...+

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รถโดนกรีดยาง

รถโดนกรีดยาง
คําถามหนึ่งที่คนทั่วไปชอบถามเวลาเจอหน้า คือ ผมโกรธบ้างหรือไม่ ผมก็จะยิ้มๆ และตอบว่า
เรายังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ย่อมต้องมีความโกรธ แต่โชคดีไม่บ่อยนัก และเวลาโกรธส่ว นใหญ่จะไม่
แสดงออกทางกาย ทางวาจา คือ ความโกรธยังไม่ล้นออกมาทางคําพูดและการกระทํา ยังพอควบคุม
หรือมีสติเห็นทัน ส่วนใหญ่มักจะเห็นใจที่เดือดอยู่ปุดๆ จะปุดมากปุดน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระดับของ
เหตุการณ์นั้นๆ
โชคดีที่ระยะหลังๆ มานี้ ไม่ค่อยมีอาการปุดๆ ในใจเลย นานๆ จะเกิ ดสักที คนที่จะสามารถทํา
ให้ผมโกรธได้ต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ เรียกว่าต้องเป็นครูสอนธรรมะระดับเทพเชียวล่ะ
หลายปีก่อน มีเหตุการณ์หนึ่งที่เราได้ ‘เห็น’ ความโกรธชัดเจนที่วิ่งเข้ามาเยือนจิตใจ บ่ายวัน
หนึ่งผมต้องไปงานศพกะทันหัน ไม่ได้ทราบก่อนล่วงหน้าจึงไม่ได้เตรียมใ ส่ชุดดํา คนขับรถก็ลาพอดี จึง
ต้องขับรถกลับมาที่ทํางานเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป ปกติที่ออฟฟิศมีที่จอดรถประจํา ปรากฏว่าวันนั้นมี
คนอื่นมาจอดรถในที่ของผมเองและของบริษัทหมด วนรถอยู่นานพอสมควรเลยตัดสินใจจอดในที่ของ
คนอื่น เพราะเห็นว่าว่างๆ อยู่ คิดในใจว่าขออนุญาตจอด สัก 10 นาที วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อกลับมาคงไม่
เป็นไร เจ้าของที่คงยังไม่มา
พอเปลี่ยนเสื้อกลับมาที่รถ ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่จอดนั้น มาจอดขวางรถ
เราเอาไว้แถมยังเข้าเกียร์ล็อคไว้อีกต่างหาก เลื่อนไม่ได้ ตอนแรกกะว่าจะวิ่งไปหายามให้ช่วยไปเชิญ
เจ้าของรถมาเลื่อนให้ แต่เกรงว่าจะไปงานศพไม่ทัน เลยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ไป
คืนนั้น กว่าจะสวดศพเสร็จ กว่าจะรํ่าลาเจ้าภาพก็ดึกพอสมควร ผมก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้าน
ลืมเรื่องรถไปเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเดินมาที่รถซึ่งจอดเอาไว้เมื่อคืน ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะยางรถแบนแต๋ดแต๋
ติดพื้น 2 ล้อเลย พอเห็นยางรถแบนเท่านั้น ความโกรธก็วิ่งเข้ามาในใจอย่างรวดเร็วและรุนแรง เป็น
อาการบางอย่างที่ไม่เคยเห็นอยู่ในใจ แต่พอเรามีสติเข้าไป ‘เห็น’ ความโกรธที่วิ่งเข้ามา ก็หายไปโดย
ฉับพลัน ความโกรธไม่มีเลย ใจกลับเป็นปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แป ลกมากกับตัวเอง ส่วนใหญ่จะโกรธกับเรื่อง
ใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่าโกรธ อย่าโกรธ แต่พอเผลอ
แว็บ ความโกรธก็จะวิ่งเข้ามาสู่ใจ
Page 2
White Heart - Discover you Ordinary Heart to find you Extraordinary Life!
Page 2
แต่พอมีสติเข้าไปเห็นทันความโกรธเท่านั้น ความโกรธเงียบหายไป จําได้ว่าโกรธอยู่เพียง 3-5
วินาทีเท่านั้น เร็วมากๆ แล้วความโกรธก็หายไป ไม่รู้หายไปไหน ไม่กลับมาอีก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ระหว่างที่
ขึ้นลิฟท์จากชั้นที่จอดรถมาบนออฟฟิศ เราเกิดปัญญาบางอย่างที่จะจัดการกับเหตุการณ์นี้ด้วยสติ เป็น
ปัญญาที่ปกติตัวเองจะไม่สามารถคิดได้ขนาดนั้น มันเหมือนเป็นอาการสว่างว
าบแล้วเกิดปัญญา
ประมาณนั้น!
พอถึงออฟฟิศ ผมก็สั่งเลขาฯ ให้ไปตรวจสอบว่า เจ้าของรถทะเบียนคันที่จอดรถขวางผมคือใคร
แล้วช่วยจัดดอกไม้ให้หน่อย เดี๋ยวจะเอาดอกไม้ไปให้เขา เลขาฯ ผมก็สงสัยทําไมต้องเอาไปให้ เขามาก
รีดยางรถผมแท้ๆ
ไม่ใช่แค่เลขาฯ เท่านั้นที่โกรธแทน พนัก งานทั้งออฟฟิศโกรธกันหมด พนักงานวิ่งส่งเอกสารวิ่ง
มาเลย บอกว่านายๆ เดี๋ยวผมจะเอาไม้ไปทุบกระจกรถมันดีไหม ยามของอาคารก็วิ่งขึ้นมาบอกว่า คนที่
กรีดยางรถผมเป็นฝรั่งเจ้าของบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เขาทําอย่างนี้มาหลายครั้ง
แล้ว โดนกันหมด ทั้งกรีดรถ กรีดยางรถ โดนกันประจํา เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้
ผมบอกทุกคนว่า ใจเย็นๆ รถผมเอง ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร อย่าโกรธนะ..
แล้วผมก็เอากระเช้าดอกไม้ขึ้นไปที่ออฟฟิศเขา ซึ่งตลกมากเพราะอยู่ตรงกันข้ามกับสํานักพิมพ์
ดีเอ็มจีซึ่งผมเช่าไว้คนละชั้นกับออฟฟิศบริษัทประชาสัมพันธ์ คิดอยู่ในใจว่า อืม..ออฟฟิศอยู่ตรงข้ามกัน
อยู่ชั้นเดียวกันแท้ๆ ยังมาทํากันขนาดนี้ ! ผมพยายามจะขอพบเขา แต่เขาไม่ออกมาพบ ส่งจีเอ็มคนไทย
และพนักงาน 2-3 คนยืนทําหน้าถมึงขึงขังกันอยู่หน้าออฟฟิศ แล้วถามผมว่าคุณใช่ไหมจอดรถทับที่
เจ้านายเขา โวยวายกันใหญ่ แต่เขาคงไม่รู้ว่านายเขากรีดยางรถผม
ผมไม่ได้รับเชิญให้นั่ง และได้รับการยืนยันว่านายเขาไม่ออกมาพบแน่นอน ปล่อยให้ยืนถือ
ดอกไม้อยู่อย่างนั้น ผมยืนอยู่สักพักหนึ่งเห็นว่าคุณฝรั่งคนนั้นไม่ออกมาแน่ เลยอธิบายเหตุการณ์
ทั้งหมดให้ลูกน้องเขาฟัง พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที เชิญให้ผมนั่ง ดูเหมื อนว่าตกใจที่นาย
เขามากรีดยางรถเรา
ผมบอกว่าตั้งใจเอาดอกไม้มาขอโทษเจ้านายคุณ สําหรับสิ่งที่ผมผิดพลาดในการจอดรถทับที่
ของเขาเมื่อบ่ายวานนี้ แต่ผมมีเหตุจําเป็น คือ ต้องรีบไปงานศพ และที่จอดรถของผมและของบริษัทฯ มี
รถจอดเต็มทั้งหมด และสิ่งที่อยากขอร้องคือ เราอยู่ใน ตึกเดียวกัน น่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะต้องมาทํา
Page 3
White Heart - Discover you Ordinary Heart to find you Extraordinary Life!
Page 3
อะไรแบบนี้ หากเขาไปทํากับคนอื่นคงเดือดร้อน แต่สําหรับผม ผมไม่เดือดร้อน มีคนคอยดูแลเอารถไป
เปลี่ยนยางได้ อย่างไรก็ตาม ผมฝากคําขอโทษไปถึงนายคุณด้วย
พูดจบแค่นั้น ผมก็ขอตัวลงมาทํางาน ปรากฏว่าก่อนเที่ยงวันเดียวกัน เลขาฯ แล ะทีมงานเฮกัน
ลั่นออฟฟิศ เพราะได้รับตะกร้าผลไม้ใหญ่มากพร้อมแชมเปญยี่ห้อแพงจากฝรั่งคนนี้ (เสียดายไม่ดื่ม!)
เลขาฯ หัวเราะมากกว่าคนอื่น เพราะสารภาพว่าไม่ได้สั่งดอกไม้แต่ไปเอากระถางต้นไม้ในครัวมาผูกโบว์
โชคดีที่มีฝีมือเลยออกมาสวยงามพอให้ผมถือไปมอบให้เขาได้ ลงทุน ไม่ถึงร้อยบาท แต่ได้รับกลับคืนมา
มากกว่าหลายเท่า
แต่สิ่งที่ผมถือว่าเป็นรางวัลแท้จริง คือ ข้อความในจดหมายที่แนบมา (อุตส่าห์ส่งสาส์นรัก Love
Note มาด้วย) เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาได้ ‘สั่งสอน’ คนไทยที่ไม่มีระเบียบวินัย ชอบมาจอดรถในที่ของ
เขา และไปทําแบบนี้ จะรู้สึก ‘สะใจ’ เหมือนว่าได้ Give them a lesson! คือให้บทเรียนกับคนที่ไม่มีวินัย
แบบนี้ ยิ่งมีการมาโวยวายกันมากเท่าไร เขายิ่งรู้สึกสะใจมากขึ้นว่าบทเรียนที่ให้ไปนั้นได้ผล ทําให้คน
ไทยสํานึก
แต่เขาบอกว่า ผมมาแปลกที่เอาดอกไม้มาขอโทษ แถมยังอธิบายเหตุผลด้วย และได้เห็น
ตัวอย่างว่า ผมก็ไม่โกรธที่มีคนอื่นมาจอดรถทับที่ผม ทั้งที่สองบริษัทฯ ผมดูแล้วน่าจะมีที่จอดมากกว่า
บริษัทเขาบริษัทเดียว สรุปแล้ว เขารู้สึกสํานึกว่าไม่ควรทําเรื่องแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีและอยากขอโทษ เป็น
ครั้งแรกจริงๆ ที่รู้สึกแบบนี้
ในย่อหน้าสุดท้าย เขาบอกว่าในฐาน ะที่ผมทําบริษัทประชาสัมพันธ์ เขาก็เป็นบริษัททัวร์ชั้นนํา
ขอมาเป็นลูกค้าได้หรือไม่ สรุปว่า จากการที่เราเจอเหตุการณ์แย่ๆ เราสามารถพลิกให้คนสํานึกได้ด้วย
ตนเอง และยังแถมมาเป็นลูกค้าอีก เป็นอานิสงส์ของสติจริงๆ
ผมไม่ได้รับเขามาเป็นลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนอะไรอีก แต่เผอิญตอนนั้นเรามีลูกค้าเต็มมืออยู่
แล้ว และหลังจากนั้น เหตุการณ์การกรีดยางรถ กรีดรถรอบคันในที่จอดรถของอาคารก็ไม่มีอีกต่อไป...
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น