...+

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"เมินดาว" งานเขียนระดับแชมป์ลูกพระเกี้ยว

การออมเป็นสิ่งสำคัญกับผู้คนทุกสายอาชีพ ไม่เฉพาะนักลงทุนที่ต้องเรียนรู้เรื่องการออมหรือการวางแผนด้านการเงิน แต่เราทุกคนควรจะต้องศึกษาเรื่องนี้กันไว้ แม้จะกำลังอยู่ในวัยเรียนก็ตาม เพราะหากมีวินัยในการออมตั้งแต่เด็ก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เป็นคนมีวินัยในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงมีเงินก้นถุงเลี้ยงตัวเองในบั้นปลายชีวิตได้อย่างสบายๆ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอยากกระตุ้นแนวคิดเรื่องการออมดังกล่าว โดยได้จัดโครงการประกวดเรื่องเล่า "ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน" ตลาดหลักทรัพย์ฯ และจัดพิธีมอบรางวัลแก่เยาวชน และประชาชน ที่ส่งผลงานเข้าประกวดเรื่องเล่า "ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน" ถ่ายทอดประสบการณ์และจินตนาการที่สร้างสรรค์ผ่านงานเขียน เพื่อกระตุ้นการออมและการวางแผนทางการเงิน ทั้งยังเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมการลงทุนเพื่อกรุตุ้นให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียน

ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไปได้แก่ "กิต" กิตติคุณ หวังวรวิทย์ นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวปิโตรเลียม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้ารางวัลชนะเลิศจากเรื่อง "เมินดาว" ที่มีเนื้อหาอธิบายเกี่ยวกับชีวิตของเขาเองว่าในแต่ละวันได้พบเจอสภาวะสิ่งต่างๆอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในแง่ของโลกทุนนิยมที่พบว่ามีการแข่งขันกันสูง และชีวิตคนเราก็ต้องก้าวตามให้ทัน แต่ในอีกแง่หนึ่งเขากลับมองว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด หรือเป็นสิ่งที่จะนำความสุขมาให้ แต่ความสุขสามารถหาได้จากสิ่งอื่นๆรอบตัว และเขาทิ้งท้ายว่าเงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และการใช้ชีวิตก็ไม่ควรยึดติดกับวัตถุมากเกินไปนั่นเอง

หนุ่มวิศวะฯ จุฬาฯ เล่าอีกว่า โดยส่วนตัวเรียนคณะวิศวกรรม แต่ที่มาสนใจเรื่องการออมและการลงทุน เพราะมองว่าการเรียนวิศวะฯก็มีส่วนทำให้เรารู้จักการออมและการวางแผน เพราะการเรียนวิศวะฯสอนให้เราคิดอย่างเป็นระบบ มีตรรกะ และการคิดอย่างเป็นระบบนี้ทำให้เรารู้จักคิดวางแผนการใช้เงิน เพราะการว่างแผนด้านกานเงิน หรือการรู้จักลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆมีความสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตคนเราอย่างเลี่ยงไม่ได้

"การเตรียมตัวเขียนเรื่อง เมินดาว ผมก็เริ่มคิดจากจุดเล็กๆก่อน คิดเรื่องการออม การลงทุน การแบ่งปัน นึกอะไรออกก็จะจดๆไว้ก่อน จากนั้นก็เอาแนวคิดทั้งหมดที่เราคิดขึ้นคร่าวๆ มาเรียบเรียงว่าควรเอาอะไรขึ้นก่อน แล้วจัดเรียงลงมาเป็นลำดับความคิดครับ"

กิต อธิบายอีกว่า การได้มาร่วมประกวดเรื่องเล่าครั้งนี้ ให้ประโยชน์กับเยาวชนอย่างเขาไม่น้อย เพราะการได้เล่าเรื่องที่คิดไว้ถ่ายทอดออกมาให้คนข้างนอกได้รู้เป็นการฝึกสมองคิดต่อยอดในเรื่องการออมได้ดี รวมทั้งเมื่อได้อ่านงานเขียนของคนอื่นๆ ก็ทำให้เราได้เพิ่มเติมวิธีคิด - มุมมองในเรื่องการออมและการลงทุนในแบบของคนอื่น ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้ หรือคิดต่อยอดได้มากขึ้น

"ในเรื่องการออม ผมคิดว่าเป็นความรู้ที่มีความสำคัญพอๆกับความรู้ที่ใช้ในการทำงาน เพราะในโลกปัจจุบันการออม หรือการวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเราจะมองสั้นๆไม่ได้ ต้องมองชีวิตในอนาคตข้างหน้าอีกยาว ดังนั้นเราควรฝึกเรื่องวินัยในการออมตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มจากการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล รู้จักเก็บออมเงินบางส่วน หรือ หากเก็บได้มากพอและสนใจการลงทุนก็ควรลงทุนบนพื้นฐานของความเหมาะสมครับ"

ขณะที่ จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดโครงการประกวดเรื่องเล่า "ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน" เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชน เรียนรู้แนวคิดการบริหารเงิน ด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์หรือจินตนาการการออมในชีวิตประจำวันผ่านเรื่องเล่า เพื่อต่อยอดความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินแก่เยาวชน และบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นถึงความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะช่วยดูแลให้สังคมไทยได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมการออมอย่างต่อเนื่อง

"โครงการประกวดเรื่องเล่าได้รับความสนใจจากผู้ส่งผลงานรวม 1,377 ผลงาน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 ระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยผลงานที่ร่วมส่งประกวด จำนวน 36 เรื่อง ได้รับคัดเลือกเพื่อนำมาจัดพิมพ์ เป็นหนังสือ "ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน" เพื่อให้มีการเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนในวงกว้าง อันจะช่วยจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่าน ในการวางแผนการออมเงินในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต"

นอกจากนี้ ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประถมศึกษา 4-6 ได้แก่ ด.ญ. ธัญเรศ วิชาสาร โรงเรียนบ้านโพธิ์ไทร จ.กาฬสินธุ์ จากเรื่อง "เป็นอยู่อย่างพอเพียง" ส่วนรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ได้แก่ ด.ญ.ศุภรัชต์ เหลืองสุวรรณ โรงเรียนโยธินบูรณะ จากเรื่อง "จากเมล็ดพันธุ์สู่ต้นกล้า"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น