...+

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อาหารกำหนดชะตาชีวิต

อาหารกำหนดชะตาชีวิต



อาหารนี่แหละเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต หลักการง่ายๆ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ รับประทานผักผลไม้ให้มากๆ
หลายคนต่างรู้ดี แต่กลับบริโภคตามใจปาก ถ้าไม่ป่วยก็ไม่รู้ซึ้ง ดังนั้น มารู้จักการบริโภคอาหาร เพื่อป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ากินน้อยจะตายยาก กินมากจะตายง่าย คุณจะเลือกแบบไหน
ชีวิตของคุณ ถูกกำหนดโดยอาหารที่คุณกิน ถังขยะหน้าบ้านบอกได้ว่า คุณทิ้งอะไรลงไป กินอะไรเข้าไป
ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป เราเอง คนที่ประสบปัญหาการรับประทานอาหารดีเกินไป แพงเกินไป
มากเกินไป สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือ น้ำหนักตัวที่เกินมา โรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ต้องการ ทุกอย่างน่าจะ
แก้ไขได้ทัน หากวันนี้ เราหันมาใส่ใจสุขภาพ เพราะอาหารนั้น สามารถกำหนดชะตาชีวิตของเราได้
อย่างน้อย ถ้าอยากมีสุขภาพกาย-ใจ ดี ผิวพรรณผ่องใสจากข้างใน เลือดลมเดินดี ไม่มีโรค โดยไม่ต้อง
อาศัยครีมหน้าเด้ง หรือยาลดความอ้วน หรือทำมาหาเลี้ยงหมอทุกเดือน ขั้นแรกต้องเป็นหมอดูแลเรื่อง
อาหารการกินของตัวเราเองก่อน

1. ลองเช็คตัวเองซิว่า ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไร
ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า เราลุกจากเตียงเหมือนติดสปริงหรือเปล่า? ลุกขึ้นมาพร้อมกับ
ความสดชื่นมีชีวิีตชีวาหรือไม่ ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดัง เรายังไม่ลืมตา เอามือไปกดแล้วนอนต่อ เพราะ
ลุกไม่ไหว จนนาฬิกาปลุกตัวที่สองดังขึ้น นั่นเป็นสัญญาณแล้วว่า ต้องกลับมาดูแลตัวเอง เปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมการดำรงชีวิตเสียใหม่ เริ่มต้นจากการกิน
จำไว้ว่า ถ้าเรากินน้อย จะตายยาก กินมากตายง่าย และอาหารที่เรากินทุกวันนี้ อาหารที่เสียหรือบูดเน่าง่าย
กินแล้วตายยาก อาหารที่บูดเน่ายากๆ ใส่สารกันบูด กินแล้วตายง่าย
คนจีนโบราณเขาบอกว่า ตอนเช้าให้กินอย่างราชา กลางวันกินอย่างคนธรรมดา ตอนเย็นให้กินอย่างยาจก
เพราะใกล้จะนอนแล้ว เป็นหลักดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพ แต่คนเราใสปัจจุบันปฏิบัติกลับกัน ตอนเช้าไม่กินเลย
กาแฟถ้วยเดียวแล้วรีบออกจากบ้าน พักกลางวัน 1 ชั่วโมงต้งรีบกิน มื้อเย็นไว้นัดเพื่อนฝูง กินมื้อใหญ่ เพราะ
เก็บกดมาทั้งวัน แล้วกลับบ้านไปนอนอืด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมจึงมีสถาบันเสริมความงามลด
น้ำหนัก ฟิตเนส ฯลฯ เกิดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด

2. เริ่มต้นจากการทำใจ
ไม่จำเป็นต้องไปถือศีลกินเจ เคร่งจนวันหนึ่งตบะแตก เพียงแค่เริ่มต้นจากการค่อยๆ ลดสัตว์ใหญ่ ที่เรา
โปรดปราณ เช่น เนื้อวัว-ควาย ถ้าทำได้แล้ว ก็ลดเนื้อไก่-เป็ด ลดเนื้อปลาลงไปตามลำดับ หากทำใจ
ไม่ได้ ก็อนุญาตให้หม่ำปลาต่อไป ตามด้วยผักผลไม้มากๆ เริ่มจากกินสัตว์ที่ตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ ขอให้
คิดว่า กินหมูดีกว่ากินวัว กินไก่ดีกว่ากินหมู กินปลาดีกว่ากินไก่ ทำได้ดังนี้ สุขภาพเรา ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ

3. คลอโรฟิลล์ในร่างกายมนุษย์
ผักผลไม้สังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์ สีเขียวคือคลอโรฟิลล์ มนุษย์เองก็มีคลอโรฟิลล์ หากร่างกาย
สมบูรณ์สะอาดจากข้างใน หากมีสิ่งแปลกปลอม สารพิษต่างๆ ในร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และ
ขับออกมาโดยอัตโนมัติ ไม่มีการเก็บสะสม
แล้วทำอย่างไรให้ร่างกายของเรามีคลอโรฟิลล์
ถ้าเราไม่กินสีเขียวๆ ของพืชผักผลไม้เลย ชีวิตคุณสั้นแน่ เพราะในนั้นมีคลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติใน
การฟอกเลือด สังเกตเลือดของคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ สีของเลือดจะสวย ใส ไม้ข้น เหมือนคนที่กิน
เนื้อสัตว์ เพราะเลือดมีสภาวะเป็นด่าง พืชผักผลไม้มีสารอาหาร ที่มีสภาวะเป็นด่าง แต่เนื้อสัตว์กับเลือด
ของสัตว์เป็นกรด ถ้ากินมาก เลือดเราจะไม่สมบูรณ์ หากเลือดข้นก็จะวิ่งตามเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วน
ต่างๆ ไม่สะดวก เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ได้
การวัดค่าของเลือด เรียกว่า คาโลทีนอย ว่าสูงสุด 20,000 - 49,000 มาตรฐานคนทั่วไปอยู่ที่
20,000 - 40,000 คาโลทีนอยมาก มะเร็งจะไม่มีวันถามหา เพราะมีสารอาหารที่สามารถต่อต้าน
อนุมูลอิสระ การที่เรากินผักและผลไม้มากเท่าไหร่ เราก็จะมีคาโลทีนอยมากขึ้นเท่านั้น ผักผลไม้
จะมีสีสันต่างๆ มากมาย อย่างสีส้มในแครอท สีส้มในมะละกอ สีเหลืองในมะม่วงสุก พวกนี้จะมี
เบต้าแคโรทีน สารสีเหล่านี้จะมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ ถั่ว 5 สี จะทำให้อวัยวะหลักในร่างกาย เขา
เรียกว่าเบญจธาตุมีความสมบูรณ์มากขึ้น ชีวิตจริง เราอาจจะกินถั่วไม่ครบ 5 สี แต่เรากินพืช ผัก
ผลไม้ ครบ 5 สี แทนก็ได้เหมือนกัน
ถ้าจะเปรียบร่างกายเป็นประเทศชาติ ควรรับประทานข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องเป็น ราชาแห่งข้าว
มีจมูกข้าวอุดมไปด้วยวิตามิน กล้วยน้ำว้า เป็นราชินี มีความหวานเป็นแป้งบริสุทธิ์ งาดำ-งาขาว
เป็นขุนพล และดื่ม น้ำเต้าหู้ อย่างน้อยวันละแก้ว เพื่อล้างพิษต่างๆ ในร่างกาย ดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ
ตั้งแต่ตื่นนอน

4. ผัก 5 ชนิด ถั่ว 5 สี

ถั่ว 5 สี ช่วยบำรุงร่างกาย เช่น ถั่วแดง บำรุงหัวใจ รวมทั้งแตงโม, บีทรูต ฯลฯ จะช่วยบำรุงเลือด
การไหลเ่ีวียนของโลหิต ถั่วดำ รวมไปถึง งาดำ ฯลฯ จะบำรุงเส้นผม ผิวหนัง ชุ่มชื้น มันวาว
ผมดกดำมัน ผมร่วง เชื้อราบนหนังศีรษะ รากผมแข็งแรง ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน ถั่วซีด หรือ ถั่วขาว
เช่น ถั่วลิสง, ลูกเดือย, แมกคาเดเมีย บำรุงกระดูก ให้แคลเซียม บำรุงกระดูกข้อมือ บำรุงฟัน ถั่วเหลือง
ให้โปรตีน ถั่วเขียว บำรุงอวัยวะภายในร่างกาย
ถั่ว 5 สีนี้ รวมทั้งผัก 5 สี ควรจะรับประทานให้ครบถ้วน มนุษย์รับประทานครบ ก็จะมีคลอโรฟิลล์อยู่
ในร่างกาย และนมถั่วเหลือง มีประโยชน์ต่อร่างกาย นักวิทยาศาสตร์จีนเปิดเผยว่า ดื่มน้ำเต้าหู้สดๆ
ที่ทำใหม่ๆ วันละ 1 แก้ว สามารถช่วยฟอกพิษในร่างกายได้ แต่ต้องไม่ใช่น้ำเต้าหู้พาสเจอร์ไรซ์ที่
ใส่สารกันบูด ที่มีขายเป็นกล่องๆ โดยทั่วไป
อยากอายุยืน ผิวพรรณสดใส อ่อนวัยไปนานๆ คงต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทาน และ
สิ่งสำคัญคือ การออกกำลังกาย ตามแบบที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเหยาะๆ เล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือ
แม้แต่การทำงานบ้านเพื่อให้เหงื่อออก โลหิตไหลเวียนสะดวก เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย
แค่นี้ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นในชีวิตอีกหลายอย่าง



http://www.yourhealthyguide.com/arti...food-life.html

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 ธันวาคม 2554 เวลา 16:09

    ปฏิบัติเช่นนี้เป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว สบายดี ไม่มีโรคร้ายเบียดเบียน ต้องขอกราบขอบคุณพ่อแม่ ที่สั่งสอนมาดี มีสุขนิสัยตั้งแต่เด็ก อะไรดีๆ ต้องเริ่มที่บ้าน ต้งแต่เกิด เพราะไม้แก่ดัดยาก ไม้ใกล้ฝั่ง ดัดไม่ได้ บางทีหักเลยนะ ต้องระวัง อย่าไปเริ่มกฎเกณท์ ที่ยุ่งยากกับผู้สูงอายุ ตามใจท่านไว้ อายุยืนแน่ๆ บางบ้าน พ่อ แม่ผู้สูงวัยอยากกินทุเรียน ทานขนมหวาน เป็นต้น ลูกรักท่าน ไม่อยากให้กิน ปรากฎว่าไปแอบกินเองที่อื่นๆ นอกบ้าน ทำให้นำตาลขึ้นสูงเลย ทางทีดี ทำบ้านให้เป็นสวรรค์ จะสามารถควบคุมปริมาณอาหารต้องห้ามได้ดีกว่า ควรคิดว่า ทานให้อร่อย แต่ต้องรู้จักประมาณ ก็เท่านั้นเอง จะกินอย่างเป็นสุขทุกมื้อ

    ตอบลบ