...+

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

จะวิบัติและฉิบหาย : คำพยากรณ์ปี2555 โดย วิทยา วชิระอังกูร

เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ผมไม่รู้สึกสนุกสนานกับภาพการเล่นน้ำสงกรานต์เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา แม้ว่าปีนี้ ทุกภูมิภาคของประเทศไทยจะจำลองการเล่นน้ำสงกรานต์ที่โด่งดังไปทั่วโลกของถนนข้าวสาร แถวบางลำพู ไปปรับใช้เป็นถนนหลากหลายข้าว ตั้งแต่ถนนข้าวเหนียว ถนนข้าวเม่า ถนนข้าวหอมมะลิ ถนนข้าวก่ำ ถนนข้าวหลาม และแตกแขนงเป็นถนนอีกสารพัดถนนตามพืชผลที่ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัด เพื่อเล่นน้ำสงกรานต์กันทั่วประเทศ

คำประกาศสงกรานต์จุลศักราช 1374 พุทธศักราช 2555 ปีนี้ มีคำพยากรณ์ไปในทางเลวร้าย ที่สอดรับกับการเคลื่อนไหวต่างๆ ในทางการเมืองที่ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ทำให้ผมต้องนั่งนิ่งทบทวนคำพยากรณ์ดังต่อไปนี้

“วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 เมษายน เวลา 19 นาฬิกา 46 นาที 12 วินาที นางสงกรานต์นามว่า กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำหว้า หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร มาเหนือหลังมหิงส์ เกณฑ์พิรุณศาสตร์ปีนี้ พฤหัสเป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า ตกในป่าหิมพาน 150 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ วาโย (ธาตุลม) น้ำพอประมาณ พายุจัด เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีมะโรง นาคราชให้น้ำ 3 ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีมาก กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อยแล เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในไร่นาจะเกิดกิมิชาติ คือมีด้วงแมลงรบกวน กล้าจะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน

บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราศจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแล”

อ่านคำพยากรณ์ผนวกเข้ากับการเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วก็อดระทึกในใจไม่ได้ว่า ใครบางคนที่กำลังเร่งดำเนินการผลักดันทุกวิถีทางที่จะให้เกิดการนิรโทษกรรมเพื่อให้ตนพ้นผิด โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเป็นธรรม จนถึงกับไปบรรยายเป็นเสียงเพลงที่เสียมเรียบ กัมพูชา อย่างคึกคะนองว่า “อะไรจะเกิด ก็ช่างแม่งมัน” แหกปากร้องตะโกน จนแฟนพันธุ์แท้ของสี่เต่าทองรับไม่ไหว เพราะไปทำให้เพลงอมตะสวยงามอย่าง “Let it be” ของ John Lennon เสียหายทั้งรูปแบบและเนื้อหาที่แท้จริงของเพลง อย่างไม่น่าให้อภัย

ภาพการแห่ไปห้อมล้อม รดน้ำดำหัว กราบกรานคารวะนักโทษหนีคดีของบรรดาสาวกคนเสื้อแดงอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทำกันได้ตามประสารากหญ้า ที่ยังหลงใหลได้ปลื้มกับมนต์ดำประชานิยม ที่พรรคการเมืองเก่าแก่ฝ่ายตรงกันข้ามไม่มีน้ำยาจะเอาอย่างหรือลบล้างได้ แต่ที่น่าเกลียดถึงขั้นที่รับไม่ได้ก็คือ บรรดาข้าราชการและ ส.ส. รัฐมนตรี ถึงกับกล้าเสนอหน้าไปเอาอกเอาใจ กราบกรานนักโทษหนีคดีถึงเมืองลาวและกัมพูชา โดยรัฐมนตรีหลายคนถึงกับยอมทิ้งภารกิจหน้าที่สำคัญ ในการดูแลด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนคนไทยในเทศกาลสงกรานต์

แถมยังมี ส.ส. และรัฐมนตรีหลายคนไปยืนเสนอหน้าเป็นวอลเปเปอร์ให้นักโทษหนีคดี กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ให้ร้ายโจมตีว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ไม่เป็นสากลและไม่ยุติธรรม

ภาพที่ถ่ายทอดทางสื่อมวลชน และสื่อทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ จึงเป็นการแสดงออกถึงความไม่สำนึกผิด และเหิมเกริมประหนึ่งเป็นผู้บงการจัดการทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศนี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว เพราะมีหลายบทหลายตอนที่กล่าวถึงว่า ตนเป็นคนสั่งสอนนายกรัฐมนตรีเอง เป็นคนกำหนดให้ใครเป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตามสภาพบ้านเมืองที่เห็นที่เป็นอยู่ อย่างที่คนไทยที่ถูกปกครองทุกคนควรจะรู้สึกอับอายจากการถูกดูหมิ่นดูแคลน

การยอมตนเป็นผีโม่แป้งของบรรดา ส.ส. ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล คือการร่วมกันเร่งดำเนินการทางรัฐสภาโดยใช้เสียงข้างมากลากไป 2 ช่องทาง คือ

1. การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างมาตรา 309 และเขียนบทเฉพาะกาลนิรโทษกรรม

2. อ้างอิงรายงานผลการศึกษาวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ที่เสนอโดย กรรมาธิการปรองดอง เพื่อตราเป็นพระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดนิรโทษกรรม

ซึ่งการดำเนินการอย่างเร่งรีบลุกลี้ลุกลนของบรรดาผีโม่แป้ง ตั้งแต่เบอร์หนึ่งของรัฐสภาจนถึงสมุนปลายแถว ใช่ว่าจะเป็นหนทางสะดวกราบรื่นก็หาไม่ หากแต่ต้องผ่านแรงเสียดทานและต่อต้านจากกลุ่มมวลชนต่างๆ ทั้งคนเสื้อเหลือง คนเสื้อหลากสี และอีกหลายหลากมวลชนที่รับไม่ได้กับการใช้เสียงข้างมากลากไป โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม

อีกช่องทางหนึ่งที่ช่วงนี้มักจะหลุดออกจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร และสาวกแกนนำบางคน ก็คือ การหวังจะใช้ช่องทางรับพระราชทานอภัยโทษ ผ่านปีมหามงคล ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา

ซึ่งก่อนหน้านี้คงจำกันได้ว่า ในห้วงเวลาวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีความพยายามที่จะตราพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยตัดเงื่อนไขบางประการ เพื่อเอื้อให้ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการรับพระราชทานอภัยโทษได้พร้อมนักโทษอื่นๆ แต่ถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างรุนแรง ทำให้ต้องรีบกลับลำพับแผนนั้นไว้ ไม่ประสบผลสำเร็จ

ถ้าพิจารณาสังเกตการณ์ให้ดี จะเห็นว่าช่วงนี้ ทักษิณ ชินวัตร และฝ่ายคนเสื้อแดงทั้งหมด จะวางท่าทีประนีประนอมอ่อนตัวลงอย่างน่าผิดสังเกต ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวย้ำซ้ำซากถึงความจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่ว่าจะกล่าวถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานนองคมนตรี อย่างหน้ามือกลับเป็นหลังมือ คือ ยกย่องชมเชย แทนการด่าทออย่างหยาบคายเหมือนที่ผ่านมา

เทศกาลสงกรานต์ผ่านไปหลายวันแล้ว ปีนี้ไม่มีภาพการปะทะกันกลางเมืองหลวง ไม่มีควันไฟจากการเผายางรถยนต์กลางถนน และไม่มีการแห่โลงศพสีแดง ไม่มีศพคลุมธงชาติของทหาร แต่คนไทยก็ยังนอนตาไม่หลับ ตราบใดที่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งคิดจะใช้อำนาจบาตรใหญ่จากการยึดกุมอำนาจรัฐ ปู้ยี่ปู้ยำขื่อแปของบ้านเมืองอย่างย่ามใจ

คำพยากรณ์จากคำประกาศวันมหาสงกรานต์ พ.ศ. 2555 ที่ว่าจะเกิดยุทธสงครามฆ่าฟันกัน แลฉิบหายเป็นอันมากนั้น จึงน่าวิตกกังวลอยู่

ผมอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องคนไทยทั่วประเทศเหลือเกิน ผมเชื่อว่าผลกรรมของคนเสื้อแดงและทักษิณจะส่งผลภายในปีนี้แน่นอน เพราะการพยายามเร่งรัดเรื่องผลประโยชน์ของทักษิณมากเป็นพิเศษในครั้งนี้นั่นแหละคือตัวขับเคลื่อนผลกรรมให้บรรลุผลเร็วขึ้น พี่น้องครับหากท่านรู้ตัวก็จงพยายามอยู่ห่าง ๆ จากคนกลุ่มนี้โดยเร็วนะครับ ไม่เช่นนั้นท่านอาจโดนลูกหลงประสบภัยไปกับคนพวกนี้ด้วยนะครับ ผมก็เตือนท่านไว้เท่านี้แหละผมไม่คิดทำอะไรคนพวกนี้หรอกไม่อยากผูกกรรมต่อเนื่อง
คนเก่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น