มหาวิทยาลัยบูรพาแนะข้าราชการไทย เตรียมรับอาเซียนด้วยภาษา

มหาวิทยาลัยบูรพาแนะข้าราชการไทย เตรียมรับอาเซียนด้วยภาษา

  มหาวิทยาลัยบูรพา ย้ำข้าราชการไทยเร่งเตรียมความพร้อมรับประชาคมอาเซียน ทั้งการเตรียมองค์ความรู้ ทัศนคติ ทักษะการสื่อสาร และการทำงานด้านจัดทำแผนกลยุทธ์ต่างๆของหน่วยงาน ที่จะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
     
       "ผศ.ดร.บรรพต วิรุณราช" รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ และคณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวในโอกาสการเสวนาเรื่อง “การเตรียมความพร้อมของข้าราชการเมื่อเข้าสู่ข้อตกลงของประชาคมอาเซียน ในปี 2558” ที่จัดโดย วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า ปัจจุบันเรื่องการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สำหรับข้าราชการถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญ เพราะเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน ความร่วมมือจะเพิ่มมากขึ้นในทุกๆด้าน ข้าราชการเกือบทุกภาคส่วนจะต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องมีการปรับตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยืดหยุ่น มีทัศนคติและวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและยอมรับในความหลากหลายได้
     
       "นอกจากนี้ยังต้องมีทักษะทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน รวมถึงภาษาไอทีและการสื่อสาร เพื่อที่จะให้ทันกับประเทศอาเซียนอื่นๆ ตลอดจนการเขียนแผนกลยุทธ์ หรือแผนนโยบายต่างๆในหน่วยงาน ที่จะต้องสอดคล้องกับงบประมาณและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย สำหรับวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นสถาบันการสอนด้านบริหารจัดการทางธุรกิจของรัฐเอง"
     
       ผศ.ดร.บรรพต กล่าวต่อว่า ปัจจุบันก็ได้มีการปรับหลักสูตรทั้งสำหรับภาคธุรกิจและภาคราชการ เพื่อผลิตบุคลากรรองรับทั้งหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาการจัดการสาธารณะ หลักสูตรบริหารธุรกิจอาเซียน,ธุรกิจจีน,ธุรกิจยุโรป และธุรกิจโลกด้วยเช่นกัน ตลอดจนการให้บริการแก่สาธารณะ อาทิ การเปิดสอนภาษาเพื่อนบ้านและภาษาจีนแก่ผู้สนใจฟรีทางอินเทอร์เน็ต และที่วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี, การลงนามร่วมกับสมาคมแม่หญิงลาวเพื่อสร้างอาชีพรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นต้น
     
       ทางด้าน "นายชาญวิทย์ ไกรฤกษ์" รองเลขาธิการสำนักงาน ก.พ. กล่าวว่า เมื่อประเทศไทยเข้าไปอยู่ในการรวมตัวในระดับภูมิภาคเช่นอาเซียน ข้าราชการทุกคนต้องมีลักษณะ 3 ห่วง ซึ่งมีงานวิจัยออกมาคือ อันดับแรก ข้าราชการต้องมีความเป็นนานาชาติ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยต้องรู้ว่า ประชาคมอาเซียนก่อตั้งโดยมีวัตถุประสงค์อะไร ประเทศสมาชิกมีพันธกรณีที่ต้องปฎิบัติตามอย่างไร และต้องรู้จักกติกามารยาทสากล ห่วงที่ 2 คือมีความเป็นมืออาชีพ แม่นยำในกฎระเบียบ มีความถนัด มีความชำนาญ เช่นหากอยู่ในหน่วยงานทางด้านการเจรจาการค้าต่างประเทศ ข้าราชการกรมนี้ต้องแม่นยำ มีทักษะในการเจรจาต่อรอง คิดเชิงกลยุทธ์ได้ไม่เสียเปรียบ ซึ่งถือเป็นเรื่องของส่วนราชการแล้ว
     
       "ต่อมาคือ ห่วงที่ 3 ความเป็นผู้สนับสนุน คือข้าราชการต้องมีความสามารถที่จะชักนำเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้ไปด้วยกัน เพราะการรวมตัวของสหภาพ ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป หรืออาเซียน จะกระทำโดดๆ ไม่ได้ ประชาคมอาเซียนไม่ใช่แค่เรื่องของกระทรวง ไม่ใช่แค่รัฐบาล ไม่ใช่แค่ภาคเอกชน แต่เป็น “ประชาชน” ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องเต็มที่ ท้ายที่สุดเมื่อเราเห็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราต้องเตรียมตัวในเรื่องต่างๆให้พร้อม ทั้งนี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคาม แต่เห็นว่าเป็นโอกาส และความท้าทายที่จะยกระดับข้าราชการไทย อย่างน้อยจะต้องไม่ด้อยกว่าอีก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียน" รองเลขาธิการสำนักงาน ก.พ. กล่าว
     
       **ทั้งนี้ผู้สนใจข้อมูลประกอบการเสวนาเพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลด ได้ที่ www.ex-mba.buu.ac.th