...+

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

เด็กบุรีรัมย์ไอเดียเจ๋ง สร้างนวัตกรรมตอบโจทย์ “ชาวนาพอเพียง”




     ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่ปลูกข้าวมากที่สุดในโลก ผลผลิตข้าวจากเกษตรกรไทยเลี้ยงคนเกือบค่อนโลก ขณะเดียวกัน ชาวนาไทยก็ติดอันดับต้นๆ ของเกษตรกรที่มีความลำบากยากจน ขาดแคลนเทคโนโลยีราคาถูกมาช่วยในการทำนา นั่นยังไม่รวมกับปัจจัยภายนอกที่บางพื้นที่ต้องต่อสู้กับสภาพดินฟ้าอากาศ ผจญกับความไม่มั่นคงของราคา ทั้งต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายา และค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้น แม้ปัจจุบันเริ่มนำเครื่องทุ่นแรงมาใช้ในการทำนาเพื่อลดใช้แรงงานคน
     
       “กระเช้าเกี่ยวข้าว” ผลงานของ นายวิชา เพ่งพิศ, นายอัครพล ผลพูน และนายชัยวัฒน์ ช่างเรือนกูล นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 3 แผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งใจสร้างผลงานเพื่อลดความลำบากในการทำนา และลดต้นทุนที่ใช้ในการทำนาของชาวนาไทยให้ลดน้อยลง โดยการประยุกต์เครื่องตัดหญ้าให้เป็นเครื่องเกี่ยวข้าว ด้วยการต่อกระเช้าเข้าบริเวณด้านบน เพื่อเก็บรวงข้าวไว้ ต่างจากเครื่องตัดหญ้าที่ปล่อยให้หญ้าหลุดกระจายอยู่ในพื้นที่นั้น
     
       เจ้าของผลงาน เล่าว่า กระเช้าเกี่ยวข้าวด้วยเครื่องตัดหญ้าจานโรตารี่ เกิดจากการต่อยอดแนวคิดของรุ่นพี่ที่คิดค้นไว้ แต่ชิ้นงานเดิมยังมีข้อบกพร่อง คือ มีน้ำหนักมากถึง 3-4 กิโลกรัม ทำให้ใช้แรงมาก เกี่ยวข้าวได้น้อย แต่เมื่อผ่านการปรับปรุง และช่วยกันพัฒนาขึ้น ก็ทำให้กระเช้าเกี่ยวข้าวมีน้ำหนักลดลงเหลือ 1-2 กิโลกรัม โดยเปลี่ยนวัสดุของฐานจากเหล็กมาเป็นพลาสติก และออกแบบให้คนที่เกี่ยวข้าวมือซ้ายสามารถใช้เครื่องเกี่ยวข้าวชนิดนี้ได้
     
       “ข้อดีของกระเช้าเกี่ยวข้าว คือ ภายใน 1 ชั่วโมง สามารถเกี่ยวข้าว 1 ไร่ หากเทียบกับแรงงานคนต้องใช้ถึง 6 คน อีกทั้งการเกี่ยวข้าวด้วยนวัตกรรมชิ้นนี้จะได้เมล็ดข้าวคุณภาพดี ทั้งนี้ เหมาะกับเกษตรในภาคอีสานที่ต้องการเก็บฟางข้าวเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เพราะนอกจากการใช้รถเกี่ยวข้าวจะทำให้ได้เมล็ดข้าวที่หัก มีหญ้าเจือปน และทำให้มีราคาต่ำแล้ว ยังได้ฟางข้าวที่คุณภาพไม่ดีด้วย”


สามหนุ่มเจ้าของผลงาน "กระเช้าเกี่ยวข้าว"

       จากนั้นสามหนุ่มได้ก่อตั้ง “บริษัท เกษตรพอเพียง” ขึ้น โดยเริ่มจากระดมทุนจากสมาชิก 7 คน และกู้เงินกองทุนหารายได้ระหว่างเรียนของวิทยาลัย มาลงทุนซื้ออุปกรณ์ผลิตเป็นสินค้า โดยกำหนดราคาไว้ 2 แบบ คือ ถ้าซื้อตัวกระเช้าอย่างเดียว ราคา 800 บาท แต่ถ้าซื้อรวมเครื่องยนต์เบ็ดเสร็จนำไปใช้งานได้ ราคาอยู่ที่ 12,000 บาท แล้วนำไปฝากขายในร้านขายอุปกรณ์ทางการเกษตร ทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์
     
       “ข่าวสารจากสื่อมวลชนในช่องทางต่างๆ ทำให้มีออเดอร์จากต่างจังหวัด ในระยะเวลา 4 เดือน ขายสินค้าได้ ประมาณ 30 ชิ้นต่อเดือน ได้กำไรมา 24,000 บาท โดยแบ่งกำไรให้กับหุ้นส่วนของบริษัทเกษตรพอเพียง และเงินส่วนหนึ่งก็นำไปจัดการฝึกอบรมการทำกระเช้าเกี่ยวข้าวด้วยเครื่องตัดหญ้าให้กับชาวนาในชุมชนที่สนใจ เพราะสามารถใช้ความรู้พื้นฐานด้านเครื่องยนต์ก็สามารถทำเองได้ และในอนาคตเมื่อมียอดสั่งสินค้าเข้ามาผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วสามารถรับจ้างผลิตชิ้นงานได้”
     
       น้องๆ นักศึกษาจากทีมเกษตรพอเพียง ตั้งเป้าว่า หลังจากนี้ จะเพิ่มยอดผลิตให้ได้ 30-40 ชิ้นต่อเดือน พร้อมทั้งมองว่าในอนาคตจะผลิตในเชิงอุตสาหกรรม เพราะถ้าหากสามารถผลิตสินค้าจำนวนมาก ต้นทุนในการผลิตก็จะยิ่งต่ำ และมีกำไรสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กระเช้าเกี่ยวข้าวด้วยเครื่องตัดหญ้า ยังมีข้อบกพร่องในการเกี่ยวข้าวที่มีความสูงมากกว่า 1 เมตร และไม่สามารถเกี่ยวข้าวล้มได้ แต่เจ้าของผลงานก็ยังเชื่อว่า ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นด้านการประหยัด และได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เช่นเดิม
     
       จากการใช้ความรู้ความสามารถด้านเครื่องยนต์ จนผลิตเครื่องมือทางการเกษตร และจำหน่ายได้ ทำให้ผลงานของบริษัท เกษตรพอเพียง จำกัด จากวิทยาลัยการอาชีพนางรอง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ใน “โครงการกรุงไทยยุววานิชประจำปี 2554” และได้รับทุนการศึกษา 350,000 บาท ด้วยความคิดและการจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ โดยผู้สนใจกระเช้าเกี่ยวข้าวด้วยเครื่องตัดหญ้าจานโรตารี่ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.044-631-556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น