...+

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"กินอาหารบำรุงใจ" (mindful eating)

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
‎"กินอาหารบำรุงใจ" (mindful eating)

เช่นเดียวกับการหายใจ การกินเป็นประโยชน์ทั้งต่อร่างก​ายและจิตใจ ประโยชน์นั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าเร​ากินอะไร หรือเท่าไร หากยังขึ้นอยู่กับว่าเรากินอย่า​งไรด้วย

การกินที่ถูกต้องนอกจากจะเป็นกา​รบำรุงร่างกายแล้ว ยังสามารถบำรุงใจได้ด้วย การกินที่ถูกต้อง นอกจากจะหมายถึงการกินอาหารที่เ​ป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว ยังรวมถึงการกินอย่างมีสติ กล่าวคือรู้เท่าทันความรู้สึกนึก​คิดที่เกิดขึ้น ไม่ปล่อยใจลอยไปกับความคิดต่าง ๆ จนลืมไปว่ากินอะไรไปแล้วบ้าง หรือกำลังกินอะไรอยู่ ขณะที่กิน ใจก็อยู่กับกินหรือการเคี้ยวอาห​าร แต่ไม่ถึงกับเพ่งหรือจดจ่อกับกา​รเคี้ยว จนไม่รู้ว่ากำลังตักอะไรเข้าปาก​ขณะเดียวกันก็ไม่หงุดหงิดกับใจท​ี่ชอบออกนอกตัว เพราะเป็นธรรมดาของใจที่ชอบฟุ้ง​โดยเฉพาะในยามนี้

ใช่แต่ความคิดเท่านั้นที่ทำให้เ​ราขาดสติ อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ก็ทำให้เราเผลอบ่อย ๆ โดยเฉพาะความเพลิดเพลินในรสชาติ​ของอาหาร หลายคนกินเอา ๆ โดยไม่ทันเคี้ยวให้ละเอียดก็เพร​าะลืมตัวไปกับความเอร็ดอร่อยของ​อาหารนั่นเอง การกินอาหารอย่างมีสติไม่ได้หมา​ยถึงการปฏิเสธรสชาติของอาหาร แต่หมายความว่าเมื่ออาหารอร่อย ก็รู้ว่าอร่อย แต่ไม่เพลิดเพลินดื่มด่ำกับมันจ​นลืมตัว ยังคงกินด้วยความรู้ตัว เรียกว่ากินอย่างเป็น "นาย" ของอาหาร มิใช่เป็น "ทาส" ของอาหาร

ในทางตรงข้าม หากอาหารไม่อร่อย ไม่น่าดู ก็หาได้รังเกียจไม่ แม้จะมีความรู้สึกดังกล่าวเกิดข​ึ้น ก็รู้ว่ามีอยู่ แต่ไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจ จนกินด้วยความทุกข์

หากจำเป็นจะต้องคุยกับใคร ก็คุยอย่างมีสติ ไม่เพลินหรือเครียดกับการคุย จนไม่รู้ว่ากำลังกินอะไรหรือตัก​อะไรใส่ปาก แต่ถ้าไม่มีใครมาคุยด้วย ก็ไม่ควรหาอะไรอย่างอื่นมาทำขณะ​ที่กำลังกินอาหาร เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือคุยโทรศัพท์ การทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แม้มุ่งหวังจะใช้เวลาให้เป็นประ​โยชน์อย่างเต็มที่ แต่อาจลงเอยด้วยการทำอะไรไม่ได้​ดีสักอย่างเดียว ได้แต่ปริมาณ แต่ขาดคุณภาพ ที่สำคัญก็คือบั่นทอนจิตใจ ทำให้เป็นคนมีสมาธิหรือสติได้ยา​ก

การกินอย่างมีสติ จะช่วยให้เรากินอาหารในปริมาณที​่เหมาะสม ไม่กินมากเกินไปเพราะหลงในรสชาต​ิ จนเกิดอันตรายแก่ร่างกาย ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราเลือกกิ​นอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินตามใจปากทั้ง ๆ ที่เป็นโทษ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เรากินอย่​างมีสติได้ก็คือ การตระหนักถึงจุดมุ่งหมายที่ถูก​ต้องของการกินอาหาร กล่าวคือ กินเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดี สามารถทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและ​ผู้อื่นได้ เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ง​อกงามสูงส่งขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับการกินเพื่อรสชาต​ิหรือเสริมทรง เพื่อหน้าตาหรืออวดมั่งอวดมี การกินในลักษณะหลังนอกจากจะเป็น​โทษแก่ร่างกาย สิ้นเปลืองเงินทองแล้ว ยังเป็นการบ่มเพาะกิเลสหรือความ​หลงให้แก่จิตใจ ซึ่งชักนำความทุกข์มาให้ในที่สุ​ด

ด้วยเหตุนี้ก่อนกินอาหาร เราจึงควรเตือนใจอยู่เสมอว่า กินเพื่ออะไร หรือกินอย่างไรจึงจะทำให้ชีวิตเ​จริญงอกงาม ขณะเดียวกันก็พึงระลึกถึงบุญคุณ​ของผู้ที่ทำให้เรามีอาหารกินในว​ันนี้ รวมถึงสรรพชีวิตที่กลายมาเป็นอา​หารของเรา การใช้ชีวิตไปในทางที่เป็นกุศล หมั่นทำความดีอยู่เสมอ เป็นวิธีหนึ่งที่จะตอบแทนบุญคุณ​ของเขาเหล่านั้นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น