...+

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โปรดช่วยกันเผยแพร่เพื่อรณรงค์หาความร่วมมือด้วย

นี่คือข้อเขียนของจิตรกร บุษบา
ใช้ชื่อว่า "เส้นใต้บรรทัด"
กลิ่นตุๆ ของขบวนการ "โหวตโน" (เส้นใต้บรรทัด)
---------------------
ผมเชื่อว่า คนที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร หรือ "โหวตโน" นั้น มีเป็นปกติธรรมดา และเป็นธรรมชาติ ในการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ซึ่งโชคดีที่ในบัตรเลือกตั้ง เปิดช่องทางนี้เอาไว้ให้ ไม่ได้บังคับขืนใจราษฎรว่าต้องเลือก ไม่ใครก็ใครสักคน หลับหูหลับตากาไปเถอะ

ทั้งนี้ก็เพราะประชาชนในหลายเขตการเลือกตั้ง ไม่เห็น "ตัวเลือกที่ดีพอ" ไม่ว่าจากพรรคการเมืองไหน ไม่ว่าตัวคนหรือคณะทำงานจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อหรือแนะนำตัวเอง เพื่อโน้มเหนี่ยวให้เขาอยากให้การสนับสนุนสักเพียงใด เขายังคงคิดว่า ไม่ให้คะแนนแก่ใครดีกว่า แต่รับผิดชอบกับหน้าที่พลเมืองของประเทศ ด้วยการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่นอนหลับทับสิทธิ์

การไม่เห็นตัวเลือกที่ดีพอนั้น มาจากหลายปัจจัย เหตุผลส่วนใหญ่ที่หลายคนไม่เลือกใคร เพราะนิสัยของผู้เสนอตัว มันชอบกลเกินกว่าจะให้มันเป็นผู้แทนได้ เช่น ตบเมีย เป็นมาเฟีย เคยเผาบ้านเผาเมือง ขี้เกียจสันหลังยาว มีประวัติขี้โกง ไม่ได้มีสติปัญญาที่ดีพอ เป็นหุ่นเชิดมาสมัครแทนผัว แทนพ่อ แทนพี่ ฯลฯ หรือบางคนก็"มาตรฐานสูง"เกินที่มนุษย์ทั่วไปจะมีพอและตอบสนองให้ได้ พวกเขาจึง"ไม่ประสงค์จะเลือกใคร" และกลับบ้านมาอยู่ภายใต้การบริหารของคณะบุคคลที่เขาไม่ได้เลือก

แต่ "โหวตโน" ที่ผ่านๆมา ก็เป็นแค่การแสดงออกซึ่งความรู้สึกและความคิดอย่างบริสุทธิ์ของคนตามธรรมชาติ ไม่มีกระบวนการปลุกปั่น จัดตั้ง หรือ"ลงทุน"รณรงค์กันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยที่คะแนนส่วนนี้ ก็ไม่มีน้ำหนักใดๆ ในทางกฎหมาย

แต่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ออกจะพิเศษ ตรงที่มีการจัดตั้งของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งลงทุนกับการนี้มาก เผลอๆจะมากกว่าพรรคการเมืองบางพรรค ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเสียอีก

โดยมีผู้ร่วมสร้างวาทกรรม เพื่อทำให้เห็นความสำคัญอันยิ่งใหญ่ในทางการปฏิรูปประเทศไทยผ่านการ "โหวตโน" อย่างแข็งขัน นั่นคือนายพิภพ ธงไชย พลตรีจำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุลกับบรรดาแฟนๆของเอเอสทีวี โดยยังคงใช้ชื่อ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" และใช้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเป็นเครื่องมือหลัก ปักหลักใช้เวทีกลางถนนสาธารณะบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เป็นศูนย์กลางของการรณรงค์ มากกว่าห้องส่งในสำนักงาน

จากเรื่องการขอให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู ปี 2543 และให้ใช้แสนยานุภาพทางทหารขับเขมรออกจากพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเรียกระดมประชาชนมาร่วมชุมนุมในช่วงแรก พัฒนามาสู่การกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก "ขายชาติ" หรือ "เลวยิ่งกว่าทักษิณ" เพราะ "ทำให้เราต้องเสียแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 9" กลายเป็นประเด็นใหม่ เรื่อง "อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา" ซึ่งน่าประหลาดใจว่า พวกเขาลงทุน ลงแรง เอาจริงเอาจังกับประเด็นนี้ กระทั่งมีการผลิตสื่อ ใช้เงิน และนำเสนอถี่กระชั้น ยิ่งกว่าการทวงคืนอธิปไตยเหนือดินแดนไทย-กัมพูชา หรือการหาหนทางช่วย "วีระ สมความคิด" กับ "ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์" ที่เขาพยายามสร้างกระแสในช่วงแรกๆ เสียอีก

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ที่เขานำเสนอสู่สาธารณะคือ เอเอสทีวี เป็นสถานีโทรทัศน์ที่อาจ"จอดำ"จนนำไปสู่แคมเปญขอให้พี่น้องประชาชนร่วมสนับสนุนการ"อยู่ได้"ในสารพัดรูปแบบ

เมื่อครั้งที่รัฐบาลทักษิณพยายามจะใช้กฎหมายเข้ามาเล่นงาน หวังจะปิดสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญยิ่ง ในการเพิ่มจำนวนมวลชนที่ลุกฮือขึ้นมาตรวจสอบและต่อต้านรัฐบาลของเขา ก็เกิดการต่อสู้ด้วยความจริงที่ว่า สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี (ภาษาอังกฤษ: ASTV หรือ Asia Satellite TV) เป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่มีบริษัท เอเชียไทม์ออนไลน์ จำกัด เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นเจ้าของ ซึ่งบริษัท ไทยเดย์ ดอตคอม จำกัด (ปัจจุบันคือ เอเอสทีวี(ประเทศไทย)) ประเทศไทย เป็นผู้รับจ้างผลิตเนื้อหาให้แก่สถานีที่ฮ่องกง โดยการส่งสัญญาณภาพผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปยังสถานีส่งสัญญาณภาพขึ้นดาวเทียมที่ฮ่องกง แล้วส่งไปยังดาวเทียม NSS-6 ของ New Skies Satellite ของ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนจะยิงสัญญาณภาพลงมา โดยใช้ South East Asia Beam ครอบคลุม บางส่วนของพม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ บางส่วนของจีนตอนใต้ อินโดนีเซีย และบรูไน

ไม่เคยมีมิตรรักแฟนเพลงของเอเอสทีวีคนใด ตั้งคำถามว่า ในเมื่อรับจ้างเขาผลิตเนื้อหา ก็ย่อมได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่ากับการผลิตใช่ไหม ไม่เช่นนั้น ใครเลยจะนั่งผลิตของไปขายอย่างขาดทุน

คนรับจ้างย่อมต้องได้ค่าตอบแทนที่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการส่งผ่านอินเทอร์เน็ตส่งไปให้คนว่าจ้าง

คนจ้างก็ย่อมต้องเห็นได้ว่า เอเอสทีวีได้รับความนิยมจากคนดูมากขนาดไหน แล้วเขาจะไม่จ่ายเงิน จะปล่อยให้ไม่มีเนื้อหาออกอากาศจน "จอดำ" ได้ยังไง

มาถึงการชุมนุมครั้งนี้ ที่มวลชนลดลงไปอย่างมหาศาล แนวร่วมทางวิชาการและด้านอื่นๆ ก็ปฏิเสธที่จะมีบทบาทเหมือนครั้งไล่รัฐบาลทักษิณและป้องกันหุ่นเชิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดทักษิณ จนเกิดเป็นมิตรภาพที่ล้ำค่าในช่วงเวลา 193 วันแห่งการชุมนุมยืดเยื้ออย่างผู้เสียสละ กลายมาเป็นต้องใช้เวลาไพรม์ไทม์"ทวงเจิมศักดิ์ขึ้นเวที ทวงอัญชะลีคืนสู่อ้อมใจ"

พูดตรงๆ ผมไม่ค่อยเชื่อใจในความตรงไปตรงมาของ"ผู้ก่อการ"ครั้งนี้ อาจจะไม่ทุกคน แต่ก็เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังเคารพและเห็นคุณความดี ความมีน้ำใจเสียสละของพี่น้องประชาชนที่มาร่วมเหมือนเคย

ผมไม่เชื่อว่า การเมืองข้างถนนรอบนี้จะขาวและดีกว่าการเมืองในสภา ตามที่พวกเขาออกป้ายโฆษณาว่าอย่าปล่อยสัตว์เข้าไป

ผมเชื่อว่า ข้างถนนก็มีอำนาจให้ไขว่คว้า และสัตว์บางจำพวกกำลังตั้งหน้าตั้งตาไล่งับ

สำหรับผมแล้ว โหวตโนที่คนบางคนฝันเห็น เป็นแค่ "ใบจองท้องถนน" ที่ตนจะออกมาเคลื่อนไหวต่อ หลังการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้ขาดตอน อันเป็นการเพิ่มพูนอำนาจต่อรองบางเรื่องทั้งทางตรงและทางลับ ทั้งยังเป็นเป็นใบเบิกทางที่จะใช้โจมตีพรรคการเมืองบางพรรคและนักการเมืองบางคน โดยงดเว้น "อาชญากร" ที่สำคัญไปเสียเฉยๆ โดยเลือกจะเขี่ยพรรคการเมืองใหม่ให้พ้นไป ทั้งๆที่เงินลงทุนที่ใช้กับการโหวตโนรอบนี้ มีสิทธิ์ที่จะส่งตัวแทนเข้าสภาได้อย่างสบายๆ ใกล้หลัก 10 คน

มันผิดปกติที่คนซึ่งเคยระแวงระวังการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดให้ทักษิณ เรียกร้องให้ทักษิณกลับมาติดคุก ชิงชังพวกเผาบ้านเผาเมือง และจาบจ้วงล่วงละเมิดต่อองค์พระประมุข จะงดเว้นการวิพากษ์วิจารณ์ เตือนภัยและเคลื่อนไหวต่อต้าน ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของประเทศ ที่เวลานี้ทักษิณทุ่มหมดหน้าตัก เหมือนเป็นเดิมพันในเกม"ชิงบ้านชิงเมือง" ครั้งสุดท้าย

ในสถานการณ์ที่ "ชัยวัฒน์ สุรวิชัย" วิเคราะห์ไว้อย่างปรุโปร่งว่า อดีตนายกฯ นักโทษหนีคดี เป็นพวกที่รู้ว่าคนไทยไม่สนว่าอะไรจริงไม่จริง แค่ทำให้เขาเชื่อก็พอ ถ้าสร้างกระแสความเชื่อให้สังคมได้แล้ว ความเท็จ จะกลายเป็นความจริง ชัยวัฒน์จึงชี้ว่า

"เกิดการลงทุนอย่างหนัก ในการใช้สื่อและซื้อคนเพื่อสร้างกระแส ได้ทำอย่างเป็นขบวนการอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างเป็นระบบ อาศัยทุกอย่างที่ซื้อและใช้ได้ และดูเหมือนจะได้ผล 1.คุณปูเพิ่งปรากฏตัวเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ไม่ทันไร แต่ถูกโปรโมต เหนือนายกฯอภิสิทธิ์ 2.คะแนนของ สส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเหลือ สส.ไม่ถึง 200 แต่ถูกสร้างตัวเลข 270 เสียง และถูกนำมาใช้ปลุกกระแสว่า ไม่ว่าอย่างไร พรรคเพื่อไทยชนะพรรคปชป. แน่ๆ อยู่แล้ว

3.เหตุรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ถูกทำให้เลวร้าย แต่ไม่พูดถึงความชั่วเลวร้ายกว่าของนักโทษหนีคดีทักษิณ 4.เหตุจลาจลก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองเมษายน-พฤษภาคม 2553 ถูกย้ำแต่เรื่องคนตาย 91 ศพ และคนก่อการบงการกลับจะกลายเป็นวีรบุรุษ แต่ป้ายสีรัฐบาลและทหารเป็นผู้ร้าย 5.ปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดนไทย ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลทักษิณ ที่ปรึกษานายกฮุนเซน กลับถูกโยนความผิดให้รัฐบาลอภิสิทธิ? เป็นรัฐบาลทรราชขายชาติ แต่ฝ่ายเดียว มีการปลุกกระแสแบบกลับตาลปัตรว่า "รัฐบาลทักษิณดีกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์"

สำหรับผม ประชาชนจะ "โหวตโน" โหวตไป แต่ท่านต้องรู้ว่ามีใครต่อใครรอสมอ้างคะแนนโหวตโนของท่านอยู่ ท่านรับได้ไหม

จะแยก "โหวตโนบริสุทธิ์" ออกจากโหวตโนที่เอาด้วยกับพิภพ-จำลอง-สนธิ อย่างไร

และโหวตโนจะช่วยกู้ประเทศชาติในสภาวะวิกฤตชิงเมืองเวลานี้หรือไม่ "ปวงชนชาวไทย" ต้องช่วยกันตรึกตรอง

เขียนโดย จิตรกร บุษบา ( คู่หูทีวีของ ดร.เจิมศักดิ์)
------------------------------------------------------------ ข้อเขียนโต้ตอบ
ผู้เขียนโต้ตอบในรูปจดหมายถึงน้อง ผู้ส่งบทความนี้ให้ดู

น้องคะ

พี่นั้นติดตามฟังข่าวสารของเอเอสทีวีมาตลอด พร้อมกับทุกๆสื่อ และการพูดคุยในสังคม และเมื่อประมวลข่าวแล้ว..จนถึงขณะนี้ พีถือว่าตนเองเป็นพวกพันธมิตรใจบริสุทธิ์ที่ไม่มีผลประโยชน์จะหวังและเป็นพวกโหวตโนด้วยใจบริสุทธิ์ได้เต็มปาก...ขอให้ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับข้อเขียนของ จิตรกร บุษบา ดังต่อไปนี้
๑.พี่ไม่รู้สึกว่า ฝ่ายพธม.นี้ลดดีกรีการด่าไอ้พวกแดงแต่อย่างใด ความเลวของพวกมันประทับใจของพวกเราเกินลีมเลือน และยังด่ากันอยู่ไม่เลิกหรอก... แต่จำเป็นอะไรจะต้องย้ำกันบ่อยๆ
ในสิ่งที่รู้ๆกันอยู่...ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับคนเลวๆคนอื่น เรื่องอื่นๆเกิดขึ้นให้ต้องรู้อีกมากมาย เวลาของทุกคนไม่ได้มีมากจะมาย้ำ-มาฟัง กันได้ทุกเรื่องซ้ำๆ
ด่ากันมาจนความเกลียดชังและคั่งแค้นเป็น DNA ของพวก พธม.ไปแล้ว หากแกนนำเปลี่ยนแนวย้อนศร-เหมือนที่บทความนี้กล่าวละก้อ - แล้วการชุมนุมก็ยังอยู่ได้ พี่ก็ว่าคนคิดอย่างนี้ดูถูกพวกพันธมิตรมาก เหมือนพวกเรากินหญ้าอยู่ และเหมือนพวกผู้นำนี้เลวยิ่งกว่าอสูรผีเปรตร้าย ที่หลอกพลังบริสุทธิ์ที่แสนโง่ท้งประเทศ!!!
๒.แต่เรากลับคิดว่ายิ่งเกลียดยิ่งกลัวพวกมัน ต้องยิ่งหาทางลดทอนอำนาจพวกมันลง เป็นการหาทางป้องกันความเป็นไปได้ที่สูงขณะนี้ว่ามันจะกลับมามีอำนาจ...อย่าลืมว่าพวกรากหญ้ามีมากจนน่ากลัวมากๆ...พวกเขาหนึ่งเสียง กีค่าเท่ากับเสียงของ ดร. ศจ. อจ. นพ. พลเอก รมต. รมช. และ ปัญญาชนทั้งหลาย ฯลฯ แต่ละเสียงเหมือนกัน...ที่บอกว่าเสียงVOTE NO ถึงมากพอ..ก็ไม่มีความหมาย ไม่มีอำนาจนั้นจะจริงได้อย่างไร??? อย่าลืมว่าทักษิณถูกโค่น ทั้งที่อำนาจเขาขณะนั้น เห็นความเป็นไปได้ยากมากๆ..เกิดได้อย่างไรล่ะ...ถ้าไม่ใช่ ปชช. แล้วประชาชนเหล่านั้น นำโดยใครล่ะ?...ถ้าไม่ใช่พวก พธม.ห้าคนเป็นผู้นำ...เหล่านี้... หากไม่มีพวก พธม. ประเทศชาติขณะนี้จะเป็นอย่างไร??ประชาชนทั่วไปควรจะสำนึกบุญคุณของพวกเขา...ดูประวัติความเป็นมาพวกเขาให้ลึกซึ้งเสียก่อน แต่ที่สำคัญก็คือฟังเสียงฟังข่าว ที่ถูกปิด-ถูกบิดเบือนจากพวกเขาด้วย..อย่าฟังข้างเดียว...ฟังแล้วนำมาเปรียบเทียบกับเสียงอื่น...ติดตามให้ใกล้ชิด... ก่อนจะเชื่อเสียงตำหนิต่างๆนานา
๓.เรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆนั้นเป็นสัจจธรรม ผู้นำห้าคน คงหลือ สี่คน คนที่เปลี่ยนไปก็มีแต่จำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับที่เหลือ พวกเราเดิมว่าจะไม่ตั้งพรรค ก็เปลี่ยนมาตั้ง ตั้งสักพักก็เลิก เปลี่ยนนโยบายกันไปตามเหตุการณ์ ที่เคยเป็นมิตรกัน เมื่อคิดต่างกัน ก็แยกทางกันไป...อันนี้เป็นสัจจธรรม แต่หากจะหันมาใส่ร้ายกันก็ต้องอย่า"ป้ายสี"เกินจริง บาปแห่งมุสานั้นมีแน่... และโปรดดูภูมิหลังและพิจารณาดูเหตุของพวกที่ป้ายสีนั้น และนำมาคิดด้วย
๔.เรื่องพันธมิตรอ่อนแรงนั้น เท่าที่ปรากฏภายนอกดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น...แต่คิดไหมว่า?ตัวของคนที่คิดเช่นนี้ เคยไปร่วมสร้างพลังครั้งขับไล่ทักษิณสักกี่คน-ตัวคุณเองที่กำลังอ่านอยู่ เคยไหม?ทำไมไม่เคย เพราะมันดูไม่น่าสะดวกสบายเลยใช่ไหม?เวลาก็ไม่มีใช่ไหม?... ถ้าเคยหรือติดตามใกล้ชิด คุณจะรู้ว่ามันสาหัสนะ...เวลาล่ะ-แต่ละคนมีกันมากนักหรือ?? ทุกคนมีอาชีพต้องทำ มีครอบครัวต้องดูแล ฯลฯ เช่นพี่เองก็ไปไม่มาก ใช้วิธีตามข่าวสารเอา(หลายฝ่ายด้วย...ไม่ใช่เฉพาะที่เสนอๆกันมา..ต้องเรียกว่าหาขุดข่าวที่ถูกซ่อนเร้น ด้วย) ตามแล้วก็ขอบอกว่าใจอยู่กับเขาเต็มร้อย (ขณะนี้นะ..ไม่รู้ว่าต่อไปจะเปลี่ยนไหม...)... พวกเขาเสียสละนะ มักเป็นคนมีอายุที่เกษียณแล้ว และเห็นโลกมามาก เห็นทางแห่งธรรมชัดกว่าคนหนุ่มสาว แต่หนุ่มสาวก็มีเยอะ...คนที่ไม่ชอบเสียสละ จะไม่รู้ว่ามันมีความสุขอย่างไร..พวกเขาจึงอยู่เห็นศรีษะกันเยอะไม่ด้วยกายก็ด้วยใจและอยู่นาน หลายรอบ หลายเหตุผล... เขาชุมนุมกันอย่างมีความสุขเช่นที่ว่านี้ด้วยคิดว่าทำเพื่อส่วนรวม และทำสำเร็จมาหลายเรื่อง-เกือบทั้งหมดที่เขาเรียกร้องแทนพวกเรา..จริงหรือไม่???...พี่เองมานำพิมพ์เพื่อเผยแพร่อยู่นี่ พี่ก็ทำอย่างมีความสุข..ด้วยมีศรัทธาแบบนี้ อาจผิดหรือโง่ ก็เป็นไปได้...แต่ถือว่าพี่มีใจบริสุทธิ์และใช้ปัญญาตรองดีแล้ว-อะไรจะเกิดก็ยอม
คนไทยหลายคนกำลังลืมความจริงที่กล่าวมานี้...ลืมง่ายๆ... เป็นนิสัยของคนไทยทั่วไป-ไม่ว่าเรื่องเลวหรือดี...กลับมาเนรคุณ-ปรามาสว่าเป็น"พวกข้างถนน" (ทั้งๆที่นายจิตรกรก็หลุดออกมาว่ารู้บุญคุณ ปชช พธม..กลุ่มนี้ อยูเหมือนกัน..ข้อเขียนมันขัดแย้งกันเองนะ...) เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนที่กล่าวเช่นนี้เป็นคนเช่นไร?...ศาสนายังสอนว่า"ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี" ขี้ลืมอย่างนี้ก็อาจลืมได้แม้คุณของพ่อแม่แห่งตน!!!
พลังเงียบแห่งกลุ่ม พธม.นั้นมีมากมหาศาล..พวกเรารู้กันดี จึงมีแรงสนับสนุน และมีกำลังใจ ทุกคนก็รู้ว่า ASTV มีรายได้ ไม่มีใครเขาสงสัยหรอก แต่ตอนที่รณรงค์ขอการสนับสนุนก็ต้องพูดโอดครวญเรียกคะแนนสงสาร(ว่าจอจะดำ)ให้บรรลุจุดประสงค์มันก็เป็นธรรมดา... คนที่ทำงานให้ASTV และการขับเคลื่อนนำนั้นก็มีรายได้ ไม่งั้นเขาจะตั้งขึ้นและทำงานเลี้ยงชีพกันได้อย่างไรล่ะ??? แต่ในภารกิจที่หนักหน่วงที่ผ่านมาและกำลังเป็นไปที่ต้องโหมทำเพื่อแข่งกับเวลานั้น ต้องใช้พลังและทุนมหาศาล-รายได้นั้นไม่พอหรอกใช้ลูกกระเดือกคิดก็น่าจะรู้!!! พวกคุณก็รู้ว่าคุณสนธิเคยมีปัญหาทางการเงิน ไม่ได้มั่งคั่งเหมือนก่อน และถึงมั่งมี-ถ้าเป็นคุณ-จะเอามาทุ่มขนาดนี้ไหมล่ะ? ที่สำคัญคือ เราศรัทธาว่าเงินบริจาค แม้ย่อมต้องมหาศาล แต่ก็มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าเงินหรือแรงสนับสนุนนั้นถูกใช้ไปสมศรัทธา....จึงทำให้การชุมนุมก็ยังมีต่อมาเรื่อยๆ... ก็ยังมาด่าเขาอีก ทำนองว่าหลอกเอาเงินบริจาคมาโดยไม่จำเป็นจริงๆ...ด่าแบบทุเรศมาก!!!
๕.ด่าไปด่ามา ความที่ด่าเป็นเท็จ...ในที่สุดคำด่านั้นก็แย้งกันเอง...เช่นบอกว่าตอนนี้พลังอ่อน..ชักไม่มีใครเห็นด้วย-คนศรัทธาลดลงมาก...เพราะรู้ทันกลิ่นตุๆ แต่แล้วก็บอกว่าเงินบริจาคนั้นมาก..ทำนองว่าสู้แล้วรวย...!!!เอ๊ะ!!อย่างไรกันแน่?? การสนับสนุนจะมาจากไหนถ้าไม่มีคนศรัทธา และการชุมนุมจะอยู่ได้อย่างไร ยืดเยื้อ ยาวนาน หลายรอบ อย่างไม่น่าเชื่อในความอดทนและมุ่งมั่น..สำหรับพี่แล้ว พวกเขาคือมนุษย์ประเสริฐพันธ์ประหลาดและหายากยิ่ง
๖.คำด่าว่า"ข้างถนนนี้"ช่างสิ้นคิด และแสดงความทรามของจิตใจที่ไร้ความรู้ดี-ชั่ว...ก็มันมีสถานที่ใดที่ผู้คนจะไปร่วมได้ง่ายๆ กว้างๆ ถูกกฎหมายเพราะเป็นที่สาธารณะ เป็นจุดดึงความสนใจ และคุมความปลอดภัยได้ง่ายเท่าถนนล่ะ นั่งบนถนนนั้นร้อนก้นนัก..คุณเคยลองกันไหม?? ทรมานมากเลย...เคยรู้ไหม??พวกเขายอมนั่งกันไปทำไม เพื่อประโยชน์ส่วนตัวตนกันหรือ ???ในอังกฤษเขามีHyde Park เพื่อกิจนี้โดยเฉพาะ(คงนุ่มนั่งสบายด้วยหญ้า มีห้องน้ำห้องท่าพร้อม!!!) แต่เมืองไทยไม่มี เพราะรัฐบาลทุกรุ่น..กลัว!!! ไปโกงกินเอาตรงสร้างรัฐสภาใหม๋(โดยไม่จำเป็นเล้ย!!) ซะดีกว่า การปิดถนนทำให้เดือดร้อนกันบ้างก็จริงอยู่ แต่ถ้าปชช.ตรองว่าเขาทำเพื่อใคร สละแค่นี้ยังน้อยเกินไป!!!
ขอบอกว่า พลังเงียบนั้นมีมาก...เป็นปัญญาชนผู้รู้ก็มหาศาล พวกอยู่ต่างประเทศหูตากว้างขวางส่วนใหญ่ก็มาร่วมมาก แต่แน่ละใครจะกล้าเผยตัวเต็มที่ ในยามสถาณการณ์ยังอืมครึมเช่นนี้..นี่ก็เป็นธรรมชาติที่ต้องใช้ปัญญามอง แต่ในยามจำเป็นคุณจะได้รู้...ยิ่งถ้าคุณได้ฟังเสียงพวกเขา ข่าวจากพวกเขาให้ดี คุณก็จะรู้เท่าทันและอาจมาร่วมกับเรา...โดยเฉพาะในยามจำเป็น... หรือคอยดูผลVOTE NO นี้ก็แล้วกัน
พี่เอง...ยามสาวๆไม่เคยสนใจการเมือง แต่ถูกพวกเพื่อนกลุ่มแพทย์ของพี่ ตำหนิ และแนะให้ฟัง พธม. มาแต่ต้นของการรบกับทักษิณ -พี่จึงเปลี่ยนไปสิ้นเชิงเลย!!!! และกำลังสอนลูกหลานให้เดินตามรอยด้วย
๗.สังเกตุดูสิ...นายจิตรกร ก็ไม่ตำหนิรัฐบาลอภิสิทธิ์สักแอะ...เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ไม่ว่า ปชป. หรือพรรรคร่วมรัฐบาล กลับยกย่องกันในทีซะจนน่าอ้วก...ตรงนี้ไง...

"หรือบางคนก็"มาตรฐานสูง"เกินที่มนุษย์ทั่วไปจะมีพอและตอบสนองให้ได้ พวกเขาจึง"ไม่ประสงค์จะเลือกใคร" และกลับบ้านมาอยู่ภายใต้การบริหารของคณะบุคคลที่เขาไม่ได้เลือก"

รู้บ้างไหม?และไม่อยากจะคุยเลย พธม.น่ะมีมากที่เป็นปัญญาชนจากชั้นนำของโลกจากต่างประเทศ ทำงานในต่างประเทศระดับสูงๆก็เยอะ ที่เป็นพธม. เช่นลูกสาวพี่เอง(จบที่ไหน-ทำงานอะไร-ไม่อยากอวดในที่นี้ เจอกันแล้วถามได้ค่ะ) เขามาไทยเขาก็ไปร่วมกับ"การเมืองข้างถนน"นี้แหละ เพื่อน ญาตืพี่น้อง ลูกหลานของพี่ก็อีกเยอะ อีแค่จบป.ตรี ออกซ์ฟอร์ด ก็ตื่นกันแล้ว พิโถ!!!
แล้วคนฟังอย่างพวกเรา(จะเรียกประชดว่าพวก"กูรู้" ก็ได้(มาจาก GURU น่ะ) จะคิดอย่างไร ถ้าไม่ใช่ว่า นายจิตรกร บุษบา นี้ คือพวก ปชป. ที่กำลังประหวั่นกระแส VOTE NO อย่างหนักเหมือนพวกทักษิณ แต่ดูกลัวมากกว่าหลายเท่า ฮ่าๆๆๆๆ
โปรดจดจำเสมอว่า ไม่มีพลังใด ยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความเป็นจริงและความมีเหตุผลแห่งประชาชน อย่ากังวล ว่า หากพลังVOTE NOมาก แล้วจะทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีกฏหมายรองรับให้มีผลในการปกครอง ขนาดรัฐบาลทักษิณที่จัดตั้งเรียบร้อยวางกำลังอย่างดี เข้มแข็ง-โหดร้าย ร้อยเล่ห์เพทุบาย อย่างไร? ก็ยังต้องล้มคว่ำ ได้รับการพิพากษาว่าเลวทั้งพรรค...ก็ไม่ใช่เพราะพลังประชาชนไร้อาวุธ แต่มีความสามัคคี และเสียสละร่วมมือร่วมใจกันหรือ??? พลังสติปัญญาแห่งเราๆจะหาทางออกกันได้ต่อไปเอง ตอนนี้เอาแค่รวมพลังVOTE NO ให้ยิ่งใหญ่เสียก่อนเถิด อย่ากังวลข้ามขั้นตอนให้เปลืองพลังไปก่อนเลย...
จงมาร่วมมือร่วมใจกันเถิดพ่อแม่เพื่อนพี่น้องทั้งหลาย สร้างวิถีการเมืองที่จะทำให้ประเทศชาติประชาชนมีความผาสุกถาวรกันเสียที....ได้โปรดเถิด.....VOTE NO นะ
***********************************
โปรดช่วยกันเผยแพร่เพื่อรณรงค์หาความร่วมมือด้วย
แม่ยุ้ยญาติเยอะ-เพื่อนมาก-อยากช่วยไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น