...+

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เกมส์

         เกมส์
                        
                   ผู้เขียนเดินผ่านร้านเกมส์ออนไลน์ที่เปิดให้เด็กๆเข้าไปเล่นหลายร้านและหลายครั้ง และเกือบแทบทุกครั้งก็จะเห็นที่นั่งเต็มตลอดไม่นับกองเชียร์ที่ยืนข้างๆ
                   เห็นแล้วสะกิดใจทุกทีว่าทำไมถึงติดกันได้งอมแงมกันขนาดนี้ คิดไปเรื่อยเปื่อยว่าพ่อแม่เด็กเหล่านั้นคงจะกลุ้มใจแย่ ถ้ามาเห็นลูกๆของตัวเองมานั่งขลุกกับเกมส์หามรุ่งหามค่ำ
                   บางคนคงจะแทบไม่ค่อยกินข้าวกินน้ำกันเลย และได้ยินเจ้าของร้านพูดให้ฟังว่าเด็กบางคนถึงกับไม่กลับเข้าบ้าน เป็นเด็กไร้บ้านหาเงินเล่นเกมส์ก็มี ซึ่งเป็นปัญหาครอบครัวของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีฐานะและเวลาที่จะติดตามดูแลลูกๆยิ่งอนาถใจ
                   พอมาพิจารณาเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเกมส์ ก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังเพราะมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเขียนโปรแกรมการ์ตูนให้วอลท์ดิสนีย์และเกมส์ ที่มีรายได้ต่อหน้าไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นบาท เกมส์ที่กว่าจะมาเป็นเกมส์นี่แหละต้องใช้เวลามากเหมือนกับการสร้างหนังให้ดูกันทีเดียว จะต้องมีโครงสร้างเรื่อง บทและการกำหนดฉาก ผู้สร้างเกมส์จะต้องใช้เทคโนโลยี่ให้เข้ากับเรื่องและเข้าไปอยู่ในใจผู้เล่น เพื่อให้ติดอกติดใจ       
                   เกมส์ทุกเกมส์จะมีหลักเหมือนกันอยู่คือต้องเพิ่มแรงกดดันเร่งเร้า เพื่อให้ผู้เล่นพยายามจะเอาชนะและชวนติดตาม เหมือนเรากินข้าวโพดคั่วที่มีหลักให้ใช้ความเค็มสูงจะได้ติดลิ้นกินไม่เบื่อหยิบแล้วหยิบอีก จิตของผู้เล่นก็จะหลงเข้าไปอยู่ในเกมส์ เสมือนชีวิตจริงของผู้เล่นอยู่ตรงนั้น
                  ถ้าท่านผู้อ่านเคยเล่นเกมส์และชอบ จะรู้เลยว่าวางไม่ลงและหลงอยู่กับมัน ถ้าไม่ถอนจิตออกจากมัน ก็เหมือนเราหลงเข้าไปอยู่ในเขาวงกตติดอยู่ในนรกดีๆนี่เอง
                  จิตจะกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงวูบวาบ เพราะต้องคอยลุ้นระทึกว่าจะชนะหรือแพ้ โลกทั้งโลกอยู่ในเกมส์นั้นๆ การพัฒนาเกมส์โดยเอาธรรมชาติของมนุษย์ที่อยากเอาชนะและดึงตัวกูของผู้เล่นออกมาได้สูงมากเท่าไร ผู้พัฒนาก็จะประสบผลความสำเร็จได้มากเท่านั้น
                  เมื่อพิจารณามาเป็นเรื่องใกล้ตัวตั้งแต่เกิดมา พวกเราก็ถูกป้อนโปรแกรมจากพ่อแม่พี่น้องวงศ์ษาคณาญาติ เพื่อน ครู สิ่งแวดล้อม สื่อต่างๆ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม 
                  ชีวิตของเราก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเกมส์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่มันมีความละเอียดอ่อนและแยบคายกว่ามาก เริ่มต้นจากโปรแกรมกรรมที่ทำให้เรามาเกิดและกรรมที่ก่อในชาตินี้ร่วมกับครอบครัวและแยกออกจากมันไม่ได้   เพราะทุกเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปไม่ได้ จากเด็กมาเป็นวัยรุ่นเป็นหนุ่มสาวเข้าวัยกลางคน และวัยชราที่หลายคนไม่ยอมรับเมื่อเรียกว่าแก่
                   ตั้งแต่ลืมตาตอนเช้าก็อยากเห็นสิ่งสวยงาม อยากได้ยินเสียงไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมรัญจวนใจ กลิ่นอาหารที่ชวนลิ้มชิมรส สัมผัสกายที่นุ่มนวล สัมผัสใจที่เปี่ยมสุข เหมือนโปรแกรมเกมส์ที่ถูกเขียนขึ้นมาไม่แตกต่างกันเลย เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนอยากได้ก็ต้องเสาะแสวงหา รีบร้อนแย่งชิงบางครั้งถึงกับต้องปล้นและขโมยเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองอยากได้ เพื่อมาสนองความต้องการที่เรียกว่าความสุข
                    สิ่งที่กระทบกับเราให้เห็นเป็นของสวยงามอร่อยลิ้น ดมแล้วชื่นใจกายเบาจิตเบาเมื่อเสพไปแล้ว มันไม่ได้จีรังยั่งยืนนานสักเท่าไรนักหรอก
                    อร่อยลิ้นกลืนลงคอก็หมดแล้วมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพัดผ่าน แล้วมันก็หายไป
                    สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือทุกข์ที่ทนไม่ได้กับสิ่งที่เราชื่นชอบมันหายไป              
                    คิดติดใจอย่างนี้แล้วมันห่างไกลออกจากพุทธศาสนามาก มากซะจนเห็นความจริงได้ยาก และก็มัวทุกข์อยู่ร่ำไป
                    พระพุทธศาสดาทรงตรัสสอนมากว่าสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้วในอริยสัจว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นหลักของชีวิตทุกชีวิตจะต้องพบกับมันในสงสารวัฏ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดตามโปรแกรมกรรมที่จัดให้ และใครล่ะที่จะเป็นคนเขียนโปรแกรมกรรมไม่ได้นอกจากเรา
                    เพื่อนๆทั้งหลายอาหารอร่อยที่ไม่ย่อยจะมีประโยชน์อันใดแก่ร่างกายอันนี้
                    บทเรียนชีวิตที่ไม่ได้ไตร่ตรองจะมีประโยช์อันใดแก่ชีวิต
                    แก่ตัวลงไม่ได้พัฒนาวุฒิภาวะแล้วไม่ได้ฉลาดขึ้นจะมีประโยชน์อันใดเล่าเพื่อนเอ๋ย
                    จุดอ่อนที่สุดของมนุษย์ก็คือไม่เห็นตามความเป็นจริงของปัจจุบัน มัวพร่ำเพ้อถึงอดีตที่สวยงาม อนาคตที่เป็นความฝันและความหวังแห่งลม
                   เพื่อนๆทั้งหลายถ้าท่านรู้ตามความเป็นจริงในปัจจุบันอย่างชัดแจ้ง ชีวิตของท่านก็ไม่เหมือน กับเกมส์ที่ถูกเขียนไว้ให้เล่นไปวันๆอย่างไร้แก่นสาร รีบร้อนเหมือนอยู่บนกองไฟ
                    ผู้เขียนเกมส์ชีวิตให้ท่านเล่นก็มีแต่ตัวท่านเองที่เป็นคนเขียนโปรแกรมต่อๆกันมาจนจำความไม่ได้ว่าท่านเขียนอะไรไว้บ้าง
                    สติคือพุทธะ รู้ตื่น สงบและเบิกบาน ถ้าท่านเริ่มต้นตั้งแต่ลืมตาจนหลับตากับสติทุกวันและทุกคืน
                   ท่านไม่มีวันจะหลับฝันกลางวัน และมัวเมากับเกมส์ชีวิตที่เกิดขึ้น เพราะชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของพระพุทธศาสดา และหยุดเวียนวนกับเกมส์แห่งกรรมที่ท่านเขียนไว้เองเมื่อท่านถึงพร้อม
                                                                                                      
                              
                                                       ธรรมะสวัสดี30/5/53
                                                                                
                                                             สะมะชัยโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น