...+

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

“ประพันธ์” แจงด่า “อัญชะลี” เหตุเจอเขียนใส่ร้ายบนเฟซบุ๊ก ยันไม่ทำพันธมิตรฯ แตก

“ปานเทพ” แจงอดีตแนวร่วมพันธมิตรฯ มีทิศทางต่างไม่มาม็อบก็เป็นสิทธิ์ ยันพยายามเลี่ยงพาดพิง “ประพันธ์” ปัดทะเลาะ “อัญชะลี” ทำพันธมิตรฯ แตก ชี้ ยืนอยู่คนละพวก อ้างถูกด่าใส่ความเท็จบนเฟซบุ๊ก จึงต้องโต้ตอบ ด้าน “ลุงจำลอง” ชี้ใครจะมาร่วม ไม่มาร่วม ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ยันไม่ส่งผลการชุมนุม

วันนี้ (12 เม.ย.) ที่สะพานมัฆวานฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวชี้แจงกรณีที่มีการโต้ตอบผ่านสังคมออนไลน์ และตามสื่อต่างๆ ของแกนนำพันธมิตรฯ กับอดีตแนวร่วมที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ โดยหลายฝ่ายมองว่า เป็นความแตกแยกกันภายใน ว่า ในการชุมนุมเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักชัดเจนในเรื่องอธิปไตยของชาติเป็นหลัก ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นประเด็นเรื่องปฏิรูปการเมือง เพราะเห็นว่าไม่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลไหนสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องดินแดนอธิปไตยได้ ซึ่งหากมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาต้องถือเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวของผู้ปราศรัย ที่ใช้สิทธิในการพูดต่อกรณีที่ถูกพาดพิงจากบุคคลภายนอกเท่านั้น เหมือนกับในรัฐสภาที่เมื่อมีผู้พาดพิงให้เกิดความเสียหาย บุคคลนั้นก็มีโอกาสชี้แจงในเรื่องที่ถูกพาดพิงได้

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแตกแยกกันภายในแกนนำ พันธมิตรฯนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า แต่ละคนมีทิศทางการตัดสินใจส่วนตนที่ไม่เหมือนกัน ใครจะตัดสินใจมาเข้าร่วมการชุมนุมหรือไม่ พวกเราไม่เคยตำหนิ เพราะถือเป็นสิทธิของตัวเอง ครั้งหนึ่งเคยร่วมงานกันก็เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ในกรณีเดียวเท่านั้นที่จะมีโอกาสถูกนำไปพูดบนเวทีจากการถูกพาดพิง เป็นการส่วนตัว ซึ่งปกติก็จะหลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็น เพราะไม่เป็นประโยชน์ในทิศทางหลักของเรา

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงกรณีการโต้ตอบกับ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก อดีตแนวร่วมพันธมิตรฯ ว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่พูดบนเวทีในเรื่องนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่เรื่องความแตกแยกภายใน เพราะปัจจุบัน น.ส.อัญชะลี รวมทั้งคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ร่วมในขบวนการเดียวกับพวกเราแล้ว เนื่องจากวันนี้เรามาสู้กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนก็ไปยืนอยู่ฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไป เช่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือ น.ส.อัญชะลี ก็ตาม จึงเป็นเรื่องความเห็นที่อยู่กันคนละส่วนกัน ส่วนประเด็นที่ตนถูกพาดพิงนั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ในความเป็นจริงไม่ควรพูดถึง แต่เนื่องจาก น.ส.อัญชะลี ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความที่ไม่สุภาพ และด่าทอให้ตนได้รับความเสียหาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดถึงเขาก่อนหน้านี้ ที่มีเพียงการตอบคำถามประชาชน ว่า เหตุที่คนกลุ่มนี้ไม่ขึ้นเวที เพราะได้ไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาลแล้ว

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การที่ น.ส.อัญชะลี ใช้ถ้อยคำด่าว่าตนในหลายเรื่อง อาทิ เป็นทนายปากไม่ดีบ้าง หรือมีความเลวมากมาย ซึ่งตนก็บอกเพียงว่า หากตนเลวมากขนาดนั้น ป่านนี้คงเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะคนเป็นนายกฯต้องเป็นคนที่เลวมาก ซึ่งความเลวที่ น.ส.อัญชะลี พยายามบอกก็ไม่ได้ระบุว่าเลวอย่างไร ต้องการให้เกิดความกำกวม และตนเสียหาย ทั้งยังพาดพิงถึงภรรยาตน อีกว่า ไม่รู้เรื่องที่ตนมาชุมนุมแล้วมีนารีอุปถัมป์ ทั้งหลายทั้งปวงนี้จึงเป็นสิ่งที่ตนต้องออกมาพูด เพราะเป็นการใส่ความอันเป็นเท็จ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น น.ส.อัญชะลี ก็น่าจะรู้ดี เมื่อเรื่องเหล่านี้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะตัวเธอเคยร่วมต่อสู้กับเรามาก่อน

“ผมจึงจำเป็นต้องออกมาตอบโต้ เพื่อปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี ชื่อเสียงของผมและครอบครัว หากไม่มีการพูดให้เสียหายอีกเรื่องก็จบ จึงขอยืนยันว่า เรื่องที่โต้ตอบกันนั้นไม่เกี่ยวกับความแตกแยกในกลุ่ม ในพันธมิตรฯยังมีเอกภาพดีอยู่ เพราะเป็นเรื่องของคนที่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว” นายประพันธ์ กล่าว

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมืง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ชุมนุมมาหลายครั้ง ก็ไม่ใช่ว่าผู้ที่ร่วมกับเราจะมาเข้าร่วมทุกสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นสิทธิของเขา ส่วนเราก็มีหน้าที่คิดว่าสิ่งที่เรามาชุมนุมนั้นผิดหรือไม่ ในกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ชัดเจนแล้วว่าเราไม่ผิด เพราะเป้าหมายการชุมนุมและสิ่งที่พูดออกมาทั้งหมดเป็นความจริงทั้งนั้น เพราะที่สุดรัฐบาลก็ยอมรับในสิ่งที่เราพูด กรณีที่แนวร่วมเดิมไม่มาร่วมกับเราก็เป็นเรื่องธรรมดา และยืนยันว่า ไม่ใช่ความแตกแยก ไม่ส่งผลกระทบให้พลังการต่อสู้ของเราลดลงเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น