...+

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

3 สตรี “ผู้ให้” ในบทบาท “แม่”

สตรีผู้เป็นแม่จาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทั้ง 16 ชีวิตได้มีโอกาสเข้ารับประทานรางวัลจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุงาน ในงาน “มหิดล - วันแม่” ประจำปี 2554มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 26 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2554 โดยคัดสรรแบ่งประเภทรางวัลให้กับ "แม่สู้ชีวิต" , "แม่ 100 ปี" และ "แม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" เพราะบุคคลเหล่านี้ได้อุทิศชีวิตต่อสู้เพื่อลูก และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม

เรื่องราวชีวิตของคุณแม่ถวิล ลิ้มจำรูญ อายุ 103 ปี หนึ่งในเจ้าของรางวัลคุณแม่ 100 ปี ถูกเล่าผ่าน “ดวงเดือน วัฒนากร” ลูกสาวคนโตวัย72 ปี เล่าว่า คุณแม่ถวิลเลี้ยงลูกๆ ทั้ง 5 คน ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ให้ทั้งความรู้ ระดับการศึกษา หรือแม้กระทั่งชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นของลูกทุกคน คุณแม่จะบอกย้ำกับลูกๆ อยู่เสมอว่า เกิดเป็นคนต้องไม่เอาเปรียบผู้อื่น และเป็นผู้ให้อยู่เสมอ

"คุณแม่ไม่เคยใช้วิธีบังคับ ไม่เคยดุด่า ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ แต่เวลาที่ลูกทำผิด คุณแม่ต้องเด็ดขาด บอกว่าจะตีก็ต้องตี หลังจากนั้นก็จะเรียกลูกมาสั่งสอนว่าสิ่งใดถูกผิดเท่านั้นเอง เพราะคุณแม่เชื่อว่า การรู้จักให้อภัยและให้กำลังใจลูกอยู่เสมอ จะทำให้ลูกมีความเชื่อมั่นในตัวเองและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข"

ลูกสาวคนโตของคุณแม่ถวิล เล่าต่อว่า ปัจจุบันลูกหลานไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพคุณแม่ด้วยการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจำพวก ผักและผลไม้

“อายุ 103 ปีแล้ว คุณแม่ก็ยังแข็งแรง ทานอาหารเองได้ อาหารจานโปรดของคุณแม่คือ ต้มยำเห็ดฟาง ท่านจะชอบรับประทานอาหารร่วมกับลูกหลาน ด้วยความที่อายุมากแล้ว อาจจะมีบ้างที่คุณแม่หลงลืมว่า ลูกคนไหนมาหาบ้าง แต่ทุกครั้งที่มีโอกาส ลูกทั้ง 5 คน จะคุยกันตลอดว่าใครว่างก็จะมาอยู่กับคุณแม่ แต่หากเป็นวันหยุดหรือวันเทศกาล ลูกทุกคนก็จะพาครอบครัวมาหาคุณแม่ และมีกิจกกรมเล็กๆ ภายในครอบครัว”ดวงเดือนอธิบาย

ส่วนเจ้าของรางวัลคุณแม่สู้ชีวิตประเภทลูกพิการ ประจำปี 2554 นับป็นอีกหนึ่งแม่ผู้มีให้ชีวิต ความรัก ความอบอุ่น ต่อสู้ความลำบากและสภาพจิตใจที่หดหู่ ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข ซึ่งไม่มีใครทำได้เสมอเหมือนกับ "คุณแม่อุดมศรี ระวังการ” อายุ 48 ปี จากจังหวัดปทุมธานี คุณแม่ที่ต้องดูแลลูกพิการซ้ำซ้อนมาเป็นเวลา 25 ปี

“แม่มีลูกทั้งหมด 3 คน พิการซ้ำซ้อน 2 คน ปกติแข็งแรง 1 คน เมื่อก่อนแม่มีความตั้งใจที่อยากจะมีลูก พอรู้ว่าเราตั้งครรภ์ลูกคนแรก ก็ทำงานหนักเพื่อเก็บเงินเอาไว้ใช้จ่ายช่วงคลอด แต่พออายุครรภ์ 6 เดือน เริ่มมีความผิดปกติ มีเลือดออกทางช่องคลอดบ่อยขึ้น แต่แม่ก็ทนจนกระทั่งครบ 9 เดือน คุณหมอบอกว่าต้องผ่าคลอด เพื่อที่จะรักษาชีวิตเรากับลูกไว้ พอลูกชายคนโต อายุ 1 ขวบ เริ่มมีอาการป่วย ชักเกร็ง พอ 3 ขวบ เราเริ่มสังเกตพฤติกรรมลูก ไม่สามารถทรงตัว กล้ามเนื้อแขน ขา อ่อนแรง พูดไม่ได้ จนกระทั่งคุณหมอบอกว่า เป็นพิการซ้ำซ้อน”

คุณแม่อุดมศรี บอกอีกว่า ไม่เคยเสียใจ รู้แต่ว่าต้องเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดและหวังจะมีลูกที่ปกติอีกสักคน เพื่อมาดูแล หากแม่ไม่อยู่ ลูกชายคนโตก็จะได้มีน้องมาดูแล จึงไปปรึกษาคุณหมอ และได้ลูกชายอีกคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงได้สมใจ ระหว่างที่เลี้ยงลูกทั้งสองคน คุณแม่อุดมศรีไม่มีเวลาพักผ่อนและคุมกำเนิดไม่ต่อเนื่อง จนมีผลให้ตั้งครรภ์ท้องลูกคนที่ 3 และมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงคล้ายๆ กับลูกคนแรก

“ตอนนั้นแม่จิตใจเริ่มหดหู่ กำลังใจที่เข้มแข็งบอกกับตัวเองว่า เราต้องสู้เพื่อลูก จึงดูแลตัวเอง รับประทานอาหารดีๆ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จนกระทั่ง 7 เดือน มีเหตุให้ต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด แม่ได้ลูกสาวคนเล็กมาเชยชม แต่กลับต้องเศร้าใจ เพราะน้ำหนักแรกเกิดเพียงแต่ 1,200 กรัม ต้องเข้าห้องอบ จึงเกิดความกังวล และสังเกตเห็นความผิดปกติ ไม่สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ แขนขาเริ่มมีอาการติดของข้อ มากไปกว่านั้น ลูกสาวคนเล็กไม่สามารถพูดสื่อสารได้เช่นเดียวกับพี่ชายคนโต”

ทุกวันนี้ในบทบาทอันแสนยิ่งใหญ่ของความเป็นแม่ เธอต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ดูแลลูกชายและลูกสาวที่พิการทั้งสอง เตรียมอาหาร ซักผ้า ป้อนข้าว อาบน้ำให้ลูก นวดแขน-ขาให้ลูก คอยดูแลอย่างไม่ห่างสายตา เผลอไม่ได้ลูกจะเอาหัวโขกกับพื้น เวลาไม่พอใจจะชักดิ้นตัวงอ

... เป็นเส้นทางชีวิต25 ปี แห่งความอดทนและการใช้อย่างไร้ขอบเขตจำกัดและไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยหัวจิตหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักอันยิ่งใหญ่...

“ปัจจุบันตอนนี้ลูกชายคนโต อายุ 23 ปี ลูกสาวคนเล็ก อายุ 16 ปี แม่ต้องคอยป้อนอาหาร อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชำระร่างกายเวลาเปียกเปื้อนปัสสาวะ อุจจาระ ดูแลตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า กระตุ้นให้ลูกรับรู้ ดมกลิ่น มองเห็น ได้ยินเสียง ใช้ปากบดเคี้ยวอาหาร กลืนอาหาร และฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ส่วนลูกชายคนกลางอายุ 21 ปี ก็ช่วยแบ่งเบาภาระ ดูแลพี่กับน้อง ส่วนตัวเขาเองก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ อยู่ปี1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นเด็กเรียน”

แม่สู้ชีวิตรายนี้กล่าวอย่างเข้มแข็งว่า เกิดมาเป็นแม่ต้องอดทน ทนสู้ บางครั้งเหนื่อย ลำบากทั้งกายและใจ ท้อแท้ แต่พอเราหันมองหน้าลูกพิการทั้ง 2คน เห็นแววตาที่ใสบริสุทธิ์ ความรู้สึกแย่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาก็หายไปทันที

ปิดท้ายด้วยรางวัลแม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “คุณแม่มาลา จินดาหลวง” จากเชียงราย คนต้นแบบโครงการ “รักษ์ป่าสร้างคน 84 ตำบลวิถีพอเพียง” เป็นอีกหนึ่งคุณแม่ที่สำนึกรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด สอนลูกทั้ง 3 คนให้เรียนรู้หลักวิธีการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งเนรมิตพื้นที่โล่งกว้าง 14 ไร่ สร้างโรงเรียนกล้วยไม้ป่า ขยายความรู้สู่ชาวบ้านและเยาวชน สร้างรายได้ให้กับชุมชน

“แรกเริ่มครอบครัวของแม่ประกอบอาชีพเป็นชาวไร่ ชาวนาสัมผัสวิถีชีวิตชนบท จนกระทั่ง พ.ศ.2538เกษตรกรทำสวนป่า ทำโรงเรือนเลี้ยงกล้วยไม้และเพาะเนื้อเยื้อ ทั้งลูกและแม่ต่างช่วยกันขยายพื้นที่ 14 ไร่ ขุดบ่อเก็บน้ำเพื่อความชุ่มชื้น จัดสวนไม่ใช้ยาสารเคมี ยาฆ่าแมลง ปลอดภัยไร้สารเคมีและปลูกผักทุกชนิดโดยใช้ปุ๋ยหมักเป็นต้นแบบเกษตรอินทรีย์จำนวน 14 ไร่ เปิดเป็นโรงเรียนให้ทุกคนเข้ามาเรียนรู้”

คุณแม่มาลาบอกว่า ชีวิตนี้ขอยึดหลักความพอเพียง และไม่ลืมที่จะส่งต่อความรู้ให้กับลูกหลานและสังคมรอบข้าง เพราะถึงเวลาแล้วที่เราคนไทยจะได้ตอบแทนแผ่นดินให้มีค่ามากยิ่งขึ้น

“ทุกวันนี้ แม่คิดว่า หลายคนคงมีมีปัจจัยพื้นฐานครบ สิ่งที่เราอยากได้อยากมี เราสามารถหามาตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ ถึงเวลาที่เราจะตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ตอบแทนพื้นดินที่อยู่อาศัยของเราให้มีค่า ปลูกพืช ผักสวนครัว เพาะเลี้ยงพันธ์ไม้ สร้างรายได้ให้กับตัวเอง และไม่ลืมจะขยายความรู้ที่เรามีไปสู่ครัวเรือนในชุมชนของเราเอง” แม่สิ่งแวดล้อมปีนี้ระบุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น