...+

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความสุขที่ปลายจมูก พระไพศาล วิสาโล

ความสุขที่ปลายจมูก
พระไพศาล วิสาโล
พิมพ์ครั้งที่ ๑ :
กรกฏาคม ๒๕๕๓
เรียบเรียงโดย :
พระไพศาล วิสาโล
รูปเล่ม/ปก :
วทัญญู พรอัมรา
จัดทำาโดย :
เครือข่ายพุทธิกา
๔๕/๔ ซ.อรุณอมรินทร์ ๓๙
แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐
โทรศัพท์ : ๐๒-๘๘๒-๕๐๔๓
๐๒-๘๘๒-๔๓๘๗, ๐๘๖-๓๐๐๕๔๕๘
โทรสาร : ๐๒-๘๘๒-๕๐๔๓
อีเมล์ : b_netmail@yahoo.com
เว็บไซต์: http://www.budnet.org
สนใจสนับสนุนการพิมพ์เผยแพร่ โปรดติดต่อเครือข่ายพุทธิกา
Page 2
ค�าน�า
ใคร ๆ ก็ต้องการความสุข และพยายามท�า
ทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหาความสุข แต่แล้วคนส่วนใหญ่
กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการ ยิ่งดิ้นรนแสวงหา ก็ยิ่งเป็น
ทุกข์มากขึ้น
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้คนมักเข้าใจว่าความสุข
นั้นอยู่นอกตัว แต่แท้จริงแล้ว ความสุขมิได้อยู่ไกลตัว
และมิใช่สิ่งที่ต้องแสวงหา ความสุขที่แท้นั้นอยู่กับเรา
แล้วทุกขณะ และตามเราไปทุกหนแห่ง แต่เรามอง
ไม่เห็นเองเพราะมันอยู่ใกล้อย่างยิ่ง ไม่ต่างจากปลาย
จมูกที่มักถูกมองข้าม
เพียงแค่รู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ ก็จะ
สุขได้ไม่ยาก หากพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ และ
ภูมิใจในสิ่งที่เป็น ก็จะแย้มยิ้มเบิกบานได้ตลอดเวลา
ยิ่งได้ท�าความดี เอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น รวมทั้งได้สัมผัส
กับความสงบเย็นภายใน ก็จะพบว่าความสุขที่แท้นั้น
อยู่กลางใจเรานี้เอง
หนังสือเล่มเล็กๆ นี้ประกอบด้วยสามบทความ
แม้เคยตีพิมพ์มาก่อนแล้ว แต่เชื่อว่าการน�ามารวม
พิมพ์ใหม่จะช่วยให้ผู้อ่านรู้จักกับความสุขที่มีอยู่คู่กับ
ลมหายใจของตนมาช้านานแล้ว ได้มากขึ้น
พระไพศาล วิสาโล
๒๑ กรกฏาคม ๒๕๕๓
Page 3
สารบัญ
ความสุขที่ถูกมองข้าม

ความสุขที่แท้
๑๐
ชีวิตพอเพียง
๒๖
Page 4
Page 5
1
พระไพศาล วิสาโล
ความสุขที่ถูกมองข้าม
คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อว่า ยิ่งมีเงิน
ทองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความ
เชื่อดังกล่าวดูเผินๆ ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสีย
เวลาพิสูจน์ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่า
จะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง มิใช่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี ในท�านอง
เดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่า
พนักงานระดับล่างๆ เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า
แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
Page 6
2
ความสุขที่ปลายจมูก
หลายปีก่อนมหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้
ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า เขารู้สึกเบื่อหน่าย
กับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า “ชีวิต(ของผม)เริ่ม
หมดค่าทางธุรกิจ” ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่า
ตัวเองไม่มีความหมาย เขาเคยพูดว่า “ผมจะมี
ความหมายอะไร ก็เป็นแค่...มหาเศรษฐีหมื่นล้าน
คนหนึ่ง”
เมื่อเงินหมื่นล้านไม่ท�าให้มีความสุข เขา
จึงอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี
ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น ๆ ยังคงมุ่งหน้า
หาเงินต่อไป ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสน
ล้านจะมีความสุขมากกว่านี้ ค�าถามก็คือ เขาจะ
มีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?
ค�าถามข้างต้นคงมีประโยชน์ไม่มากนัก
ส�าหรับคนทั่วไป เพราะชาตินี้คงไม่มีวาสนาแม้แต่
จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านด้วยซ�้า แต่อย่างน้อยก็คง
ตอบค�าถามที่อยู่ในใจของคนจ�านวนไม่น้อยได้
บ้างว่า ท�าไมอัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้ง
บิล เกตส์ จึงไม่หยุดหาเงินเสียที ทั้งๆ ที่มีสมบัติ
มหาศาล ขนาดนั่งกินนอนกินไป ๗ ชาติก็ยัง
ไม่หมด
Page 7
3
พระไพศาล วิสาโล
แต่ถ้าเราอยากจะค้นพบค�าตอบให้มาก
กว่านี้ ก็น่าจะย้อนถามตัวเองด้วยว่า ท�าไมถึง
ไม่หยุดซื้อแผ่นซีดีเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับ
หมื่นแผ่น ท�าไมถึงไม่หยุดซื้อเสื้อผ้าเสียทีทั้งๆ ที่
มีอยู่แล้วเกือบพันตัว ท�าไมถึงไม่หยุดซื้อรองเท้า
เสียทีทั้งๆ ที่มีอยู่แล้วนับร้อยคู่
แผ่นซีดีที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนฟังทั้ง
ชาติก็ยังไม่หมด ในท�านองเดียวกัน เสื้อผ้า หรือ
รองเท้า ที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนก็เอามาใส่ไม่
ครบทุกตัวหรือทุกคู่ด้วยซ�้า มีหลายตัวหลายคู่ที่
ซื้อมาโดยไม่ได้ใช้เลย แต่ท�าไมเราถึงยังอยากจะ
ได้อีกไม่หยุดหย่อน
Page 8
4
ความสุขที่ปลายจมูก
ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมือนั้นไม่
ท�าให้เรามีความสุขได้มากกว่าสิ่งที่ได้มาใหม่ มี
เสื้อผ้าอยู่แล้วนับร้อยก็ไม่ท�าให้จิตใจเบ่งบานได้
เท่ากับเสื้อ ๑ ตัวที่ได้มาใหม่ มีซีดีอยู่แล้วนับ
พันก็ไม่ท�าให้รู้สึกตื่นเต้นได้เท่ากับซีดี ๑ แผ่นที่
ได้มาใหม่ ในท�านองเดียวกันมีเงินนับร้อยล้าน
ในธนาคารก็ไม่ท�าให้รู้สึกปลาบปลื้มใจเท่ากับเมื่อ
ได้มาใหม่อีก ๑ ล้าน
พูดอีกอย่างก็คือ คนเรานั้นมักมีความสุข
จากการได้ มากกว่าความสุขจากการมี มีเท่าไร
ก็ยังอยากจะได้มาใหม่ เพราะเรามักคิดว่าของ
ใหม่จะให้ความสุขแก่เราได้มากกว่าสิ่งที่มีอยู่เดิม
บ่อยครั้งของที่ได้มาใหม่นั้นก็เหมือนกับของเดิม
ไม่ผิดเพี้ยน แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นของใหม่ ก็
ท�าให้เราดีใจแล้วที่ได้มา
จะว่าไปนี่อาจเป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่กับ
สัตว์หลายชนิดไม่เฉพาะแต่มนุษย์เท่านั้น ถ้าโยน
น่องไก่ให้หมา หมาก็จะวิ่งไปคาบ แต่ถ้าโยนน่อง
ไก่ชิ้นใหม่ไปให้ มันจะรีบคายของเก่าและคาบชิ้น
ใหม่แทน ทั้งๆ ที่ทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเท่ากัน ไม่ว่า
หมาตัวไหนก็ตาม ของเก่าที่มีอยู่ในปากไม่น่า
สนใจเท่ากับของใหม่ที่ได้มา
Page 9
5
พระไพศาล วิสาโล
ถ้าหากว่าของใหม่ให้ความสุขได้มากกว่า
ของเก่าจริงๆ เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี แต่ปัญหา
ก็คือของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า และ
ความสุขที่ได้มานั้นในที่สุดก็จางหายไป ผลก็คือ
กลับมารู้สึก “เฉยๆ” เหมือนเดิม และดังนั้น
จึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก เพื่อหวังจะให้มี
ความสุขมากกว่าเดิม แต่แล้วก็วกกลับมาสู่จุดเดิม
เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ น่าคิดว่าชีวิตเช่นนี้จะมีความสุข
จริงหรือ ? เพราะไล่ล่าแต่ละครั้งก็ต้องเหนื่อย
ไหนจะต้องขวนขวายหาเงินหาทอง ไหนจะต้อง
แข่งกับผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ครั้นได้
มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ใครมาแย่งไป
Page 10
6
ความสุขที่ปลายจมูก
แถมยังต้องเปลืองสมองหาเรื่องใช้มันเพื่อให้รู้สึก
คุ้มค่า ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งต้องเสียเวลาในการเลือก
ว่าจะใช้อันไหนก่อน ท�านองเดียวกับคนที่มีเงิน
มากๆ ก็ต้องยุ่งยากกับการตัดสินใจว่าจะไปเที่ยว
ลอนดอน นิวยอร์ค เวกัส โตเกียว มาเก๊า หรือ
ซิดนีย์ดี
ถ้าเราเพียงแต่รู้จักแสวงหาความสุขจาก
สิ่งที่มีอยู่แล้ว ชีวิตจะยุ่งยากน้อยลงและโปร่งเบา
มากขึ้น อันที่จริงความพอใจในสิ่งที่เรามีนั้นไม่ใช่
เรื่องยาก แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะเราชอบมองออก
ไปนอกตัว และเอาสิ่งใหม่มาเทียบกับของที่เรา
Page 11
7
พระไพศาล วิสาโล
มีอยู่ หาไม่ก็เอาตัวเองไปเปรียบ
เทียบกับคนอื่น เมื่อเห็นเขามี
ของใหม่ ก็อยากมีบ้าง คงไม่มี
อะไรที่จะท�าให้เราทุกข์ได้บ่อยครั้ง
เท่ากับการชอบเปรียบเทียบตัวเอง
กับคนอื่น การเปรียบเทียบจึงเป็น
หนทางลัดไปสู่ความทุกข์ที่ใครๆ ก็นิยมใช้กัน
นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ท�าให้เรา
ไม่เคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที แม้มีแฟน
ที่ดี ก็ยังไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่าแฟนของคนอื่น
สวยกว่า หล่อกว่า หรือเอาใจเก่งกว่า แม้มีลูกที่
น่ารัก ก็ยังไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าสู้ลูกของคนอื่น
ไม่ได้ แม้จะมีหน้าตาดี ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่
สวย เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือ
พรีเซนเตอร์ในหนังโฆษณา
การมองแบบนี้ท�าให้ “ขาดทุน” สองสถาน
คือนอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ยัง
เป็นทุกข์เพราะไม่ได้สิ่งที่อยาก พูดอีกอย่างคือ
ไม่มีความสุขกับปัจจุบัน แถมยังเป็นทุกข์เพราะ
อนาคตที่พึงปรารถนายังมาไม่ถึง ไม่มีอะไรที่
เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ดีเท่ากับนิทานอีสปเรื่อง
Page 12
8
ความสุขที่ปลายจมูก
หมาคาบเนื้อ คงจ�าได้ว่า มีหมาตัวหนึ่งได้เนื้อชิ้น
ใหญ่มา ขณะที่ก�าลังเดินข้ามสะพาน มันมอง
ลงมาที่ล�าธาร เห็นเงาของหมาตัวหนึ่ง (ซึ่งก็คือ
ตัวมันเอง) ก�าลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่ เนื้อชิ้นนั้นดู
ใหญ่กว่าชิ้นที่มันก�าลังคาบเสียอีก ด้วยความโลภ
(และหลง) มันจึงคายเนื้อที่คาบอยู่ เพื่อจะไปคาบ
ชิ้นเนื้อที่เห็นในน�้า ผลก็คือเมื่อเนื้อตกน�้า ชิ้นเนื้อ
ในน�้าก็หายไป มันจึงสูญทั้งเนื้อที่คาบอยู่และเนื้อที่
เห็นในน�้า
บ่อเกิดแห่งความสุขมีอยู่กับเราทุกคนใน
ขณะนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เรามองข้ามไปหรือไม่รู้จัก
ใช้เท่านั้น เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ แทนที่จะมอง
หาสิ่งนอกตัว ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่และเป็น
อยู่ ไม่ว่า มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน
รวมทั้งจิตใจของเรา ล้วนสามารถบันดาลความสุข
ให้แก่เราได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่เรารู้จักชื่นชม รู้จัก
มอง และจัดการอย่างถูกต้องเท่านั้น
แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้
ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการ มี หรือจาก
สิ่งที่ มี ขั้นต่อไปคือการแสวงหาความสุขจากการ
ให้ กล่าวคือยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข
Page 13
9
พระไพศาล วิสาโล
สุขเพราะเห็นน�้าตาของผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ท�าความดีและท�าให้
ชีวิตมีความหมาย จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เรา
จะค้นพบความสุขจากการ ไม่มี นั่นคือสุขจาก
การปล่อยวาง ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี และเพราะเหตุ
นั้น แม้ไม่มีหรือสูญเสียไป ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้
เกิดมาทั้งที น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับ
ความสุขจากการ ให้ และ การ ไม่มี เพราะนั่น
คือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอย่างแท้จริง
Page 14
10
ความสุขที่ปลายจมูก
ความสุขที่แท้
อาจารย์พานักศึกษากลุ่มใหญ่ไปสัมผัสชีวิต
วัดป่าในภาคอีสาน ตลอด ๒ คืน ๓ วัน นักศึกษา
ไม่ได้เจอน�้าอัดลม ขนมขบเคี้ยว หรืออาหาร
ถูกปากเลย ได้กินแต่ข้าวเหนียว น�้าพริกกับอาหาร
พื้นบ้าน น�้ากินก็มีแต่น�้าฝน ยิ่งกว่านั้น โทรทัศน์
ก็ไม่ได้ดู เพลงก็ไม่ได้ฟัง ไฟฟ้าก็ไม่มี ต้องอาศัย
แสงเทียนในยามค�่าคืน ดังนั้นวินาทีที่ขึ้นรถตู้กลับ
กรุงเทพฯ นักศึกษาจึงดีใจกันมาก และเมื่อรถวิ่ง
เข้าเมือง จุดแรกที่จอดก็คือช็อปปิ้งมอลล์ ทุกคน
Page 15
11
พระไพศาล วิสาโล
ตรงรี่ไปซื้ออาหารในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วขนขึ้นมา
กินบนรถ กินไปก็คุยกันไปด้วยความรื่นเริง
บรรยากาศผิดกับตอนที่อยู่ในวัดอย่างหน้ามือเป็น
หลังมือ แล้วคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “การได้กินของ
อร่อยเป็นความสุขที่สุดในชีวิต”
การได้กินของอร่อยเป็นความสุขอย่าง
แน่นอน แต่ความสุขที่เหนือกว่านั้นยังมีอีกมาก
หลายคนอาจนึกถึงความสุขจากการดูหนัง ฟัง
เพลง ท่องเที่ยว ผจญภัย และบางคนก็นึกถึงความ
สุขทางเพศ และความสุขจากการมีทรัพย์สมบัติ
และอ�านาจ คนกลุ่มหลังอาจไม่สนใจเรื่องอาหาร
การกินเลย แต่มีความสุขกับการมีคู่นอนคนใหม่
รถคันใหม่ หรือต�าแหน่งใหม่ๆ ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ความสุขทั้งหมดที่กล่าวมา
แม้จะมีแหล่งที่มาแตกต่างกัน แต่ก็มีลักษณะอย่าง
หนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือเป็นความสุขที่เกิดจาก
การเร้าจิตและกระตุ้นผัสสะ อาหารให้ความสุข
แก่เราก็เพราะมันมีรสชาติที่กระตุ้นลิ้น อาหาร
ต้องมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด จึงจะถือว่าอร่อย
ในทางตรงข้ามถ้าเป็นอาหารจืดๆ ก็เบือนหน้าหนี
เลย เพลงที่ถึงใจคือเพลงที่มีจังหวะที่เร็วและเสียง
Page 16
12
ความสุขที่ปลายจมูก
ที่หลากหลาย กระตุ้นใจให้ขึ้นลงตามจังหวะ ถ้า
มีแต่จังหวะเดียวด้วยเครื่องเล่นชิ้นเดียวจะถือว่า
เพราะได้อย่างไร ส่วนหนังที่สนุกก็ต้องมีพล็อต
เรื่องและเทคนิคที่ปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ที่หลาก
หลาย ทั้งตื่นเต้น ร่าเริง เศร้าสลด หรือแม้แต่
ความสยดสยอง และหวาดกลัว หนังที่ไม่มีฉาก
ทะเลาะวิวาท บู๊ล้างผลาญ ฆ่าฟันกัน ขับรถไล่ล่า
และฉากวาบหวิว ย่อมถือว่าไม่สนุก ดูแล้วชวนให้
ง่วงนอน
ในท�านองเดียวกัน ความสุขจากเพศรสคือ
อะไร หากไม่ใช่ความสุขจากการกระตุ้นเร้าให้ตื่น
เต้นทั้งกายและใจจนถึงขีดสุดที่เรียกว่าไคลแม็กซ์
เป็นเพราะความสุขมักจะแยกไม่ออกจากความตื่น
เต้น หลายคนจึงชอบผจญภัย หรือท�าสิ่งที่เสี่ยง
กับอันตราย เช่น ปีนเขา ขับรถซิ่ง รวมไปถึงเล่น
การพนัน เบาลงมาหน่อยก็คือการดูกีฬาซึ่งต้อง
มีการ“ลุ้น”ให้ฝ่ายของตนชนะ และเพื่อเพิ่มความ
ตื่นเต้นให้มากขึ้นจึงต้องมีการพนันขันต่อด้วย
ความสุขจากความตื่นเต้นยังท�าให้หลายคนชอบดู
หนังผี แม้จะกลัวผีก็ตาม ทั้งนี้เพราะชีวิตประจ�า
วันค่อนข้างจืดชืดหรือขาดสิ่งเร้าใจให้ตื่นเต้น
Page 17
13
พระไพศาล วิสาโล
มองให้ลึกลงไปจะพบว่า ความสุขจากการ
ได้ทรัพย์ก็เป็นเรื่องของการเร้าจิตกระตุ้นผัสสะ
เช่นกัน ทันทีที่ได้ของใหม่มาเราย่อมรู้สึกตื่นเต้น
ดีใจ บางคนถึงกับนอนไม่หลับถึงกับลูบคล�าทั้งวัน
ทั้งคืน ในขณะที่ของเดิมที่มีอยู่แล้วไม่สามารถ
ท�าให้เกิดความสุขได้มากเท่า เนื่องจากขาด
มนต์ขลังที่จะปลุกใจให้ตื่นเต้นได้อีกแล้ว เป็น
เพราะความสุขเกิดจากการได้ของใหม่มาเชยชม
คนเป็นอันมากจึงกลายเป็นนักช็อปปิ้งอย่างเอา
จริงจัง ทั้งๆ ที่รู้ว่าซื้อมาแล้วก็อาจไม่มีเวลาได้ใช้
เพราะมีของเต็มบ้าน อันที่จริงเพียงแค่ได้เห็น
ของใหม่ที่แปลกหูแปลกตา ก็ท�าให้มีความสุขแล้ว
Page 18
14
ความสุขที่ปลายจมูก
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงนิยมเที่ยวห้าง ทั้งๆ ที่ไม่
ค่อยมีเงิน จนกลายเป็นติดเที่ยวห้างไปในที่สุด
ความสุขชนิดนี้ท�าให้ชีวิตไม่น่าเบื่อหน่าย
เพราะมีรสชาติแปลกใหม่มาเร้าจิตกระตุ้นใจเสมอ
แต่ปัญหาก็คือความสุขชนิดนี้ท�าให้เราต้องพึ่งพา
วัตถุสิ่งเสพ ซึ่งในยุคปัจจุบันหมายถึงการต้องมี
เงินใกล้มือเพื่อจะได้มีสิ่งเสพอยู่เสมอ ไม่มีเงินก็
ไม่มีความสุข ที่เป็นปัญหายิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ว่ามี
เงินเท่าไรก็ไม่พอเสียที เพราะความสุขชนิดนี้
ต้องการของใหม่อยู่เสมอไม่หยุดหย่อน เพราะ
ของใหม่เท่านั้นที่จะสามารถเร้าจิตกระตุ้นใจได้
ส่วนของเก่านั้นมีแต่จะท�าให้รู้สึกซ�้าซากจ�าเจ
อาหารที่อร่อยนั้น ให้ความสุขก็แต่ในมื้อ
แรกๆ แต่ถ้ากินอาหารจานนั้นอยู่ทุกวันๆ ก็จะ
รู้สึกเบื่อและเอียนในที่สุด เพลงจะไพเราะก็
ต่อเมื่อฟังใหม่ๆ แต่ใครบ้างที่จะฟังเป็น
ร้อยๆ เที่ยว ไม่ช้าไม่นานก็ต้องไป
หาเพลงใหม่มาฟังแทน หนังก็
เช่นกัน ยิ่งดูก็ยิ่งไม่สนุก
เพราะรู้แล้วว่าจะ
ลงเอยอย่างไร
Page 19
15
พระไพศาล วิสาโล
ไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว ต้องไปหาเรื่องใหม่มาดู
ความสุขจากเพศรสนั้นก็ต้องการความแปลกใหม่
ด้วยเหมือนกัน ถ้าซ�้าซากเมื่อไร ก็ไม่น่าสนใจ
นี้คือเหตุผลที่คนจ�านวนไม่น้อยต้องไปหาคู่ใหม่
เพื่อหลีกหนีความจ�าเจ หาไม่ก็ต้องมีเทคนิคแปลก
ใหม่ไม่ซ�้าเดิม เพื่อจะได้เพิ่มความสุขจากเพศรส
นอกจากต้องการของใหม่อยู่เสมอแล้ว
บ่อยครั้งก็ต้องเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นด้วย ไม่ต่าง
จากคนติดเหล้า บุหรี่ หรือกาแฟ ซึ่งไม่เคยเสพ
เท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม เพราะเมื่อกายหรือจิต
ถูกกระตุ้นมากขึ้น ก็จะด้านชามากขึ้น รู้สึกได้
น้อยลง ท�านองเดียวกับผิวหนังที่ยิ่งถูกสัมผัส
Page 20
16
ความสุขที่ปลายจมูก
เสียดสีก็ยิ่งหนาและด้าน ดังนั้นถ้าจะกระตุ้นให้
รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนเดิมก็ต้องเพิ่มสิ่งเร้าให้
มากขึ้น ดังนั้นนักช็อปปิ้งจึงมักจ่ายหนักขึ้น
เพราะซื้อของแพงกว่าเดิมและมากกว่าเดิม พวก
ที่นิยมความสุขจากเพศรสก็ยิ่งหมกมุ่นกับเรื่อง
เพศมากขึ้น เพิ่มคู่นอนมากขึ้น และมีรสนิยม
พิสดารผาดโผนมากขึ้นจนกลายเป็นความวิปริต
ไป ส่วนนักผจญภัยก็มักไปในที่อันตรายมากขึ้น
และถี่ขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความสุขจากสิ่งเร้า
ได้กลายเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่งไปแล้ว
ผู้ที่พึ่งความสุขชนิดนี้ย่อมไม่รู้จักพอและ
ความพอดี และในเมื่อต้องอาศัยเงินมาซื้อสิ่งเสพ
เพื่อให้ความสุขชนิดนี้ จึงต้องแสวงหาเงินไม่รู้จัก
หยุดหย่อน และได้เงินมาเท่าไรก็ไม่รู้จักพอเสียที
เคยมีการสอบถามชาวอเมริกันว่า “เงินจ�านวน
เท่าใดถึงจะท�าให้คุณมีความสุข” มากกว่าครึ่ง
ตอบว่า “มากกว่าที่มีอยู่ตอนนี้” ถ้าถามคนไทย
โดยเฉพาะในเมือง ก็คงได้ค�าตอบคล้ายกัน แต่มี
ใครบ้างที่จะเฉลียวใจถามตัวเองว่าทุกวันนี้แม้ตน
มีเงินมากกว่าเมื่อหลายปีก่อน แต่มีความสุข
มากกว่าแต่ก่อนหรือไม่ และถึงจะมีความสุขมาก
ขึ้นก็ไม่เคยพอใจเสียที
Page 21
17
พระไพศาล วิสาโล
เป็นเพราะได้เงินมาเท่าไรก็ไม่รู้สึกพอใจกับ
ความสุขที่เกิดขึ้นเสียที การหาเงินจึงกลายเป็น
เรื่องใหญ่ของชีวิต จนอาจกลบความส�าคัญของ
สิ่งอื่น ซึ่งมีความหมายต่อชีวิต เช่น สุขภาพ
สัมพันธภาพ ครอบครัว และความสุขทางจิตใจ
ความสุขแบบนี้ท�าให้เราเป็นทาสของวัตถุ
สิ่งเสพและเงินทองไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยัง
ท�าให้ชีวิตเหนื่อยล้ากับการไล่ล่าหาสิ่งเสพและ
เงินทอง แม้ได้มาแล้วก็ยังต้องคอยปกปักรักษา
มิให้ใครมาแย่งชิง รวมทั้งคอยดูแลรักษามิให้
เสื่อมสลาย บางครั้งซื้อมาแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้ใช้
ดังนั้นจึงต้องหาเรื่องและหาโอกาสใช้ กลาย
Page 22
18
ความสุขที่ปลายจมูก
เป็นการเสียเวลาและเพิ่มภาระให้อีก แถมยัง
ตัดสินใจยากเพราะมีของให้เลือกมากมาย
สุดท้ายเมื่อทรัพย์ที่มีอยู่เกิดมีอันเป็นไป เพราะถูก
แย่งชิงหรือเสื่อมไปตามกาลเวลา ก็ต้องมากลัด
กลุ้มเสียใจไปกับมัน
ความสุขแบบนี้จะว่าไปแล้วมีโทษมากกว่า
คุณ เปรียบไปก็ไม่ต่างจากหญ้าแห้งที่แม้สามารถ
จุดไฟให้แสงสว่างได้ แต่ก็ปล่อยควันมามากมาย
ท�าให้เคืองตา ถ้าทั้งชีวิตมีแต่ความสุขชนิดนี้ ก็คง
เหนื่อยยากไม่น้อย แต่อันที่จริงแล้วยังมีความสุข
อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกับความสุข
ชนิดแรก คือแทนที่จะเกิดจากการเร้าจิตกระตุ้น
ใจให้ตื่นเต้น กลับเกิดจากความสงบ ยิ่งจิตถูก
เร้าน้อยเท่าไร ก็ยิ่งสัมผัสกับความสงบและเป็นสุข
มากเท่านั้น
เวลาเรานั่งอยู่บนหาดทรายยามเช้า หรือ
อยู่บนยอดดอยเหนือเมฆ หรืออยู่ริมล�าธารอัน
ใสเย็น ทีแรกเราอาจรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติ
อันงดงาม แต่เมื่อนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวสักพัก
เราจะเริ่มพบกับความสงบในใจ จะรู้สึกโปร่งเบา
และผ่อนคลายอยู่ภายใน เป็นความสุขที่ดูเรียบ
Page 23
19
พระไพศาล วิสาโล
แต่ลุ่มลึก ตรึงใจให้อยากอยู่ ณ ที่นั้นนานๆ จน
อาจลืมเวลาไปเลย
ในยามนั้นเราได้สัมผัสกับความสุขอีก
ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเข้าถึงได้ก็โดยอาศัยจิตที่สงบ
เท่านั้น ยิ่งสงบมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นสุขมากเท่านั้น
ความสุขชนิดนี้จึงไม่ต้องการสิ่งเร้า แต่อาจอาศัย
สิ่งกล่อมใจเป็นเครื่องช่วย เช่น เสียงดนตรีที่
ละเมียดละไม บทกวีที่ไพเราะงดงาม ดวงดาว
ระยิบระยับในคืนเดือนมืด สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ใจ
ที่วุ่นวายยุ่งเหยิงค่อยๆ สงบลง จนสัมผัสได้ถึง
ความสุขที่ลึกซึ้ง
Page 24
20
ความสุขที่ปลายจมูก
ความสุขชนิดนี้เราจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีจิตที่
ประณีตละเอียดอ่อน ส�าหรับคนที่มีจิตหยาบ
กระด้างย่อมยากที่จะสัมผัสกับความสุขชนิดนี้ได้
ด้วยเหตุนั้นจึงต้องหันไปหาความสุขที่เกิดจากการ
เร้าจิตกระตุ้นผัสสะ แต่ยิ่งกระตุ้นมากเท่าไร จิต
ก็ยิ่งหยาบ และท�าให้ต้องเข้าหาอารมณ์ที่หยาบ
มากเท่านั้น เช่น เสียงเพลงที่กระแทกกระทั้น
หนังที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ตรงกันข้ามคนที่มี
จิตประณีต ย่อมสัมผัสกับความสุขที่ประณีต
ได้ง่าย และยิ่งสัมผัสคุ้นเคยมากเท่าไร จิตก็ยิ่ง
ประณีตขึ้นไปเรื่อยๆ จนแม้แต่ความสงบและ
ความเรียบง่ายที่ไร้การปรุงแต่งก็สามารถท�าให้ใจ
เป็นสุขได้
ความสุขที่เกิดจากความสงบนั้น ทีแรกต้อง
อาศัยความสงบจากสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องช่วย
เช่น อยู่ในป่า หรือในห้องที่ไร้ผู้คน แน่นอนว่าผู้ที่
คุ้นกับความสุขจากสิ่งเร้า เมื่อมาอยู่ป่าอันเงียบ
สงบ ไม่มีหนังดู ไม่มีเพลงฟัง และไม่มีใครคุยด้วย
ใหม่ๆ ก็ย่อมกระสับกระส่าย ยิ่งไม่ค่อยมีอะไร
ให้ท�า จิตก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งสารพัด แต่เมื่ออยู่
ไปนานๆ จนคุ้นกับความเงียบสงบ จิตก็จะค่อยๆ
Page 25
21
พระไพศาล วิสาโล
สงบ ทีนี้ก็จะเริ่มมีความสุขท่ามกลางบรรยากาศ
ดังกล่าว และอยู่นิ่งๆ ได้นานขึ้น
อย่างไรก็ตามความสงบของจิตที่อาศัย
สิ่งแวดล้อมช่วยนั้น ต้องอาศัยเวลา อีกทั้งเป็น
ความสงบที่ไม่สู้ยั่งยืน เมื่อใดที่ออกจากป่าหรือ
ออกจากห้อง ไปเจอผู้คนมากมายและงานการ
สารพัด ความสงบที่มีก็จะมลายหายไป จิตจะกลับ
มาวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน หรือกระเจิดกระเจิงเหมือนเดิม
อีก ดังนั้นจึงจ�าเป็นที่จะต้องมีวิธีการที่ช่วยให้จิต
สงบได้เร็วขึ้นและอยู่ได้นาน
Page 26
22
ความสุขที่ปลายจมูก
วิธีหนึ่งก็คือการฝึกให้จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งใด
สิ่งหนึ่ง เพื่อจะได้ไม่ไปเพ่นพ่านฟุ้งซ่านกับเรื่อง
ภายนอก เช่น ให้จิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า
และออก โดยอาจมีการนับตามไปด้วย วิธีนี้เปรียบ
เสมือนการปักจิตให้อยู่กับที่ เมื่อไม่เพ่นพ่านออก
ไปนอกตัว หรือไปขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาคิด หรือปรุง
แต่งจินตนาการเรื่องที่ยังมาไม่ถึง จิตก็จะสงบลง
ในที่สุด
การที่จิตสงบเพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง เราเรียกว่าจิตเป็นสมาธิ เป็นความสงบที่เกิด
จากการไม่มีเรื่องอะไรให้รับรู้มาก วิธีนี้ต้องอาศัย
ÍÍ¡
Page 27
23
พระไพศาล วิสาโล
สิ่งแวดล้อมช่วยด้วยในระดับหนึ่ง เช่นอยู่ในที่ๆ
ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครม หรือไม่มีงานที่ต้อง
เกี่ยวข้องกับผู้คนมาก ค�าถามก็คือถ้ามีเรื่องที่จะ
ต้องรับรู้หรือมีคนที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เราจะ
สามารถรักษาจิตให้สงบได้หรือไม่ ค�าตอบคือได้
แต่ต้องอาศัยสติเข้าช่วย
สติช่วยให้เราสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ โดยที่
ใจยังสงบได้ เพราะไม่ว่ารับรู้อะไรก็ตาม สติช่วย
ให้ใจปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลงไปได้ ไม่ปรุงแต่งจน
วุ่นวาย หรือไม่เข้าไปในอารมณ์หงุดหงิดร�าคาญใจ
ทันทีที่รู้ว่าจิตก�าลังฟุ้งซ่านหรือเริ่มจะขุ่นเคืองใจ
สติก็ดึงจิตออกจากอาการดังกล่าว กลับมาสู่ภาวะ
ปกติ จิตที่มีสติเป็นเครื่องป้องกันจึงปลอดพ้นจาก
สิ่งรบกวน ดังนั้นจึงมีความสงบ และสามารถ
จดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็น
สมาธิได้ง่าย
ความสงบของจิตนั้นเกิดขึ้นได้เพราะรู้จัก
ปล่อยวาง เราปล่อยวางได้เพราะสติช่วยให้เรา
รู้ทันว่าก�าลังเกิดขึ้นอะไรกับจิต ช่วยให้ไม่เผลอ
เข้าไปในความฟุ้งซ่าน แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้
เราปล่อยวางได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือปัญญา
Page 28
24
ความสุขที่ปลายจมูก
ได้แก่ ความรู้เท่าทันในความเป็นจริงของชีวิต
ความสูญเสียพลัดพรากจากคนรักไม่ท�าให้เรา
เศร้าโศกกลุ้มใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ นั่นก็
เพราะเรามีปัญญาตระหนักชัดว่านี้เป็นธรรมดา
ของชีวิต เมื่อถูกต�าหนิติเตียนเราก็ไม่โกรธ เพราะ
รู้ว่ามีสรรเสริญก็ต้องมีนินทาเป็นธรรมดาของโลก
ปัญญาช่วยให้เราไม่ทุกข์ไปกับความผันผวน
ปรวนแปรของชีวิตและโลก จึงสามารถรักษาใจให้
สงบได้
สติและปัญญา ท�าให้เราสามารถรักษาใจ
ให้สงบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ในสถานการณ์อะไร
ก็ตาม จึงน�าความสุขอันประณีตมาให้แก่เราได้
ในทุกโอกาส แม้จะอยู่บนท้องถนน ในเมือง หรือ
ท่ามกลางฝูงชน ไม่ว่าจะประสบความส�าเร็จหรือ
ความล้มเหลวก็ยังเป็นปกติอยู่ได้ จึงเป็นความ
สุขที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก และประเสริฐกว่า
ความสุขที่เกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจซึ่งต้อง
อาศัยสิ่งเร้า เป็นความสุขที่ท�าให้เราไม่ต้องดิ้นรน
ไล่ล่าหรือเหนื่อยยากกับการรักษาทรัพย์สมบัติ
จึงท�าให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง นี้ใช่ไหมที่เป็น
ความสุขที่เราควรมีโอกาสสัมผัสขณะที่ยังมีลม
หายใจอยู่
Page 29
25
พระไพศาล วิสาโล
ความสุขชนิดนี้มิใช่สิ่งไกลเกินเอื้อม หากมี
อยู่แล้วในทุกขณะ และสามารถพบได้กลางใจของ
เรานี้เอง
Page 30
26
ความสุขที่ปลายจมูก
ชีวิตพอเพียง
คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตอลสัก
ตัวหนึ่ง หลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจาก
หนังสือพิมพ์และคนรู้จัก ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อ
ยี่ห้อและรุ่นอะไร คุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหา
ร้านที่ขายถูกที่สุด แล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขาย
ต�่ากว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕% คุณตัดสินใจควัก
เงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้านด้วย
ความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก
Page 31
27
พระไพศาล วิสาโล
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้
เพื่อนบ้านฟัง แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อ
และรุ่นเดียวกับคุณ แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไป
เพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร?
ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ?
ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าท�าไม
ถึงเป็นเช่นนั้น? ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถม
จ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพ
และถูกใจคุณเสียด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณ
น่าจะดีใจมิใช่หรือ? แต่ท�าไมคุณถึงเสียใจหรือถึง
กับโมโหตัวเอง เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับ
เพื่อนบ้านใช่หรือไม่?
คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ แต่ทันทีที่คุณไป
เปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่น ความรู้สึกไม่
พอใจก็เข้ามาแทนที่ คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมี
ก็เพราะเหตุนี้ จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบกับ
คนอื่นเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์ เคยสังเกต
หรือไม่ว่า มีคนจ�านวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคน
อื่นดีกว่ารถของตัว แฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)
กว่าแฟนของตัว ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัว
และอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัว
Page 32
28
ความสุขที่ปลายจมูก
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในจ�านวนนั้น ชีวิตจะหาความสุข
ได้ยาก แม้จะได้มามากเท่าไร ก็ไม่พอใจเสียที
อย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย
แม้ของที่เราได้มาฟรีๆ เช่น ได้โทรศัพท์มือถือ
มาฟรีๆ ๑ เครื่อง ที่จริงน่าจะดีใจ แต่เมื่อรู้ว่าคน
อื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่า จากเดิมที่
เคยยิ้มจะหุบทันที แถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยัง
ไม่ได้รับแจกด้วยซ�้า นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบ
กับคนอื่นใช่ไหม? ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว แต่ก็ยัง
รู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่น
Page 33
29
พระไพศาล วิสาโล
ความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่เกิด
ขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป เราจึงไม่เคย
พอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะสวยหรือ
หุ่นดีเพียงใด ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สลวย
ผิวคล�้าไป แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดารา
แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี มองเห็น
แง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ ความสุขจะเพิ่มพูน
ขึ้นมามากมายทันที จิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะ
หายเหนื่อย เพราะไม่เห็นความจ�าเป็นที่จะต้องวิ่ง
ไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่างๆ มากมายเพียงเพื่อจะได้มี
เหมือนคนอื่นเขา
พอใจในสิ่งที่เรามี ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น
เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัว นี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิต
ที่เบาสบายและสงบเย็น ด้วยเหตุนี้ “สันโดษ” จึง
เป็นสิ่งที่มีความส�าคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต
สันโดษไม่ได้หมายถึงการอยู่คนเดียวไม่
สุงสิงกับใคร และไม่ได้หมายถึงความเฉื่อยเนือย
ไม่กระตือรือร้น แต่คือความพอใจในสิ่งที่เรามีและ
ยินดีในสิ่งที่เราเป็น ไม่ปรารถนาสิ่งที่อยู่ไกลตัว
หรือเป็นของคนอื่น ถ้ามีสันโดษก็จะพบกับความ
สุขในปัจจุบันทันที แต่ถ้าไม่มีสันโดษ ก็ต้องหวัง
Page 34
30
ความสุขที่ปลายจมูก
ความสุขจากอนาคต ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะมาถึงหรือ
ไม่ แต่จะมาหรือไม่มา ที่แน่ๆ ก็คือไม่มีความสุข
กับปัจจุบัน
คนที่ไม่รู้จักสันโดษจึง “ขาดทุน” สอง
สถาน คือนอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่
แล้ว ยังเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่ปรารถนายังมาไม่ถึง
ในทางตรงข้าม คนที่พอใจในสิ่งที่มีอยู่หรือเป็น
อยู่ แม้สิ่งที่ดีกว่ายังมาไม่ถึง ก็ยังมีความสุขอยู่
·Ó
äÁ
·Ó
äÁ
·Ó
äÁ
·Ó
äÁ
·Ó
äÁ
Page 35
31
พระไพศาล วิสาโล
กับตัว และเมื่อสิ่งที่ดีกว่ามา
ถึง ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น ผู้
ที่รู้จักสันโดษจึงมีความสุขในทุก
สถาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะ
งอมืองอเท้าหรือนั่งเล่นนอนเล่นอยู่เฉยๆ เขายังมี
ความขยันหมั่นเพียร ปรับปรุงตนเองและงานการ
ให้เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ แต่ขณะที่ท�านั้นก็ยังมี
ความสุขกับสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ โดยไม่หวังความสุข
จากสิ่งที่คอยอยู่ข้างหน้า
เมื่อรู้จักพอใจในสิ่งที่มีหรือเป็น เราก็รู้
ว่าเมื่อไรควรพอเสียที ในทางตรงกันข้ามคนที่
ไม่พอใจในสิ่งที่มีหรือเป็น ได้เท่าไรก็ไม่รู้จักพอ
จริงอยู่ตอนได้มาใหม่ๆ ก็มีความสุขดีอยู่หรอก
แต่ไม่นานความสุขนั้นก็เลือนหายไป ของใหม่
นั้นเมื่อกลายเป็นของเก่า เสน่ห์ดึงดูดใจก็มักจะ
จางลง ยิ่งชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น เห็นเขามี
ของดีกว่าสวยกว่า ความรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ตน
มีอยู่ก็เพิ่มมากขึ้น ท�าให้ต้องหามาใหม่ แต่เมื่อ
ได้มาแล้วก็เข้าสู่วงจรเดิม จึงไม่แปลกที่บางคน
แม้มีรองเท้า ๓๐๐ คู่แล้วก็ยังไม่รู้จักพอเสียที ยัง
อยากได้คู่ใหม่อยู่อีก มีซีดีเพลงนับพันแผ่นแล้ว
Page 36
32
ความสุขที่ปลายจมูก
ก็ยังอยากได้แผ่นใหม่อยู่อีก ในท�านองเดียวกัน
เศรษฐีแม้มีเงินหมื่นล้านแล้วก็ยังอยากได้เพิ่มอีก
หนึ่งล้าน แน่นอนว่าเมื่อได้มาแล้วก็ยังอยากได้
เรื่อยไป ค�าถามก็คือแล้วเมื่อไรจึงจะพอเสียที?
ชีวิตที่ไม่รู้จักพอใจสิ่งที่มีหรือเป็น คือชีวิต
ที่ต้องวิ่งไม่หยุดเหมือนคนที่วิ่งหนีเงากลางแดด
วิ่งเท่าไรๆ เงาก็ยังวิ่งไล่ตาม ไม่ว่าจะวิ่งไปได้
ไกลแค่ไหน เงาก็ยังตามอยู่ดี มิหน�าซ�้ายิ่งวิ่งก็
ÅÒÀ
ÂÈ
Page 37
33
พระไพศาล วิสาโล
ยิ่งเหนื่อย แดดก็ยิ่งเผา ท�าอย่างไรดีถึงจะหนีเงา
พ้น? ค�าตอบก็คือเข้ามานั่งนิ่งๆ อยู่ใต้ร่มไม้ ไม่
ต้องวิ่ง เพียงแต่รู้จักหยุดให้เป็น ไม่เพียงเงาจะ
หายไป ยังได้สัมผัสกับความสงบเย็น อีกทั้งยัง
หายเมื่อยล้าด้วย
ชีวิตที่รู้จักพอย่อมมีความสุขกว่าชีวิตที่
ดิ้นรนไม่หยุด ขณะเดียวกันก็มีเวลาส�าหรับการท�า
สิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน
ไล่ล่าหาสินค้ารุ่นใหม่ หรือเอาแต่เที่ยวช็อปปิ้ง ก็มี
เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้ท�างานช่วยเหลือ
ชุมชน ศึกษาหาความรู้ และฝึกฝนพัฒนาจิตใจ
คุณภาพชีวิตจะเจริญงอกงามมากขึ้นและมีความ
สุขมากขึ้นด้วย
ชีวิตที่รู้จักพอนั้นนอกจากจะเกิดขึ้นได้
เพราะมีความพอใจในสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ดังได้
กล่าวมาแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ส�าคัญมากก็คือ การ
ตระหนักชัดในคุณและโทษของวัตถุสิ่งเสพ วัตถุ
หรือสิ่งเสพรวมไปถึงทรัพย์สมบัติทั้งหลายนั้น มี
ประโยชน์ตรงที่ให้ความสุขในทางกาย เช่น ท�าให้
มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ท�าให้สามารถท�ากิจการ
งานต่างๆ ได้อย่างสะดวก เช่น รถยนต์ช่วยให้
Page 38
34
ความสุขที่ปลายจมูก
เดินทางได้รวดเร็ว เป็นต้น แต่ในเวลาเดียวกัน
มันก็มีโทษอยู่ด้วย ประการแรกก็คือภาระในทาง
จิตใจ เช่น ท�าให้เกิดความห่วงกังวลอยู่เสมอว่า
จะมีใครขโมยไปหรือไม่ และถ้าหายไปก็ยิ่งทุกข์
ประการต่อมาคือภาระในการดูแลรักษาและ
ป้องกัน บ่อยครั้งยังเป็นภาระในการใช้ด้วย เพราะ
เมื่อซื้อมาแล้วถ้าไม่ใช้ก็รู้สึกเสียดาย จึงต้องเจียด
เวลามาใช้มัน ท�าให้มีเวลาว่างเหลือน้อยลง
วัตถุสิ่งเสพนั้นไม่ได้ดึงเงินไปจากกระเป๋า
ของเราเท่านั้น แต่ยังแย่งชิงเวลาและพลังงาน
จากเราไป ยิ่งมีวัตถุสิ่งเสพมากเท่าไร เวลาและ
พลังงานส�าหรับเรื่องอื่นก็มีน้อยลง สมบัติบาง
อย่างนั้นดูเผินๆ เหมือนกับท�าให้เรามีเวลามาก
ขึ้น เช่น รถยนต์ แต่หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนอาจ
พบว่ารถยนต์นั้นช่วยประหยัดเวลาให้แก่เราไม่ได้
มากอย่างที่นึก เคยมีผู้ค�านวณเวลาทั้งหมดที่ใช้
ไปกับรถยนต์ เริ่มตั้งแต่เวลาที่ใช้ในการ
หาเงินมาซื้อรถ ซื้อน�้ามัน จ่ายค่า
อะไหล่ ค่าซ่อมรถ ค่าประกัน
และค่าภาษี รวมทั้งเวลาที่
ใช้ไปกับการดูแลรักษารถ
OIL
Page 39
35
พระไพศาล วิสาโล
เช่น ล้างรถ น�ารถไปตรวจสภาพ น�ารถไปซ่อม
ตลอดจนเวลาที่ใช้ในการขับรถและหาที่จอดรถ
เมื่อเอาเวลาทั้งหมดไปหารกับระยะทางที่เดินทาง
ด้วยรถยนต์ ค�าตอบที่ได้คือ ๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หมายความว่า แม้ว่าเราจะขับรถด้วยความเร็ว
๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงแล้ว
๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมงคือตัวเลขสุทธิจากการเดิน
ทางด้วยรถยนต์ พูดอีกอย่างคือรถยนต์ไม่ได้ช่วย
ให้เราเดินทางเร็วกว่ารถจักรยานสักเท่าไรเลย
เวลาที่สูญเสียไปกับรถยนต์ตลอดจนวัตถุ
สิ่งเสพทั้งหลายนั้น มีมากกว่าที่เราคิด สิ่งที่
àÇÅÒ
Page 40
36
ความสุขที่ปลายจมูก
ช่วยประหยัดเวลานั้นบ่อยครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้เรา
มีเวลาว่างมากขึ้นเลย ดังเห็นได้ว่ายิ่งมีรถยนต์
มากเท่าไร คนก็ยิ่งเสียเวลาอยู่บนรถยนต์มาก
เท่านั้น และมีเวลาอยู่ในบ้านน้อยลง การพัฒนา
ความเร็วของรถยนต์ให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ได้ช่วยให้
คนมีเวลาเป็นของตนเองเพิ่มขึ้นเลย กลับมีน้อยลง
ด้วยซ�้า น่าแปลกใจไหมว่าคนในสังคมสมัยใหม่
แม้มีอุปกรณ์ประหยัดเวลาอยู่เต็มบ้าน แต่เหตุใด
กลับมีเวลาว่างน้อยกว่าคนในชนบทซึ่งไม่มีแม้แต่
รถยนต์ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หรือมาม่า ในขณะที่
คนชนบทมีเวลานั่งเล่นอยู่กับลูกหลานและกินข้าว
พร้อมหน้ากับคนในบ้าน แต่คนในเมืองกลับแทบ
ไม่มีเวลาท�าเช่นนั้นเลย
มองให้ถี่ถ้วนแล้ว “ต้นทุน” ที่ต้องจ่ายให้แก่
วัตถุสิ่งเสพนั้นไม่ได้มีแค่ เงิน เวลา พลังงาน และ
ภาระทางจิตใจเท่านั้น มันอาจรวมไปถึงวิถีชีวิตที่
พึงปรารถนาด้วย
หนุ่มผู้หนึ่งได้ไปฝึกบ�าเพ็ญพรตกับครู
ผู้เฒ่า การปฏิบัติของเขาเจริญก้าวหน้าเป็นล�าดับ
จนอาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนเขาอีกแล้ว จึงแนะ
ให้เขาแยกไปปฏิบัติแต่ผู้เดียวในอีกด้านหนึ่งของ
หุบเขา
Page 41
37
พระไพศาล วิสาโล
ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม แต่แล้ว
วันหนึ่งก็พบว่าเสื้อของเขาซึ่งมีอยู่ตัวเดียวถูกหนู
กัดจนเป็นริ้วขณะผึ่งลม เขาไปขอเสื้ออีกตัวจาก
ชาวบ้าน แต่หนูก็กัดอีกจนเป็นรู เขาจึงไปขอแมว
มาตัวหนึ่ง ปัญหาจากหนูหมดไป แต่มีปัญหาใหม่
เกิดขึ้นมา แมวต้องกินนม ดังนั้นนอกจากขอ
อาหารแล้วเขายังต้องขอนมจากชาวบ้าน ในที่สุด
เขาแก้ปัญหาด้วยการเอาวัวมาเลี้ยง แต่ก็
ท�าให้เขามีเวลาภาวนาน้อยลงเพราะ
ต้องไปตัดหญ้ามาเลี้ยงวัว เขาจึง
ไปจ้างคนงานมาดายหญ้า
Page 42
38
ความสุขที่ปลายจมูก
ท�าไปได้สักพักเงินก็ร่อยหรอ จึงต้องไป
จาริกขอเงินจากชาวบ้านถี่ขึ้นและไกลขึ้น กลาย
เป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา สุดท้ายเขาก็แก้ปัญหาด้วย
การแต่งงานกับสาวคนงานเสียเลย นอกจากจะ
ไม่เสียเงินแล้ว ยังได้ภรรยามาช่วยงานบ้านและ
ช่วยท�ามาหากินให้ด้วย ไม่นานเขาก็กลายเป็น
เศรษฐีในหมู่บ้าน
หลายปีต่อมาอาจารย์เฒ่าผ่านมาเยี่ยมเขา
อาจารย์ตกใจที่เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่มาแทนที่
กระท่อม เมื่อพบลูกศิษย์ อาจารย์ถามว่าเกิด
อะไรขึ้น ค�าตอบของลูกศิษย์ก็คือ “อาจารย์อาจ
ไม่เชื่อผม แต่ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วที่ผมจะรักษาเสื้อ
ของผมไว้ได้”
Page 43
39
พระไพศาล วิสาโล
ชายหนุ่มเริ่มต้นด้วยชีวิตนักพรตแต่
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการแต่งงานและกลายเป็น
เศรษฐี ทั้งหมดนี้เริ่มต้นที่การหาแมวมาเลี้ยงที่
บ้านเพื่อแก้ปัญหาหนูกัดเสื้อ วิธีนี้สะดวกก็จริง แต่
ที่เขานึกไม่ถึงก็คือมันมีภาระติดตามมาด้วย คือ
ต้องหานมมาเลี้ยงแมว ทุกครั้งที่เขาแก้ปัญหาด้วย
วิธีที่สะดวกแรง ก็จะมีปัญหาอื่นติดตามมาเป็น
ลูกโซ่ จนชีวิตเหินห่างจากจุดหมายที่ตั้งไว้ หาก
เขาเพียงแต่ลงแรงท�ากับดักหนู หรือหาวิธีแขวน
เสื้อให้ไกลหนู ชีวิตก็คงไม่กลับตาลปัตรเช่นนั้น
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุทาหรณ์ส�าหรับนักพรต
หรือผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียน
ส�าหรับทุกคนว่า ความสะดวกสบายนั้นไม่ใช่สิ่งที่
ได้มาเปล่าๆ แต่ต้องแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ที่อาจมีคุณค่าต่อชีวิตของเรา และสิ่งนั้นอาจหมาย
ถึงจุดหมายหรือวิถีชีวิตที่พึงปรารถนา ตัวอย่าง
ที่ชัดเจนคือ โทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต
เทคโนโลยีทั้งสองช่วยให้เราติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
ที่อยู่ไกลได้สะดวกขึ้น แต่ยิ่งติดต่อได้สะดวก ก็
ยิ่งชวนให้ใช้บ่อยขึ้น จนในที่สุดผู้ใช้กลับไม่มีเวลา
ที่จะให้กับครอบครัวหรือคนที่บ้าน ความสัมพันธ์
Page 44
40
ความสุขที่ปลายจมูก
เหินห่างจนหมางเมิน ซึ่งเท่ากับผลักดันให้ไป
หมกมุ่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น จนเกิดช่องว่างใน
การสื่อสารกับผู้คนโดยเฉพาะคนใกล้ชิด ดังเห็น
ได้จากหนุ่มสาวจ�านวนมากในปัจจุบัน
ความตระหนักถึงโทษหรือภาระที่เกิดจาก
วัตถุสิ่งเสพ ไม่ว่าจะสะดวกสบายหรือสนุกสนาน
เอร็ดอร่อยเพียงใด ช่วยให้เรามีความระมัดระวัง
ในการใช้สอยและครอบครองวัตถุสิ่งเสพทั้งหลาย
ไม่ส�าคัญผิดไปว่ายิ่งมีมากเท่าไรยิ่งดี มีความ
ใคร่ครวญมากขึ้นว่ามีเท่าไรถึงจะพอดี บริโภค
แค่ไหนถึงจะเป็นคุณมากกว่าโทษ
MINDOWS LIVE MESSENGER
Page 45
41
พระไพศาล วิสาโล
ความพอใจในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่นั้นเป็นเรื่อง
คุณภาพจิต ส่วนความเข้าใจหรือตระหนักถึงคุณ
และโทษของวัตถุสิ่งเสพนั้นเป็นเรื่องของปัญญา
ทั้งคุณภาพจิตและปัญญาดังกล่าวช่วยให้ชีวิตรู้จัก
พอและเกิดความพอดีในการบริโภคและใช้สอย
อย่างไรก็ตามบางครั้งแม้จะรู้ว่าเท่าไรถึงจะพอดี
แต่ใจไม่คล้อยตาม ยังติดในความสะดวกสบาย
หรือเอร็ดอร่อย ท�าให้ไม่รู้จักพอในการบริโภค
หรือครอบครอง
ในกรณีเช่นนี้สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้คือการ
ก�าหนดขอบเขตให้แก่ตนเอง ว่าจะบริโภคเท่าไรใน
แต่ละวัน หรือซื้อได้เท่าไรในแต่ละเดือน เช่น
คนที่ติดอินเตอร์เน็ตหรือโทรทัศน์ ควรก�าหนด
ว่าจะใช้หรือดูอย่างมากที่สุดวันละกี่ชั่วโมง ส่วน
คนที่ติดช็อปปิ้งก็อาจก�าหนดวินัยให้ตัวเองว่าจะ
เข้าห้างเพียงสัปดาห์ละครั้ง และจะเข้าก็ต่อเมื่อ
มีรายการสินค้าอยู่ในมือแล้วเท่านั้น และจะไม่
ซื้อสิ่งที่อยู่นอกรายการ ดียิ่งกว่านั้นก็คือ จะงด
ใช้บัตรเครดิตช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือมีบัตร
เครดิตไม่เกิน ๒ ใบ เป็นต้น
Page 46
42
ความสุขที่ปลายจมูก
การมีวินัย ความพอใจในสิ่งที่มี และการ
มีปัญญาเห็นถึงคุณและโทษของสิ่งเสพ คือปัจจัย
สามประการที่ช่วยให้เกิดทั้งความรู้จักพอและ
ความพอดีในการบริโภคใช้สอย
น�าพาชีวิตสู่มิติใหม่ที่เป็นนายเหนือวัตถุ
เพราะสามารถรู้จักใช้ให้เป็นเครื่องมือสร้างความ
เจริญงอกงามแก่ชีวิตได้ โดยไม่ต้องตกเป็นทาส
ของมันดังแต่ก่อน
Page 47
สื่อและหนังสือ จาก
เครือข่ายพุทธิกา
๑. เป็นไทย เป็นพุทธ และเป็นสุข
พระไพศาล วิสาโล ราคา ๗๕ บาท
๒. ซีดีเสียง บทพิจารณาตายก่อนตาย
ราคาแผ่นละ ๕๐ บาท
๓. ซีดี รวมบทความมองย้อนศร
ราคาแผ่นละ ๓๐ บาท
๔. ซีดี รวมบทความมองอย่างพุทธ
ราคาแผ่นละ ๓๐ บาท
๕. ดีวีดี สู่ความสงบที่ปลายทางบทเรียนชีวิต
ในยามเจ็บป่วย
ราคาแผ่นละ ๕๐ บาท
๖. ระลึกถึงความตายสบายนัก พระไพศาล วิสาโล
เขียน/เรียบเรียง ราคา ๔๐ บาท
๗. ชีวิตและความตายในสังคมสมัยใหม่
พระไพศาล วิสาโล, สุลักษณ์ ศิวรักษ์, นิธิ เอียวศรีวงศ์
และพรทิพย์ โรจนสุนันท์
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ด�าเนินรายการ ราคา ๕๕ บาท
๘. ความตายในทัศนะของพุทธทาสภิกขุ
โดย พระดุษฎี เมธังกุโร, สันต์ หัตถีรัตน์,
เอกวิทย์ ณ ถลาง, นิธิพัฒน์ เจียรกุล,
สุวรรณา สถาอานันท์ และประชา หุตานุวัตร
ราคา ๗๐ บาท
Page 48
๙. บทเรียนจากผู้จากไป
น.พ.เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี และอโนทัย เจียรสถาวงศ์
บรรณาธิการ ราคา ๑๐๐ บาท
๑๐. เผชิญความตายอย่างสงบ :
สาระและกระบวนการเรียนรู้ เล่ม ๒
พระไพศาล วิสาโล และคณะเขียน
นงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์ บรรณาธิการ ราคา ๙๙ บาท
๑๑. ฝ่าพ้นวิกฤตศีลธรรมด้วยทัศนะใหม่
พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ราคา ๘๐ บาท
๑๒. สุขสุดท้ายที่ปลายทาง
กรรณจริยา สุขรุ่ง เขียน ราคา ๑๙๐ บาท
๑๓. รุ่งอรุณที่สุคะโต
พระไพศาล วิสาโล ราคา ๖๐ บาท
๑๔. วิถีพุทธ วิถีไท ในยุคบริโภคนิยม
พระไพศาล วิสาโล สมทบค่าพิมพ์ ๑๐ บาท
๑๕. เหนือความตาย : จากวิกฤตสู่โอกาส
พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ราคา ๑๒๐
บาท
๑๖. ฉลาดทำาใจ หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์
สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
พระไพศาล วิสาโล ราคา ๙๙ บาท
๑๗. มองอย่างพุทธ เพื่อความเข้าใจในชีวิต
และสังคม
พระไพศาล วิสาโล, อรศรี งามวิทยาพงศ์
และสมเกียรติ มีธรรม, พจน์ กริชไกรวรรณ
บรรณาธิการ ราคา ๗๕ บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น