...+

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ดวงเมืองประจำปี พ.ศ. 2554 โดย พลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์

ดวงเมืองของประเทศเรา ซึ่งในวงการโหราศาสตร์ไทยได้ยอมรับใช้ในการพยากรณ์ คือ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06:54 นาฬิกา ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีตั้งเสาหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงกำหนดพระฤกษ์นี้ด้วยพระองค์เอง ตามดวงเมืองนี้ ลัคนา หรือจุดกึ่งกลางของภพที่ 1 สถิตในราศีเมษ 23 องศา 56 ลิปดา และดวงอาทิตย์สถิตในราศีเมษ 10 องศา 9 ลิปดา

เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาสาระของบทความนี้ ผมจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจแก่ท่านผู้อ่านบทความนี้อยู่เสมอว่า การพยากรณ์ดวงชะตาของแต่ละบุคคลประจำปีนั้น จะต้องเริ่มต้นจากวันที่เจ้าชะตามีอายุมาครบรอบปีซึ่งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์โคจรถึงราศี องศา ลิปดา ของดวงอาทิตย์เดิมในดวงชะตาศัพท์เทคนิคกรณีนี้ว่า “Solar Return” หาได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมไม่ ต่อจากนั้น จึงผูกดวงชะตาในวันนั้นขึ้นใหม่ คำนวณหาว่า ในปีนั้น ดาวพระเคราะห์ดวงใดทำหน้าที่เป็นดาวประจำตัว สถิตอยู่ในเรือน หรือภพของดวงชะตาภพใด ให้คุณหรือให้ทุกข์โทษ สถานภาพของดาวพระเคราะห์แต่ละดวงเป็นอย่างไรโคจรตามปกติ หรือ วิกลคติ สถิตในราศีที่เป็นเกษตร ประเกษตร เป็นอุจจ์ เป็นนิจ ฯลฯ แล้วจึงพยากรณ์ไปตามนั้น การพยากรณ์ดวงเมืองไทยประจำปีก็เช่นเดียว วิธีการพยากรณ์แบบนี้ ตามหลักโหราศาสตร์สากลเรียกว่า “Progressed Astrology” โหราศาสตร์ฮินดู เรียกว่า “Varshaphal” และโหราศาสตร์ไทยโบราณเรียกว่า “ทินวรรษ”

ปี พ.ศ. 2554 (ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 23 เมษายน 2555) ผลการคำนวณปรากฏว่า ดาวอังคารเป็นดาวประจำเมืองประจำปี ดาวอังคารจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง และเมื่อได้ตรวจสอบกำลังของดาวอังคารตามหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดู (Vedic Astrology) แล้วสูงถึง 1.26 หน่วย ดาวอังคารมีความหมายถึง “ทหาร” จึงน่าจะพยากรณ์ว่า ทหารจะมีบทบาทสำคัญที่จะค้ำจูงการบริหารประเทศ สร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้แก่ประเทศ วิกฤตปัญหาสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในประเทศ หรือระหว่างประทศ รัฐบาลผู้บริหารประเทศจึงสมควรให้ความไว้วางใจ โดยไม่ต้องวิตกหวั่นเกรงว่า ทหารจะปฏิวัติ

ในปีนี้ มีสิ่งที่น่าสังเกตสมควรติดตามได้แก่ ดาวเสาร์ซึ่งกำลังโคจรถอยหลัง (พักร) อยู่ในราศีกันย์ (ภพที่ 9 ของดวงเมืองประจำปี มีความหมายเกี่ยวข้องกับกิจการต่างประเทศ การศาสนา กระบวนการยุติธรรม เกียรติยศชื่อเสียงของประเทศ) ทำมุมเล็งกับดาวพุธ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดีในราศีมีน กับทำมุมเบียนประมาณ 90 องศากับดาวพลูโตในราศีธนู จากคำพยากรณ์ที่ปรากฏอยู่ใน Vedic Astrology (เป็นวิชาโหราศาสตร์ฮินดูสาขาหนึ่ง) ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ดาวเสาร์ทำมุมเล็งกับดาวพุธ เจ้าชะตาจะต้องสูญเสียแผ่นดิน

ดังนั้นเมื่อนำความสัมพันธ์ของดาวพระเคราะห์ที่ได้กล่าวแล้วมาประมวลจึงเป็นที่น่าเป็นห่วงว่า เรากำลังจะสูญเสียแผ่นดินเพิ่มเติมตามคำพิพากษาของศาลโลกซึ่งกำลังจะพิจารณาคำร้องของประเทศกัมพูชาที่จะให้มีการทบทวนคำพิพากษาเดิมหรืออย่างไร? การที่ดาวเสาร์กำลังโคจรถอยหลังอยู่ในราศีกันย์ซึ่งเป็นเรือนที่ 9 ของดวงเมืองประจำปี (เป็นภพที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับกิจการต่างประเทศ การศาสนา กระบวนการยุติธรรม เกียรติยศชื่อเสียงของประเทศ) อิทธิพลของดาวเสาร์นี้จะส่งผลให้นโยบายต่างประเทศของเราประสบความล้มเหลว ทั้งยังจะได้รับคำพิพากษาของศาลโลกที่ไม่ยุติธรรม (ตัดสินด้วยความลำเอียง)

ดาวพุธนี้ยังมีความหมายอีกประการ คือ การปลุกระดมมวลชน และสถิตร่วมกับดาวอังคารในเรือน 4 (ภพเกี่ยวเหตุการณ์ภายในประเทศ) จึงเป็นไปได้ว่า ถึงแม้ว่าจะมีการยุบสภา มีการเลือกตั้งใหญ่ การบริหารประเทศโดยรัฐบาลใหม่ การปลุกระดมมวลชนโดยกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งการก่อความสงบใน 4 จังหวัดใต้ การกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายต่างๆ อาทิ การค้ายาเสพติดจะยังคงยืดเยื้อต่อไป ประกอบกับดาวพลูโตได้เข้ามาร่วมบทบาทอีกส่วนหนึ่งด้วยจึงทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

ดาวพฤหัสบดีซึ่งสถิตอยู่ในราศีกันย์มีความหมายคล้ายคลึงกับภพที่ 9 และมีความหมายอีกประการหนึ่งคือ ปูชนียบุคคลมีกำลังอ่อนแอ จึงมีความเป็นไปได้ว่า เรายังจะต้องสูญเสียปูชนียบุคคลอีกหลายท่าน

อนึ่ง เมื่อได้พิจารณาจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ที่สำคัญในดวงเมืองประจำปีนี้ จะเห็นว่า ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำเมืองสถิตอยู่ในราศีมีน เรือนที่ 4 ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับเหตุการณ์ภายในประเทศ ห้อมล้อมด้วยดาวศุภเคราะห์ต่างๆ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวพุธ และดาวศุกร์ แต่ถูกดาวเสาร์ที่กำลังโคจรถอยหลัง (พักร) อยู่ในราศีกันย์ทำมุมเล็งเป็นทุกข์โทษประมาณ 180 องศา เช่นเดียวกับดาวพุธ โชคดีที่ดาวศุกร์ซึ่งเป็นอุจจ์มีกำลังสูงถึง 1.16 หน่วย และมีเชิงมุมแตกต่างกับมุมเล็งของดาวเสาร์มากกว่า 8 องศา ดาวเสาร์จึงไม่สามาถเข้าเบียนเป็นทุกข์โทษได้

ทั้งดาวพฤหัสบดี และดาวพุธนั้น มีกำลังน้อยต่ำกว่า 1.0 หน่วย จึงไม่สามารถต่อสู้และคุ้มครองตนเองได้ จึงตกเป็นภาระหน้าที่ของดาวอังคารเท่านั้นที่จะต่อสู้กับดาวเสาร์ซึ่งมีกำลังน้อยกว่าได้ (ดาวเสาร์มีกำลัง 1.16 หน่วย) จึงสามารถพิชิตดาวเสาร์ได้ และน่าเบาใจได้ว่า เหตุการณ์ร้ายรุนแรงตามคำพยากรณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดเป็นจริง หรือหากเกิดขึ้นก็จะไม่ร้ายรุนแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น