...+

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนกินเนื้อหมา : เหตุให้หมาถูกจับขาย โดย สามารถ มังสัง

หมา หรือที่เรียกกันในภาษาสุภาพว่า สุนัข โดยยืมภาษาบาลีมาใช้เป็นสัตว์เลี้ยงเคียงคู่มากับคนเป็นเวลาช้านาน จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกับคนไปแล้วก็ว่าได้ บางคนเลี้ยงหมาโดยให้ความรัก ความเอ็นดูเท่าๆ กับการเลี้ยงคนหรือมากกว่าคนบางคนด้วยซ้ำ และที่เป็นเช่นนี้น่าจะด้วยเหตุผลในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. โดยปกติวิสัยหรือโดยธรรมชาติ หมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อเจ้าของ แม้มิใช่เจ้าของแต่เป็นผู้ให้อาหารประทังชีวิตในยามที่มันหิวโหยอดโซ เฉกเช่นคนที่นำอาหารมาเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นประจำ หรือแม้กระทั่งเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่มันพบหน้าคนเลี้ยง ก็จะแสดงอาการดีใจด้วยการกระดิกหาง และวิ่งเข้าหาแม้จากไปนานก็ไม่ลืม

2. หมาเป็นยามเฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ไม่เคยหลับจนลืมทำหน้าที่ แต่จะเห่าและไล่กัดคนแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามาเป็นการปกป้องทรัพย์สินได้ในระดับหนึ่ง

3. หมาที่มีสายพันธุ์ดี และได้รับการฝึกฝนจะช่วยคนทำหน้าที่ตรวจหายาเสพติด และอาวุธ หรือแม้กระทั่งทำหน้าที่ช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตจากอาคารถล่ม รวมไปถึงทำหน้าที่นำทางคนพิการทางสายตาได้ด้วย และหมาประเภทสวยงามยังเป็นสัตว์เลี้ยงแสดงสถานะทางสังคมของคนที่ร่ำรวยบางคน ในทำนองเดียวกับสิ่งมีค่าอย่างอื่น ก็มีให้เห็นอย่างดาษดื่นในสังคมวัตถุนิยม

ด้วยเหตุผล 3 ประการนี้ มนุษย์จึงมีความผูกพันกับหมาในฐานะเป็นสัตว์เลี้ยงประจำครอบครัวของคนที่รักสัตว์ในหลายๆ ประเทศ ยกเว้นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีข้อห้ามเกี่ยวกับสุนัข

ถึงแม้ว่าผู้คนในสังคมไทยจะนิยมเลี้ยงหมาด้วยมุมมองในแง่บวก 3 ประการดังกล่าวแล้ว แต่สังคมไทยก็มีมุมมองในแง่ลบเกี่ยวกับหมาเช่นกัน จะเห็นได้จากคำเปรียบเปรยคนที่พูดจาไม่สุภาพ และพูดพล่อยๆ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นว่าเป็นประเภทปากหมา คือเห่าไม่เลือก และคำพังเพยที่ว่า สุนัขกัดอย่ากัดตอบ ซึ่งเป็นคำเปรียบเปรยกับคนที่มีความเลวทรามต่ำช้า ไม่ควรที่จะต่อปากต่อคำด้วย และเกี่ยวกับคำพังเพยนี้ ผู้เขียนเคยเขียนบทกวีในรูปแบบของอรรถกวีออกเผยแพร่ทางวิทยุยานเกราะ 890 เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว โดยใช้นามปากกา ส. วงศานุรักษ์ ว่า

สุวานวิ่งวนเวียน เพียรตามติด
กระชั้นชิดแล่นไล่ ไม่ห่างเหิน
ปากเห่าหอนโหยหวน ชวนกลัวเกิน
โปรดได้เมิน จงอย่ามอง จ้องดูมัน

ในขณะที่คนส่วนหนึ่งเลี้ยงหมา ด้วยเหตุผล 3 ประการดังกล่าวมาแล้ว ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งเลี้ยงหมาหรือลักขโมยหมาคนอื่น แล้วจับฆ่าเพื่อทำเป็นอาหาร เป็นเหตุให้มีขบวนการค้าหมาเกิดขึ้นดังที่ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมพาตำรวจไปสกัดจับรถบรรทุกหมา 4 คันจำนวน 2,000 ตัว และได้ผู้ต้องหา 3 ราย หนีรอดไป 2 ราย ดังที่ทราบกันไปแล้วจากข่าวหนังสือพิมพ์

อะไรคือสาเหตุให้มีการลักลอบขนสุนัขเพื่อนำไปฆ่า และมีทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นประเด็นแห่งปัญหาและแนวทางแก้ไข ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูที่ต้นเหตุ คือการนิยมบริโภคเนื้อสุนัข ก็จะพบว่าผู้ที่นิยมบริโภคเนื้อสุนัขจะอยู่ในกลุ่มคนเวียดนาม ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และในประเทศเวียดนาม คนกลุ่มนี้เองคือกลุ่มเป้าหมายที่ขบวนการค้าสุนัขสนองด้วยการจับสุนัขส่งขาย ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ขบวนการค้าสุนัขคงไม่เกิดขึ้น หรือถึงแม้มีคนกลุ่มนี้ แต่ถ้าคนกลุ่มนี้แก้ปัญหาความต้องการสุนัขด้วยการจัดเลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภค ในทำนองเดียวกับการเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่เพื่อนำมาเป็นอาหาร ก็คงไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจขึ้นแก่คนรักสุนัขที่ต้องเห็นการจับสุนัขขังกรงแคบๆ ยัดเยียดจนทำให้สุนัขป่วยและตายไป

ถึงแม้ตัวที่อยู่รอดก็อยู่ในสภาพหิวโซเป็นที่สมเพชเวทนาของคนรักสุนัขที่ได้พบเห็นภาพเช่นนี้ และสภาพปัญหาที่ว่านี้ถือได้ว่าเกิดขึ้นเพราะว่ามีความต้องการบริโภคเนื้อสุนัข จึงทำให้มีการจับสุนัขขายเพื่อสนองความต้องการเกิดขึ้น

ดังนั้น ถ้าจะมิให้เกิดปัญหานี้ นอกจากจะออกกฎหมายห้ามค้าสุนัขแล้ว ยังต้องเปิดโอกาสให้คนเลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภคได้ ในทำนองเดียวกับเลี้ยงหมูหรือเป็ดไก่เพื่อการค้าแปรรูปเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มคนกินเนื้อสุนัข จะต้องเลี้ยงเองฆ่าเอง ไม่ควรปล่อยให้มีการรับซื้อหรือแลกเปลี่ยนสุนัขกับสิ่งของอย่างอื่น รวมถึงการจับสุนัขจรจัดหรือสุนัขมีเจ้าของไปขายดังที่เป็นอยู่ เพราะนั่นคือการทำร้ายน้ำใจคนรักหมา และอยากเห็นหมาเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นเพื่อน เลี้ยงเป็นสัตว์สวยงามประดับบารมีของคนมีเงินมากกว่าที่จะเห็นพวกมันถูกจับไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมากิน

อีกประการหนึ่ง ประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และเนื้อต้องห้ามมิให้พระภิกษุฉัน 10 ประการก็มีเนื้อหมารวมอยู่ด้วย ดังนั้นก็ไม่ควรกินเนื้อหมาอันเป็นเนื้อต้องห้าม แต่จะถึงกับออกกฎหมายห้ามกินเนื้อหมาด้วยหรือไม่นั้น ในขั้นนี้ผู้เขียนเห็นว่ายังไม่จำเป็น เพราะนอกจากเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่แก้ไขปัญหานี้ได้อยู่ เป็นต้นว่า ประชาสัมพันธ์ให้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์ของการกินเนื้อหมาว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าเนื้ออย่างอื่นซึ่งมีขายทั่วไปอยู่แล้ว ทั้งไม่ทำลายความรู้สึกคนที่รักสุนัขด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ไม่ควรจบลงแค่จับผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายเท่านั้น แต่ควรจะได้ทำการศึกษาหาวิธีแก้ไข และป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด ทั้งจะต้องคำนึงถึงว่าผู้ต้องการกินเนื้อหมามีโอกาสได้กินแต่จะต้องอยู่ภายใต้ข้อกฎหมายพิเศษ คือ อนุญาตให้ผู้ต้องการกินเนื้อหมาเลี้ยงหมาเพื่อการค้าภายในกลุ่มพวกเขาได้ โดยที่ไม่กระทบความรู้สึกในทางลบของคนนอกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรักสุนัข ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น