การให้อภัยเป็นเรื่องยาก แต่การมีชีวิตด้วยจิตใจที่โกรธแค้นพยาบาทกลับเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่า
คนที่มีความโกรธเกลียดอัดแน่นเต็มหัวใจย่อมไม่อาจพบความสุขและความเบิกบานใจได้ คนเช่นนี้ย่อมยาก
ที่จะมีศรัทธาและกำลังใจในการมีชีวิต ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเรียนรู้ที่จะปลดเปลื้องความโกรธเกลียดไปจาก
จิตใจด้วยการรู้จักให้อภัยและหมั่นแผ่เมตตาไปให้แก่คนที่ทำความเจ็บปวดให้แก่เรา
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนึกถึงบุคคลดังกล่าวโดยที่จิตใจไม่พลุ่งพล่าน แต่เมื่อใดที่ใจเราสงบ ลองนึกถึง
เขาอยู่เป็นระยะๆ นึกถึงแต่ละครั้งก็ยิ้มให้เขา แผ่ความปรารถนาดีให้เขา เราจะพบว่าเรายิ้มให้เขาได้ง่ายขึ้น
และจิตใจกระเพื่อมน้อยลง ไม่นานเราก็จะให้อภัยเขาได้ และมีความปรารถนาดีต่อเขาด้วยใจจริง
ถึงตอนนั้นเราจะพบว่า สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานานนั้นมิใช่อะไรอื่น หากได้แก่
ความโกรธเกลียดที่เคยอยู่ในใจเรานั้นเอง ความเจ็บปวดที่เกิดเพราะคนบางคนนั้นแท้จริงได้กลายเป็นอดีตไป
แล้ว แต่ที่ยังคงอยู่ก็เพราะใจเรานั้นเองที่ไปรื้อฟื้นและทะนุถนอมมันเอาไว้ด้วยความจงเกลียดจงชังหมายมั่นจะ
แก้แค้น ตัวเขาอาจอยู่ไกลแสนไกล แต่เราเองต่างหากที่ไปดึงเขามาไว้กลางใจเราอยู่ทุกโมงยาม พูดให้ถูกต้อง
ก็คือใจเรานั่นแหละที่สร้างปีศาจร้ายมาหลอกหลอนตัวเองอยู่ทุกขณะจิตปีศาจที่แม้รูปร่างหน้าตาเหมือนคนที่เคย
ประทุษร้ายเรา แต่เป็นผลผลิตจากใจของเราเอง
การให้อภัยและการแผ่เมตตาแท้ที่จริงก็คือการสยบปีศาจร้ายมิให้มาหลอกหลอนอีกต่อไป จะเรียกว่า
เป็นการเชื้อเชิญมันออกไปจากจิตใจของเราก็ได้ ด้วยการให้อภัยและการแผ่เมตตาเท่านั้น จิตใจของเราจึงจะ
ได้รับการเยียวยาและกลับเป็นปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง
คัดลอกมาในหนังสือ "ชุดธรรมะจากพระดีร่วมสมัย
ธรรมะจากพระไพศาล วิสาโล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น