือที่ปอนด์จะไม่สนใจ
     
       เมื่อถึงวันนัดหมาย เอเยนต์บอยก็ขับรถไปรับเธอตั้งแต่ตีสี่ เมือไปถึงห้องส่งปอนด์ก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอจนถึงเวลาประมาณหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะต้องขึ้นโชว์ โดยก่อนที่ปอนด์จะต้องออกไปโชว์แค่ไม่กี่นาที เอเยนต์มาบอกกับเธอว่าทางผู้ว่าจ้างขอเปลี่ยนข้อตกลงจากที่ให้สวมยกทรงเป็นการเปลือยท่อนบนทั้งหมดแล้วเอาสีละเลงตัวแล้วนำหน้าอกไประบายที่ผืนผ้าใบ
     
       งานนี้ปอนด์ได้แต่อึ้ง จะถอยกลับก็ใช่ที่เพราะมานั่งเสียเวลาทั้งวันเพื่อที่จะได้เงินหมื่นที่ผู้จ้างย้ำหนักแน่นว่า “โชว์จบรับทันที” สุดท้ายสาวโคโยตี้จำต้องออกไปโชว์แถมด้วยสคริปต์ที่ทางผู้จัดยัดใส่ปากมาให้ว่าเป็นศิลปินอิสระและเชี่ยวชาญด้านอาร์ตมากจนเกิดประเด็นการถกเถียงเรื่องความเป็นศิลปะในผลงานของเธอ ซึ่งใครที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันหยุดฟังทางนี้ เพราะปอนด์บอกแล้วว่าเขียนไปมั่วๆ และไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไรเพราะตอนที่กำลังปาดป้ายสีบนเฟรมนั้นเธอหลับตาอยู่ด้วยซ้ำ!!
     
       ส่วน “โจ จิรายุ วรรธนะสิน” หนึ่งในคณะกรรมการที่ตัดสินให้โชว์นี้ผ่านด้วยเหตุผลว่ามันเป็นศิลปะและ “ผมรับได้” นั้นก็ออกมาพูดในภายหลังว่าเขาไมได้ดูรูปด้วยซ้ำไปว่าเป็นรูปอะไร แต่ที่ตัดสินให้ผ่านก็เพราะเห็นว่าสาวคนนี้กล้าดีและกลัวจะเป็นการหักหาญน้ำใจจนเกินไปถ้าตัดสินให้เธอตกรอบ!!?
     
       แม้ปัญญาจะออกมาขอโทษขอโพยและยืนยันว่าจะควบคุมการผลิตไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่ก็เป็นเพียงการออกมาพูดเพราะจนมุม เหมือนโจรที่จำต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน เพราะท้ายที่สุดปัญญาก็ไม่เคยยอมรับว่าเอเยนต์ที่ว่าจ้างปอนด์คือคนจากเวิร์คพอยท์ ไม่เคยพูดว่าทำไปเพราะต้องการเรียกเรตติง และที่สำคัญก็คือยังคงยืนยันแบบหน้าซื่อตาใสว่ารายการ Thailand’s got talent (รวมถึงรายการอื่นๆ ของเวิร์คพอยท์) ไม่ได้จัดฉากหรือเขียนบท ซึ่งประการหลังนี้ผู้ชมที่ไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหารก็คงจะข่มใจให้เชื่อยาก
     
       สุดท้ายปัญญากับเวิร์คพอยท์ก็ยังคงเดินหน้าทำรายการ Thailand’s got talent กันต่อ ภายใต้การเขียนบทวางสคริปต์ที่รัดกุมขึ้น มีการขึ้นข้อความขออภัยและให้ความสำคัญกับเรื่องการยอมรับผิด(ในบางส่วน) ตลอดทั้งเทปรายการที่ออกอากาศต่อจากเทปอื้อฉาว ส่วนปอนด์ที่ออกมาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอก็ขอโทษคนดูและยอมรับว่าที่ผ่านมาเธอตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวและเกือบจะถึงขั้นเป็นโรคประสาท เพราะเธอกลัวจะถูกตำรวจจับ และเครียดที่ถูกสังคมรุมประณาม
       
       งานนี้สาแก่ใจ “ปัญญา” และเวิร์คพอยท์ เพราะเรตติงรายการพุ่งเอาๆ ถึงโดนด่าแต่คนด็ตามดู หลายคนวิเคราะห์ว่าปัญญาไม่สนใจคนดู กระทรวงวัฒนธรรม หรือหน่วยงานใดใดหรอก ขอเพียงแค่บรรดาสินค้าที่ตามสนับสนุนโชว์ของเขาทั้งหลายยังแฮปปี้ เขาก็พร้อมที่จะเรียกเรตติงด้วยวิธีพิลึกพิลั่นแบบนี้ต่อไป อย่างที่เขาเคยพูดในการให้สัมภาษณ์หลังจากที่เกิดเหตุเปลือยอกวาดภาพใหม่ๆ ว่า “เข้ากับคอนเซปต์รายการที่ว่า แค่กล้าก็ชนะ” ขนาดให้สัมภาษณ์ถึงข่าวฉาวยังอุตส่าห์ยัดสโลแกนขายของลงไปได้แบบนี้ คงไม่มีใครทลายความหนาของใบหน้าเสี่ยคนนี้ได้แล้วล่ะ
       
       ............................................................
     
       ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 143 วันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฏาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น