นโยบายหาเสียง เงินเดือนเหลื่อมล้ำ เงินช่วยผู้เสียชีวิต ๗ ล้านเพื่อดึงเป็นพวกการเมือง เหตุแห่งเงินเฟ้อ สินค้าแพง พลังงานแพง ผลิตผลการเกษตรราคาถูก จำนำข้าวล้มเหลว นำเข้าแรงงานต่างประเทศ เอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็กเลิกกิจการ แต่จัดตั้งกองทุนพยุงตลาดหุ้น เฮ้อ..คนไทยอย่าท้ออย่าหมดหวัง กัดฟันสู้ต่อไป...
ทุกท่านต้องผนึกกำลัง ร่วมแรง ร่วมใจ ฝ่าฟันภิบัติภัย (ยุติความขัดแย้งทางการเมือง) ผู้ปิดทองหลังพระคือ ผู้ใช้สติปัญญาเข้าแก้ไขวิบัตินี้ อย่างสุดแรงกายแรงใจ...
(อดีต บทเรียนที่น่าศึกษา) คนไทยจ่ายค่าโง่ เพราะเหตุใด ย้อนดู ปรส. และนโยบายการต่างประเทศที่ผ่านมาทุกรัฐบาลแล้ว อนาคตบทบาทของประเทศไทยในด้านการค้า เศรษฐกิจ การเมือง จำเป็นต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนไทยให้มากขึ้น...
พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๖ ประเทศไทย : การเปิดรับ บีไอบีเอฟ ทำให้มีการนำเข้าเงินกันมโหฬาร เกิดการปั่นหุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น ผลสรุป ประเทศไทยเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า "วิกฤติต้มยำกุ้ง" ในพ.ศ.๒๕๔๐ มีผลกระทบไปทั่วโลก และไอเอ็มเอฟเข้ามาบังคับให้ไทยออกกฎหมาย ๑๑ ฉบับมีการยุบสถาบันการเงิน ขายรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลไทยโดยกลุ่มทุนนิยมเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากกว่าในสมัยใด ๆ ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้
คุณภาพประชากรไทยน่าจะตกต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรที่จะมีหน้าที่และรับผิดชอบชีวิตของตน อย่างน้อย ดังนี้
๑. ประหยัด ประมาณตนเพื่อดำรงชีวิตที่เรียบง่าย
๒. มุ่งมั่นทำงานเพื่องาน โดยตระหนักว่า งานคือส่วนหนึ่งของชีวิต
๓. ใฝ่หาความรู้และใช้สติปัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
๔. รับผิดชอบในหน้าที่ของตน เคารพสิทธิและความคิดเห็นของผู้อื่น
๕. สามัคคีและทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อหมู่คณะ ไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
๖. รักษาความเป็นเอกราชของไทย ภูมิใจในความเป็นคนไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเสียสละเพื่อชาติด้วยชีวิต
๗. ใช้หลักศาสนาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
๘. เคารพต่อกฏเกณฑ์ ระเบียบแห่งสังคม เพื่อความสงบสุข
๙. เคารพตนเอง พึ่งตนเอง ไม่ย่อท้อต่อปัญหาชีวิต
(เกษตรกรรมและความพอเพียงในยุคทุนนิยม)
การออกมาตรการต่าง ๆ ของต่างประเทศที่นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม (กึ่งอุตสาหกรรม) มีผลมาจาก ไทยเคยเร่งผลิตผลผลิตทางการเกษตรโดยอาศัยสารเคมีและยากำจัดศัตรูพืชที่ผลิตจากประเทศเหล่านั้น ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ฉบับที่ ๑ (จำเพลงผู้ใหญ่ลีได้ไหม ? พ.ศ.๒๕๐๔ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม...) ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๔ ผ่านมา ๕๐ ปีแล้ว ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีค้นพบว่า สารเคมีเหล่านั้นมีผลตกค้าง (เช่น DDT มีพิษตกค้างกว่า ๔๐ ปี ฯลฯ) และทำให้มนุษย์เป็นโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันประเทศไทยจึงกลับมาใช้เกษตรอินทรีย์ (ไม่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษ) ควบคู่ไปกับการใช้สารเคมีที่ผ่านการรับรองแล้วว่า ถ้าใช้ตามข้อกำหนดตามที่ระบุในฉลากการใช้แล้ว จะปลอดภัยต่อผู้บริโภค ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรมีทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ดีการออกมาตรการกีดกันของต่างประเทศ ก็เป็นผลมาจากการสกัดกั้นสินค้าเกษตรฯ ที่ไม่สามารถใช้การขึ้นภาษีการนำเข้ามาใช้กับประเทศเกษตรกรรม เพราะผิดเงื่อนไขขององค์การค้าโลก
ดังนั้น นักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายค้าน ควรร่วมมือแก้ไขปัญหาราคาข้าวและผลผลิตทางการเกษตร (ซึ่งประสบอุทกภัยในปี๒๕๕๔ อย่างหนักกว่าที่ผ่านมา) ไม่ว่านโยบายใด ๆ ถ้าสามารถช่วยเหลือชุมชนเกษตรกรไทยให้ลดภาระอันหนักอึ้ง ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นั่นคือ ชาวไทยก็จะเริ่มเห็นคุณค่าประชาธิปไตยของการเมืองไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม...
อนุทินงาน (แด่ผู้ทำงานประจำ)
วันจันทร์
วันแรก(ของการทำงาน)ของสัปดาห์ เป็นวันเริ่มงานในหน้าที่อย่างจริงจัง ในตอนเช้า ยิ้มให้กับตนเอง เปิดหน้าต่างให้กว้าง สูดอากาศบริสุทธิ์ ยิ้มให้กับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว พึงทำตัวให้สดชื่นอย่าแบกโลกเอาไว้คนเดียว ทั้งนี้เพื่อสุขภาพจิตอันดีของเรา ออกกำลังกาย ทำธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จ รับประทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจริง ๆ แล้วเริ่มปฏิบัติงานในหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดด้วยความตั้งใจจริง...
คติประจำวันนี้ "ขึ้นต้นด้วยดี เท่ากับเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง"
วันอังคาร
วันที่สองของสัปดาห์ ตื่นเช้ารีบปฏิบัติธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จเหมือนวันจันทร์ งานในหน้าที่ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งวันด้วยความเรียบร้อยอย่างน่าภูมิใจ พึงรวบรวมพลังใจที่จะเผชิญหน้ากับงานใหม่ด้วยความเชื่อมั่น คนเราเกิดมาเพื่อ "งาน" งานเป็นหลักประกันของชีวิตมนุษย์ มนุษย์ที่ปราศจากงานเป็นมนุษย์ที่ไร้ศักดิ์ศรี
คติประจำวันนี้ "ความรักงาน เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ"
วันพุธ
วันที่สามของสัปดาห์ เรามาถึงกึ่งกลางของการปฏิบัติงานประจำสัปดาห์ วันนี้ตื่นเช้า ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วสองวัน ชื่นชมกับผลงานที่ดีของเราและเตรียมแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง จงมองไปข้างหน้าให้กว้างและไกล เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับงานที่จะทับถมเรามาอีกโดยปราศจากความประหวั่นพรั่นพรึง
คติประจำวันนี้ "พึงมองไปข้างหน้าด้วยความหวัง และอย่ามองไปข้างหลังด้วยความเสียดาย"
วันพฤหัสบดี
วันที่สี่ของสัปดาห์ เริ่มจะใกล้วันสิ้นสุดของสัปดาห์แล้ว งานในหน้าที่ของเรากำลังเข้มข้น จงขมวดเกลียวของการทำงานให้แน่น เพื่อความภาคภูมิใจของงานในบั้นปลาย มีปัญหาก็รีบปรับปรุงแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน แล้วพึงค้นคิดวิธีการใหม่ ๆ ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา
คติประจำวันนี้ "ทำอะไรจงทำให้ดีที่สุด ถ้าทำไม่ได้ดีที่สุดก็อย่าทำอย่างเสียไปที"
วันศุกร์
วันที่ห้าของสัปดาห์ เป็นวันสุดท้ายของการปฏิบัติงานในหน้าที่ของเราประจำสัปดาห์แล้ว ฉะนั้นเราพึงตั้งใจปฏิบัติงานในวันนี้ให้เต็มที่ (ไม่ใช่เต็มที) โปรดมองรอบ ๆ ตัวเราดูเพื่อนร่วมงานบ้าง พึงให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่อับโชคกว่าเรา และระลึกถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยสนับสนุนสร้างสรรค์ชีวิตของเราให้งอกงามมาได้ถึงเพียงนี้
คติประจำวันนี้ "จริงใจ เสียสละ กตัญญู"
วันเสาร์
วันที่หกของสัปดาห์ เราบางคนหยุดงานในหน้าที่เป็นวันแรก ควรจะได้หาเวลาทบทวนผลงานที่ผ่านมาเพื่อการปรับปรุงแก้ไข และจัดเวลาสำหรับการพักผ่อนให้พอเหมาะ การทำงานที่จะมีประสิทธิภาพที่ดีนั้น ต้องมีเวลาพักผ่อน และเวลาหยุดพักสำหรับการปรับปรุงแก้ไข ฉะนั้นเราพึงตระหนักในเรื่องประสิทธิภาพของงาน อันจะเป็นเครื่องวัดความก้าวหน้าของชีวิต
คติประจำวันนี้ "ผู้ที่ไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า จะอยู่ล้าหลังเขาเสมอ"
วันอาทิตย์
วันสุดท้ายของสัปดาห์ นับเป็นวันหยุดอย่างแท้จริง ควรจะหาเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ กิจกรรมที่เป็นการพักผ่อนมีหลายอย่าง อาทิ หาที่พักใจ ร่วมกิจกรรมทางศาสนา อ่านหนังสือ ฟังวิทยุ ดีทีวี, ภาพยนตร์ ฟังการอภิปรายหรือไม่ก็เล่นกีฬาที่ชื่นชอบ ทำงานอดิเรก ควรจัดให้มีแผนไว้ว่า วันอาทิตย์วันใดจะทำอะไรที่นับเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง
คติประจำวันนี้ "สะอาด สว่าง สงบ"
ประเทศไทย เคยเป็นสยามเมืองยิ้ม...นำสิ่งที่ดีกลับมาได้ไหม?
"คนไทยคิดคำนึง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น