...+

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แถลงการณ์ กลุ่มเรียกคืนอำนาจจากนักการเมืองเนรคุณแผ่นดินฉบับที่ ๓/FB





เรื่อง ขอประชามติเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากรัฐสภามาสู่สภาปรองดองแห่งราชอาณาจักรไทย ในวันที่ ๕-๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันมหามงคล ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๖ ปี ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ ข้างทำเนียบรัฐบาลประตู ๕ ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระปฐมบรมราชโองการ ในพระราชปนิธาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

กลุ่มเรียกคืนอำนาจจากนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน จึงขอเชิญชวนปวงพสกนิกรชาวไทยออกเสียงประชามติเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากรัฐสภามาสู่สภาปรองดองแห่งราชอาณาจักรไทย “เพื่อขับไล่นักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน” ทั้งนี้ให้มวลชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง สร้างสรรค์การปรองดอง ตามพระวิเทโศบายที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ณ ท้องพระโรงศาลาเริง พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า

“ในมวลชนก็ต้องมีการปรองดอง ถ้าทุกคนตั้งอกตั้งใจที่จะพยายามรักษาความปรองดอง เชื่อว่าส่วนรวมจะอยู่ได้”

กลุ่มเรียกคืนอำนาจจากนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน จัดทำนโยบายและแผนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน เพื่อให้ปวงพสกนิกรชาวไทยมีส่วนร่วมในการการบริหารทรัพยากรธรรมชาติในทุกด้าน เพื่อยุติความขัดแย้ง และแก้ไขวิกฤตการณ์ในห้วงเวลานี้ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ ตาม มาตรการยึดทรัพย์นักการเมืองเนรคุณแผ่นดินทุกระดับ ซึ่งมีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งในท้องฟ้า ในภาคพื้นดิน ใต้ดิน และทางทะเล รวมทั้งสาขาอาชีพอื่นๆ จากทุกแนวร่วมอย่างเป็นรูปธรรม ดังต่อไปนี้

๑. ด้านทรัพยากรในท้องฟ้า คือ โอนอำนาจการบริหารทรัพยากรคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ด้วยความเป็นธรรมทั่วราชอาณาจักรไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ ให้ใบอนุญาตประกอบการด้านสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชนตามกฎหมายกำหนดโดยทันที แก่ภาคประชาชนทุกสถานีทั่วราชอาณาจักร จำนวน ๗,๖๐๐ สถานี และในกรุงเทพมหานคร
๑.๒ ให้ใบอนุญาตประกอบการด้านสถานีวิทยุกระจายเสียงในภาคศาสนาตามกฎหมายกำหนดโดยทันที ใน ๕ ศาสนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และ ซิกซ์ (คำนวณจากสัดส่วนศาสนิกชนในแต่ละศาสนา)
๑.๓ ให้ใบอนุญาตประกอบการด้านสถานีวิทยุโทรทัศน์ในภาคการศาสนาใน ๕ ศาสนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกซ์ (คำนวณจากสัดส่วนศาสนิกชนในแต่ละศาสนา)
๑.๔ ให้ใบอนุญาตประกอบการด้านสถานีวิทยุโทรทัศน์ประจำภูมิภาค แก่ภาคประชาชนตามกฎหมายโดยทันที จำนวน ๖ ช่อง คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และ ภาคใต้
๑.๕ ให้ใบอนุญาตประกอบการด้านสถานีวิทยุโทรทัศน์ประจำจังหวัด แก่ภาคประชาชนตามกฎหมายโดยทันที ทั่วราชอาณาจักรจำนวน ๗๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร จำนวน ๗๗ ช่อง

๒.ด้านทรัพยากรบนดิน คือ โอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธ์ของประชาชนทุกคน ทุกสาขาอาชีพด้วยความเป็นธรรมทั่วราชอาณาจักรไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

//๒.๑ ปลดหนี้ให้แก่…..//
๒.๑ ปลดหนี้ให้แก่ประชาชนอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรมตามกฎหมายโดยทันที

๒.๒ จัดสรรที่ดินเพื่อเป็นปัจจัยในการผลิตให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามกฎหมายโดยทันที
๒.๓ ให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นมีส่วนร่วมจัดระเบียบในการบริหารทรัพยากรป่าไม้ แหล่งต้นน้ำลำธารให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามกฎหมายโดยทันที
๒.๔ ให้ประชาชนในแต่ท้องถิ่นมีส่วนร่วมฟื้นฟูสภาพป่า และแหล่งต้นน้ำ ลำธารให้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามกฎหมายโดยทันที
๒.๕ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก ซึ่งปีนี้เป็นปีพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมถือเป็นวันแห่งธรรม และพุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นปีแห่งธรรม ปวงพสกนิกรชาวไทยจึงพร้อมใจถวายศาสนทาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ดังนี้
๒.๕.๑ ให้ออกโฉนดถวายโอนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายโดยทันที ให้แก่พุทธสถานทุกแห่ง ทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ที่ตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม รวมถึงศาสนสถาน ๔ ศาสนาที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ได้แก่ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกซ์
๒.๕.๒ ให้ปลดหนี้สินให้แก่วัดทุกวัดของพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยเท่าเทียมกันและเป็นธรรมตามกฎหมายโดยทันที รวมถึงใน ๔ ศาสนาที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ได้แก่ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกซ์

๓. ด้านทรัพยากรใต้ดิน คือ โอนอำนาจการบริหารทรัพยากรใต้ดินให้เป็นของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ด้วยความเป็นธรรมทั่วราชอาณาจักรไทย โดยให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นมีส่วนร่วมบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดอย่างสมดุล อาทิ ปิโตรเลียม แร่ทองคำ แร่ตะกั่ว แร่ดีบุก แร่เหล็ก และอื่นๆ ทั้งนี้สัมปทานและอุตสาหกรรมปิโตรเลี่ยมทั้งหมด ต้องให้คนไทยเป็นเจ้าของกิจการโดยตรง เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ราคาไม่เกินลิตรละ ๑๙ บาท ส่วนแก๊ส LPG และ NGV ราคาไม่เกิน ๙ บาทต่อกิโลกรัม

๔. ด้านทรัพยากรทางทะเล คือ โอนอำนาจการบริหารทรัพยากรทางทะเลให้เป็นของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ด้วยความเป็นธรรมทั่วราชอาณาจักรไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๔.๑ ให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นมีส่วนร่วมบริหารทรัพยากรทางทะเลพลังงานบ่อก๊าซ บ่อน้ำมัน และทรัพยากรอื่นๆ ตามกฎหมายโดยทันที
๔.๒ ให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล หรืออาศัยตามหมู่เกาะสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล สามารถทำการประมง ปศุสัตว์ตามวิถีชีวิตดั้งเดิมหรือพัฒนาอย่างยั่งยืน
๔.๓ โครงการพัฒนาต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมง และการสูญเสียของระบบนิเวศน์ พืชและสัตว์น้ำ รวมถึงสภาวะแวดล้อมทางทะเลต้องไม่เกิดขึ้น โดยสิ่งเหล่านี้จะมีผลทันทีตามกฎหมาย

จึงขอเรียนเชิญพสกนิกรชาวไทยทุกท่าน เข้าร่วมประชุมเพื่อเป็นตัวแทนในการแสดงเจตนารมณ์โดยพร้อมเพรียงกันในวัน และเวลาดังกล่าว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสมหามงคล ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๖ ปี ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ขอแสดงความนับถือ
ด้วยจิตกตัญญู กตเวทิตาคุณ

นายสุขุม วงประสิทธิ
เลขาธิการ/โฆษกกลุ่มเรียกคืนอำนาจจากนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน
วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
ข้างทำนียบรัฐบาล ประตู ๕ ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร ๐๘-๖๖๖๓-๓๘๐๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น