ได้ดูรายการ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องเอเชีย อัพเดท สถานีคนเสื้อแดง เมื่อคืนวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ฟังคุณธิดา ถาวรเศรษฐ์ พูดข่มขู่ว่า เมื่อครบกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันเลือกตั้ง กกต.ต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้ นปช.ทุกคนที่เป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.ทุกคน ไม่อย่างนั้น กกต.มีความผิด เพราะ พวก นปช.ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเลย เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าใจต่อชะตากรรมของประเทศในช่วงตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ที่ต้องตกอยู่ภายใต้ของหมู่คนพาล หมู่มาก ทั้งกำลังเงินและกำลังคน รวมกันเป็นเครือข่ายใหญ่โต ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อเข้าบริหารประเทศ ไม่สนใจว่าประเทศจะย่อยยับเพียงใด เพราะได้คุมฐานเสียงเลือกตั้งทางภาคอีสาน ที่ประชาชนยากไร้หวังพึ่งอัศวินจากแดนดูไบกลับมาทำให้เขาลืมตาอ้าปาก มีกินมีใช้โดยไม่ต้องทำงานหนัก ซึ่งความจริงแล้วด้วยขุมกำลังคนเสื้อแดง ไม่จำเป็นต้องรอให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้ นปช.เป็น ส.ส.เลย เพราะในเมื่ออยากได้อะไรก็ใช้แต่กำลังไม่มีใครขัดขวางได้ ดังนั้น ก็สมควรออกหนังสือรับรองได้เอง แต่งตั้งพวกตนเป็น ส.ส.เสียเลย เพราะประชาชน ๑๕ ล้านเสียงสวรรค์เลือกมาแล้ว จากนั้นให้ชวนกันยกพวกเดินทางไปรายงานตัวที่สภาให้ครบ ๔๗๕ คน แล้วนั่งประชุมกัน เลือกน้องปูจ๋าเป็นนายก แต่งตั้งรัฐมนตรี แล้วแต่ชอบใจกระทรวงใด ก็ตามใจพระเดชพระคุณ เพราะมีกำลังจะทำอะไรก็ได้ ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ใช่จะทำไม่ได้หาก นปช.จะทำจริง ทั้งที่ตามคำพูดของรักษาการประธาน นปช.ว่า นปชงไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใดนั้น ที่ไม่จริงเพราะข้อเท็จจริงปรากฎว่า มี นปช.ตัวพ่อคือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ หมายเลข ๘ ซึ่งต้องถุกคุมขังโดยหมายศาลอาญาตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ในคดีหมิ่นสถาบัน ทำให้ต้องขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา ๒๐ (๓)และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ มาตรา ๑๐๐ (๓) เมื่อ นปช.ผู้นี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศภาคม ๒๕๕๔ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค ได้ยื่นสมัคร ส.ส.โดยมี นปช.คนดังกล่าว(และอีกหลายคนที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งควบคุมตัวไว้ในคดีอาญา)มีชื่อเป็นผู้สมัครในบัญชีรายชื่อของพรรคตน แถมยังให้คำรับรองว่า ผู้สมัครทุกคนเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับพรรคทุกประการ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อนายจตุพรฯไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่ได้ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติของผู้สมัคร ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๐๑(๓) อย่างแจ้งชัด จึงเป็นกรณีที่นายจตุพรฯรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งโดยฝ่าฝืนมาตรา ๓๔ กฎหมายเลือกตั้ง คือ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองตั้งแต่ต้นจึงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๑๐ ปี ปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๑๐ ปี ส่วนนายยงยุทธฯหัวหน้าพรรคที่รับรองการสมัครต้องมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนต้องระวางโทษ ๒ ใน ๓ แต่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๑๐ ปีเท่ากัน และอาจต้องถูกยุบพรรคด้วยเพราะผู้สมัครหลายคนขาดคุณสมบัติมากเกินไป แสดงว่าพรรคไม่ได้ตรวจสอบเลย ซึ่งเป็นสิ่งแสดงว่าที่รักษาการประธาน นปช.บอกว่า นปช.ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น ไม่เป็นความจริงเลยครับ
หมายเหตุ - พวกหัวหน้าไพร่ ทำไมอยากเป็นขุนนาง(เสนาบดี)จ้า หลอกใช้ประชาชนชัดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น