...+

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องราวในอดีตชาติของพระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก

เรื่องราวในอดีตชาติของพระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก ที่ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูป
ทำให้ท่านได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ส่งผลให้ความ
ปรารถนาของท่านเต็มเปี่ยมในภพชาติสุดท้ายจนมาเป็นบุคคลผู้ใกล้ชิด
กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด มีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะ ในสำนักของพระบรมศาสดา จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่า
เป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก" และเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต"อีกด้วย ดังเรื่องราวในอดีตชาติดังต่อไปนี้

ในแสนกัปนับแต่ภัทรกัปนี้ พระบรมศาสดา ทรงพระนามว่า "ปทุมุตตระ"ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่เดิมพระองค์ทรงมีพระนามว่า
"อุตตรกุมาร" เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอานันทะ แห่งนครหังสวดี ด้วยบุญบารมีที่ได้ทรงสั่งสมมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้ทุกครั้ง
ที่ทรงยกพระบาทเพื่อจะเหยียบลงบนแผ่นดินดอกบัวหลวงดอกใหญ่ก็ชำแรกแผ่นดิน ขึ้นมา กลีบดอกบัว วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒ ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระพาหาทั้งสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามเช่นนั้น

พระพุทธองค์ทรงมีพระเชฏฐภาดา คือ น้องชายร่วมบิดา ชื่อสุมนกุมาร
แม้จะไม่ได้เสด็จออกผนวชตามพระเจ้าพี่ แต่ก็มีความเคารพเลื่อมใส
ในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อว่างเว้นจากกรณียกิจก็หาโอกาสไป
ฟังธรรมจากพระบรมศาสดาเป็นประจำมิได้ขาด ทุกครั้งที่เสด็จไป
เฝ้าพระเจ้าพี่นั้น สุมนกุมารสังเกตเห็นว่า พระเถระชื่อสุมนะ เป็นที่โปรดปราน
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพิเศษ เวลาจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ต้องขออนุญาตจากพระเถระรูปนี้ก่อน เพราะท่านจะรู้เวลาอันควรหรือไม่ควร ทำให้พระกุมารอยากได้รับตำแหน่งของภิกษุผู้ใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารภกับพระพุทธองค์
พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้สุมนกุมารเริ่มทำทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล จึงจะเป็น ที่โปรดปรานของพระองค์ จากนั้นทรงรับสั่งให้ พระกุมารสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ เพื่อรองรับภิกษุถึง ๑แสนรูป
ที่จะมาฉันภัตตาหารในพระราชวัง สุมนกุมารจึงซื้ออุทยานของกุฎุมพีโสภะ ในราคา ๑ แสนกหาปณะ อีกทั้งทรงสละทรัพย์
ส่วนพระองค์ อีก ๑ แสนกหาปณะ เพื่อสร้างมหาวิหารทันที ทรง รับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า และได้สร้างกุฎี
และมณฑปเพื่อเป็นที่พักสำหรับ ภิกษุสงฆ์

เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้อาราธนาภิกษุสงฆ์ ๑ แสนรูป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานมา ฉันภัตตาหาร แล้วกล่าวคำน้อม
ถวายมหาวิหารว่า "ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยานชื่อโสภนะ ที่ข้าพระองค์ทรงสร้างเป็นมหาวิหารสำหรับภิกษุสงฆ์
ด้วยเถิด"

พระกุมารทรงถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ทรงถวายผ้าไตรจีวรแด่ภิกษุ ๑ แสนรูป แล้วทูลขอพรว่า
่"ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวายแด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้ มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติ คือ ความเป็นท้าวสักกเทวราชทั้งมิได้กระทำเพราะ
หวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก อยากเป็นที่โปรดปรานเหมือนพระสุมนอุปัฏฐากของพระองค์
ในอนาคตกาล ด้วยเถิด"


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า ่"ความคิดอันยิ่งใหญ่ของพระกุมารนี้ จักสำเร็จหรือเปล่าหนอ ทรงทราบว่า ในกัปที่หนึ่งแสนนับ
จากภัทรกัปนี้ไป พระโคดมพุทธเจ้าจักอุบัติขึ้น และพระกุมารนี้จักได้เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงตรัสให้พรว่า
"ขอให้สิ่งที่ทรงประสงค์ ทรงปรารถนาแล้วทั้งหมด จงเป็นผลสัมฤทธิ์ ขอให้พระดำริทั้งปวงจงเต็มรอบ เหมือนพระจันทร์
ในวันเพ็ญฉะนั้น"
พระกุมารได้ทรงสดับแล้ว ทรงพระดำริว่า "ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่มีพระวาจา เป็นสอง
"นับตั้งแต่นั้นมาสุมนกุมารจึงตั้งใจทำ ความดีตลอดแสนปี เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่านเวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิอย่างเดียว
ภพชาติสุดท้ายทรงถือกำเนิดเป็นพระโอรสของพระเจ้า อมิโตทนะและได้เป็นสหชาติ คือ ประสูติในเวลาเดียวกันกับพระผู้มี
พระภาคเจ้าของเรา เมื่อท่านเสด็จออกผนวชก็ได้รับแต่งตั้งเป็นยอดเอตทัคคะในด้านพหูสูตรวมถึงเป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก
ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระบรมศาสดา นอกจากนี้ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าในบรรดาภิกษุ ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก
ในภัทรกัปนี้ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติแล้วถึง ๓ พระองค์ พระอานนท์ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น