...+

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

พระโลกนาถ(ซัลวาโตเล ซิโอฟฟี) พระฝรั่งหัวใจสิงห์ -- คริสตศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา

***บทความลงไว้เพื่อให้อ่านกันเฉพาะสมาชิกภายในเวปแดนนิพพานกรุณาอย่านำบทความนี้ไปโพสยังที่ต่างๆ นะครับ (จากหนังสือตามรอยพระพุทธบาทเล่ม ๔)

พระโลกนาถ ภิกษุชาวอิตาเลี่ยน ผู้โด่งดัง ได้เดินทางเข้ามาเมืองไทยเมื่อปี ๒๔๗๖ เพื่อชักชวนพระภิกษุสามเณรไทย ให้ร่วมเดินทางเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก ก่อให้เกิดความตื่นเต้นในหมู่พุทธบริษัทสมัยนั้นเป็นอันมาก มีพระเณรเดินทางตามพระโลกนาถจำนวนไม่น้อย

มีเอกสารชิ้นหนึ่งของผู้ใช้นามปากกาว่า ป.สาครบุตร์ ตีพิมพ์การเทศน์ของท่าน จากหนังสือของพุทธธรรมสมาคม ได้รับการสนับสนุนจาก เจ้าแก้วนวรัฐ แจกจ่าย เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ โดยสรุปเป็นประเด็นไว้อย่างย่อ เนื้อหานี้อาจะทำให้คนรุ่นหลังรู้จักตัวตนของพระฝรั่งหัวใจสิงห์รูปนี้มากขึ้น

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๗๖ พระโลกนาถ ภิกษุชาวอิตตาเลี่ยนรูปหนึ่ง ได้จารึกไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ ท่าไนด้แสดงธรรม ณ วิหารวัดเจดีย์หลวง เป็นภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยสู่อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายฟัง พอจะสรุปได้ว่า

๑. ท่านว่า ... สมเด็จพระสัมมาสุมพุทธเจ้าของเราเป็นมหาราชาธิราชที่อัศจรรย์ในโลก โดยสมภพ(เกิด) ในราชตระกูลที่สูงสุด อุดมพร้อมและแวดล้อมไปด้วยความสุขต่างๆ ดังปรากฏอยู่ในพุทธประวัติของเราแล้ว เป็นต้น


๒. ในการที่จะปลดเปลื้องตัณหาต่างๆ ท่านว่าต้องเริ่มด้วยการรักษาศีล ๕ เพราะศีล ๕ เป็นบรรทัดบังคับให้ดำเนินไปตามทาง และเป็นบันไดตอนแรก จะก้ามขึ้นขั้นสุดทีเดียวไม่ได้

๓. ท่านได้แสดงประวัติพุทธศาสนาและประวัติคริสศาสนา ได้พิสูจน์ว่า คริสตศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนาเท่านั้น จึงยังไม่ครบบริบูรณ์ พระเยซู ได้เป็นสาวกของพระพุทธองค์ คือ ได้มาร่ำเรียนพระพุทธศาสนายังประเทศอินเดีย ภายหลังที่พระพุทธองค์เข้านิพพานแล้ว ๕๐๐ ปีเศษ พระเยซูได้มาร่ำเรียนอยู่ถึง ๑๕ ปี

แต่เวลาไปเผยแผ่ศาสนานั้น ได้มีเวลาทำอยู่เพียง ๓ ปี พร้อมด้วยมีหมู่มีคณะคอยกีดกันอยู่รอบข้าง และมีศัตรูคอยปองร้ายอยู่มากมาย ถึงกับภายหลังได้ลงทัณฑ์พระเยซูอย่างทราบกันทั่วๆ ไปแล้ว ฉะนั้น รสพระธรรมที่มีอยู่พร้อมมูลในพระไตรปิฏก ของพระพุทธศาสนา จึงไม่ประจักษ์มากเท่าใด

ในคำสั่งสอนของพระเยซู หากว่าพระเยซู ได้มีพระชนม์สั่งสอนอยู่อีกนานปี คล้ายคลึงกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว คำสั่งสอนในคริสตศาสนา คงจะได้ชิดคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาเข้ามาอีกเป็นอันมาก

ฉะนั้นสำหรับผู้ที่นับถือคริสตศาสนาอยู่แล้ว เพื่อจะให้การปฏิบัติเต็มเปี่ยมอย่างองค์พระเยซูมุ่งไว้แล้ว ก็ยังเสริมได้โดยการเรียนพระธรรมในพระพุทธศาสนาต่อเติมและถือปฏิบัติให้ครบถ้วนทั้งนี้ จะขึ้นชื่อว่าได้เป็น "สาวกของพระเยซู" หรือ "สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมของพุทธเจ้าอย่างแท้จริง..."

--------------------------------------------------------------------------------------------

ต่อมามีผู้พบหลักฐานบนกระดาษ มีอายุกว่า ๑,๕๐๐ ปี เขียนเป็นภาษาทิเบต โปรเฟสเซอร์ นิคเล่อร์ส โรห์ลิคจึงได้นำเอกสาร โบราณมาเปิดเผยต่อชาวโลก โดยปรากฏค้นคว้าเป็นการวิจัยว่า

" ...อิลซา หรือพระเยซู ในวัยเด็กได้เดินทางไปอินเดีย กับกองคาราวาน พร้อมกับบิดา มารดาของตน บิดามีอาชีพค้าขายระหว่างซีเรีย กับอินเดีย บิดาได้ฝากอาศัยอยู่กับพระสงฆ์ในพุทธศาสนาในฐานะเป็นศิษย์ และได้กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนในปาเลสไตน์ เมื่อมีอายุได้ ๒๙ ปี

ณ เวลานั้น นาลันทา เป็นศูนย์กลางการศึกษาของพระพุทธศาสนา กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทุกอาณาจักร ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย ว่าชายหนุ่มนามว่า "เยซู" ซึ่งเป็นบุคคลแห่งประวัติศาสตร์ผู้นี้ จะไม่เข้ารับการศึกษาที่นั่น

มันสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า การที่เยซูได้ศึกษาปฏิบัติจิตของชาวพุทธที่นั่น ทำให้เยซูได้เดินทางขึ้นสู่ทิเบต และได้เข้าวัดเพื่อฝึกหัดญาณและอิทธิ แม้แต่คัมร์ภีไบเบิลเองก็ไม่มีการบันทึกเรื่องราวตอนนี้ ขาดหายไปในช่วงสถานที่และการงานที่เขาได้กระทำระกว่างวัยเด็กจนถึงอายุ ๒๙ ปีว่าเป็นอย่างไร

---------------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ปอล คารัสล์ ยังได้พบจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีว่า พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้าสู่ทวีปยุโรปตั้งแต่โบราณ ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเกิดขึ้นในโลก ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านไปนั้น ได้มีการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย ยุโรป และเอเซียตะวันตก ทำให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมด้วยในเวลาเดียวกัน

แต่เนื่องจากเป็นเวลาที่เนิ่นนานมาก การค้นหาร่องรอยต่างๆ จึงได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เนื่องจากหลักฐานโบราณคดีได้ถูกทำลาย โดยนักบวชและศาสนิกในยุคหลังจนแทบหมดสิ้น Dr. Mahaffy ได้พบหลักฐานทางโบราณคดี เป็นสิ่งก่อสร้างพุทธสถาน พร้อมทั้งเครื่องใช้ของพระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งศิลาจารึกพระสูตรที่มีอายุก่อนคริสตกาลถึง ๔๐๐ ปี

ดร. โกลด์ สิฮาห์ ยังได้ค้นพบหลักฐาน ทางโบราณคดีว่า ศาสนาพุทธได้เข้าไปเผยแผ่และเจริญอยู่ในเกาะอังกฤษอีกด้วย ซึ่งเป็นสมัยก่อนที่จะมีคริสตศาสนา ในกรณีนี้ คณะวิจัยได้ค้นพบ มีเอกสารหลักฐานยืนยัน โดยนักบวชยุคแรกเริ่ม เอกสารบันทึกนั้นเป็นของ ออริเก้น แห่งอเล็กซานเดรีย เขาได้บันทึกยืนยันไว้ด้วยตนเองว่า

"ศาสนาพุทธได้เจริญเป็นอย่างมาก ได้ตั้งศาสนสถาน และมีเหล่าพระสงฆ์สามเณรเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสถานศึกษาทางพุทธศาสนา ตั้งอยู่ทั่วไปบนเกาะอังกฤษ ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะแผ่ไปถึง..."

และยิ่งปราศจากข้อสงสัยใด เพราะเราได้รับการยืนยันจากหลักฐาน โดยการค้นคว้าของ ดี.เอแมคเคนซี่ ในเอกสารงานวิจัยของชื่อ "พระพุทธศาสนาบนเกาะอังกฤษ ก่อนคริสตศาสนา" พยานหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งปรากฏบนเกาะอังกฤษ

ซึ่งหมายถึงหินแกะสลักเป็นพระสงฆ์และสามเณร หินสลักเป็นอักษรบรรยายพระสูตรในพระพุทธศาสนา เอกสารโบราณมากมายได้ถูกนำมาเผยแพ่และพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ว่า ศาสนาพุทธได้เจริญอย่างกล้าแข็งอยู่บนเกาะอังกฤษ ก่อนที่อังกฤษจะรู้เรื่องคริสตศาสนา...!

ในการประชุมคณะกรรมการประวัติศาสตร์โลก ซึ่งจัดขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๒๖ (พ.ศ. ๒๔๙๖) ที่เมืองลานาว ได้ปรากฏเหตุการณ์สำคัญในการประชุมนี้ ที่ชาวโลกควรรับรู้ก็คือ โปรเฟสเซอร์ เมสรอฟบ์ ที.เซ็ธ ได้นำเสนองานวิจัยค้นคว้าของท่านต่อคณะกรรมการบันทึกประวัติศาสตร์โลก เนื้อหางานวิจัยของท่านส่วนหนึ่ง มีดังนี้

หนังสือประวัติศาสตร์เรื่อง ทารอน โดย ผู้แต่งชื่อ เซนอบ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคต้นๆ ของคริสต์คาทอลิก อาร์เมเนีย ได้กล่าวว่าในช่วงศตวรรษที่ ๒ ก่อนคริสต์ศักราช มีศาสนาพุทธเข้ามาตั้งอย่างมั่นคงใน อาร์เมเนีย ที่มีชาวพราหมณ์อาศัยอยู่ก่อนแล้ว ๔๕๐ ปี

พวกเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ และพวกเขาเหล่านี้ได้สร้างเมือง หมู่บ้าน วัดวาอารามหลายแห่ง ต่อมาพวกนี้ได้ทำลายวัดวาอารามของพวกเขา เข่นฆ่าพวกพระทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้รู้เห็นป็นพยานด้วยตัวข้าพเจ้าเอง ต่อการทำลายเหล่านี้

และจากความโหดร้ายทีได้รับ ทำให้ชาวพุทธเหล่านี้ จำเป็นต้องเปลี่ยน ไปนับถือศาสนาคริสต์ แล้วผสมผสานกับชาวอาร์เมเนีย จากนั้นจึงกลายเป็นชนชาติหนึ่ง มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า เอเซียตะวันตกและยุโรป มีชาวพุทธและศาสนาพุทธ มันเป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้ทำลายพระพุทธศาสนาและเข้ายึดครอง ได้เผาทำลายห้องสมุดอเล็กซานเดรีย จนคัมร์ภีต่างๆ เสียหายไปหมด...!!!

บางส่วนจากหนังสือตามรอยพระพุทธบาทเล่ม ๔


ที่มา:http://www.dannipparn.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น