...+

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่ง


ความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่ง
คือ ความสามารถในการปรุงแต่งสร้างสรรค์คิดค้น
ซึ่งสัตว์อื่นไม่มี การที่มนุษย์เจริญขึ้นมา
มีเทคโนโลยีมีสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มากมาย
ก็เกิดจากความสามารถของมนุษย์ในการปรุงแต่งสร้างสรรค์
นี่แหละแต่กว่าจะออกมาเป็นวัตถุปรุงแต่งสร้างสรรค์ได้
ต้นเดิมมันมาจากไหน มันก็มาจากในใจของเรา
คือ ใจที่มีสติปัญญาเริ่มด้วยใช้ปัญญาคิดปรุงแต่งข้างใน
แล้วจึงแสดงออกมาเป็นการปรุงแต่งประดิษฐ์วัตถุ
สร้างสรรค์วัตถุข้างนอกได้
จนกระทั้งเป็นคอมพิวเตอร์และดาวเทียม
ก็เกิดจากความคิดในใจเป็นจุดเริ่ม

ทีนี้ความคิดของเรานี่น่ะ
นอกจากปรุงแต่งสร้างสรรค์วัตถุข้างนอกแล้ว
อีกอย่างหนึ่งก็คือปรุงแต่งสุขปรุงแต่งทุกข์ข้างใน
เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราใช้ความสามารถนี้ตลอดเวลา
ด้วยการปรุงแต่งความสุข และปรุงแต่งความทุกข์
จริงไหมว่าที่เราทุกข์เราสุขกันนี้
ส่วนมากเป็นสุขและทุกข์ที่เราปรุงแต่งขึ้นเอง
ไม่เหมือนกับสัตว์อื่น

สัตว์อื่นนั้นไม่รู้จักความทุกข์ความสุขมากเหมือนมนุษย์
มันมีความสุขความทุกข์ที่เกิดจากทางกาย
ได้กินอาหาร ได้หลับนอนพักผ่อนหรือต่อสู้หนีภัยอะไร ๆ
ก็ตามประสา แต่ความสุขความทุกข์ทางใจ
ที่เกิดจากการคิดปรุงแต่งมันไม่มี
เราจะเห็นว่าสัตว์กลุ้มใจไม่เป็น
สัตว์มันเครียดไม่เป็น
เครียดได้แต่เรื่องที่สืบเนื่องจากทางกาย ไม่เหมือนมนุษย์

มนุษย์นี้ปรุงแต่งสุขทุกข์ในใจกันมากมายพิสดาร
ปรุงแต่งทุกข์ให้กลุ้มให้กังวลให้เครียดจนกระทั้งเสียจิตไปเลย
สัตว์อื่นปรุงแต่งใจให้เป็นบ้าไม่ได้
แต่มนุษย์ปรุงแต่งจิตใจจนกระทั่งกลายเป็นบ้าไปก็มี
มนุษย์มีความสามารถนี้อยู่มากมายนัก
แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ใช้ความสามารถนี้
ไปในการปรุงแต่งทุกข์มากกว่าปรุงแต่งสุข
มีอะไรมากระทบตากระทบหู
ไม่สบายใจนิดหน่อย ก็เก็บเอามาปรุงแต่งต่อเสียยืดยาวใหญ่โต
เวลาอยู่ว่าง ๆ แทนที่จะปรุงแต่งสุข ก็ปรุงแต่งทุกข์
เอาเรื่องที่ไม่ดีมาวาดเป็นภาพ
ทำให้เกิดความรู้สึกกลุ้มใจกังวล
มีความโกรธเคียดแค้นต่าง ๆ
ทำให้มีความทุกข์มากมาย
แสดงว่ามนุษย์ส่วนมากใช้ความสามารถไม่ถูกทาง
จึงเป็นโทษแก่ตนเอง
ทีนี้ถ้ามนุษย์ฝึกตัวให้ใช้ความสามารถนั้นให้ถูก
เขาก็จะปรุงแต่งความสุขได้มากมายมหาศาล

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักใช้ความสามารถในการปรุงแต่งแทนที่จะปรุงทุกข์ ก็ปรุงสุข
เก็บเอาแต่อารมณ์ที่ดีมาปรุงแต่งใจให้สบาย แม้แต่หายใจ ที่ยังให้ปรุงแต่งความสุขไปด้วย
ลองฝึกดูก็ได้เวลาหายใจเข้า ก็ทำใจให้เบิกบาน เวลาหายใจออก ก็ทำใจให้โปร่งเบาท่านสอนไว้ว่า
สภาพจิต 5 อย่างอย่างนี้ ควรปรุงแต่งให้มีในใจอยู่เสมอ คือ

๑. ปราโมทย์ ความร่าเริงเบิกปานใจ

๒. ปีติ ความอิ่มใจ

๓. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น ผ่อนคลายกายใจ ไม่เครียด

๔. ความสุข ความโปร่งโล่งใจ คล่องใจ สะดวกใจ ไม่มีอะไรมาบีบคั้น หรือติดขัดคับข้อง และ

๕. สมาธิ ภาวะที่จิตอยู่กับสิ่งที่ต้องการ ได้ตามาต้องการ ไม่มีอะไรมารล[กวน จิตอยู่ตัวของมัน
ขอย้ำว่า ๕ ตัวนี่สร้างไว้ประจำใจให้ได้ เป็นสภาพจิตที่ดีมาก
ผู้เจริญในธรรมจะมีคุณสมบัติของจิตใจ ๕ ประการนี้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ตโต ปาโมชฺชพหุโล ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ แปลว่า ภิกษุปฏิบัติถูกต้องแล้ว มากด้วยปราโมทย์
มีจิตใจร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ จักทำทุกข์ให้หมดสิ้นไป ท่านพูดไว้ถึงอย่างนี้
ที่มา:
ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข / ความสุข 5 ขั้น พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น