...+

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

"เราเป็นพี่น้องกัน"

พุทธศาสนาไม่เพียงมองว่าสรรพชีวิตในโลกล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น
หากยังเห็นว่าสรรพชีวิตล้วนมีความเกี่ยวดองกันในฐานะญาติมิตร อย่างน้อยก็ในอดีต

ดังมีพุทธพจน์ตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ แทบไม่มีเลยที่ไม่เคยเป็นมารดา

บิดา พี่ชาย น้องชายพี่สาว น้องสาว ของกันและกันมาก่อน

ความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันของสรรพชีวิตตลอดจนสรรพสิ่งในโลกนี้

เป็นแนวคิดที่กำลังขยายตัวเข้าสู่แวดวงวิทยาศาสตร์มากขึ้น อาทิ ควอนตัมฟิสิกส์

ซึ่งศึกษาถึงความจริงในระดับที่เล็กกว่าอนุภาค ก็พบว่าคุณสมบัติของอนุภาคใดอนุภาคหนึ่งนั้น

ไม่แยกจากผู้สังเกตด้วย ทำนองเดียวกับที่สสารและพลังงานไม่อาจแยกจากกันได้อย่างเด็ดขาด

ศาสตร์สมัยใหม่ ถ้าศึกษาอย่างจริงจังสามารถช่วยให้เราเห็นถึงความสีมพันธ์เชื่อมโยงกับ
สรรพชีวิตและสรรพสิ่งได้ พูดอีกอย่างคือ ทำให้เราตระหนักว่า เราทั้งหมดล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน

ความรู้อย่างนี้แหละที่จะช่วยให้เราลดความอหังการลงไป อ้อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น

และรักกันมากขึ้นด้วยแทนที่จะรังเกียจเดียดฉันท์เพราะความต่างทางด้านสีผิว เชื้อชาติ ภาษา หรือศาสนา

ความต่างเหล่านั้นแม้จะมีอยู่จริง แต่ก็เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับความเหมือนและความคล้ายคลึง

ที่สำคัญก็คือ ความต่างนั้นเป็นสิ่งที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่

ขณะที่สิ่งที่เรามีเหมือนกันนั้นฝังลึกอยู่ในสายเลือดอันมิอาจแปรเป็นอื่นได้

การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นโดยไม่เลือกสีผิว เชื้อชาติ ภาษาและประเทศ

จึงมิใช่แค่จริยธรรมแบบพุทธเท่านั้น หากยังเป็นจริยธรรมสากลสำหรับโลกทุกยุคสมัยด้วย

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น