...+

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

“ประพันธ์” อัด “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก รับนึกไม่ถึงจะเลวเกินจินตนาการ

“ประพันธ์” เผย ปชป.เลียนแบบ พธม. ตั้ง 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ สู้เสื้อแดง- ดิสเครดิต พธม. ลั่นเดินหน้าโหวตโน เล็งลงขอนแก่น 17 เม.ย.นี้ พร้อมซัด “เจ๊ปอง” ปั้นน้ำเป็นตัว กระชากหน้ากากตัวเองฆ่าตัวตายแท้ๆ เหน็บสู้แล้วรวยจริงจะหนีไปทำไม บอกไม่ต้องเกรงใจหากพูดไม่จริงแฉมาเลย





วันที่ 11 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นที่ภาคภูมิใจมากของบรรดาแม่ยก และขุนนางบางคน หลังปั้นรัฐบาลแหลขึ้นมากับมือ ในเมื่อบอกว่าเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุด ก็ขอให้คนที่ปั้นขึ้นมาช่วยให้รอดตายจากเงื้อมมือเสื้อแดงให้ได้ก็แล้วกัน

วันก่อนแกนนำเสื้อแดงยังปราศรัยก้าวร้าวต่อสถาบันเบื้องสูงเหมือน เดิม แม่ทัพที่อาสาจัดการขบวนการหมิ่นเบื้องสูง อย่าดีแต่พูด ช่วยโชว์ฝีมือหน่อย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ซึ่งบรรดาแม่ยกบอกว่าเก่งนักเก่งหนา ก็ควรออกมาสู้เอาเอง อย่างไรก็ดี เมื่อ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ไม่ปกป้องประชาธิปัตย์อีกต่อไป ทำให้นายอภิสิทธิ์กัดฟันสู้ไปตั้งแกนนำใหม่ขึ้นมา 5 คน ชื่อแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ เพื่อสู้กับเสื้อแดง ประกอบด้วย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายจิตรกร บุษบา, นางอัญชะลี ไพรีรัก, นายศิริโชค โสภา และนางกาญจนี วัลยะเสวี

นายประพันธ์กล่าวว่า แนวทางการชุมนุมของเราเป็นเรื่องปกติที่ย่อมมีกระแสต่อต้าน แต่แปลกแทนที่พวกออกมาต่อต้านจะเป็นคนฝั่งพรรคเพื่อไทย ชาติพัฒนา หรือเพื่อแผ่นดิน พวกนี้ไม่มีใครออกมาต่อต้านเลย กลับกัน พวกที่ออกมาต่อต้านเรากลายเป็นพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ แสดงว่ากลยุทธ์การชุมนุมของเราได้ผล สั่งสอนคนหลอกแดกตีกินได้ตรงเป้า ทำให้เขาถึงดิ้นรนตั้ง 5 แกนนำ ออกมาทำลายความน่าเชื่อถือของบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ

“แผนต่อไปเราจะเคลื่อนพลไปภาคต่างๆ ประเดิมขอนแก่นเป็นพื้นที่แรก วันที่ 17 เม.ย.2554 ที่โรงแรมโฆษะ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั้งที่โหวตโน และที่ไม่ประสงค์ใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้มารวมพลังล้างระบอบการเมือง แล้วสร้างการเมืองใหม่ที่เป็นความหวังของประเทศให้จงได้ เราจะไม่ทนอยู่กับการเมืองที่ล้มเหลวอีกต่อไป”

นายประพันธ์กล่าวถึงนางอัญชะลี ไพรีรัก ว่าความจริงไม่อยากพูดถึงเธอเลย วันก่อนนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย สั่งสอนไปเยอะแล้ว แต่ต้องพูดเพราะสังคมที่ไม่รู้ข้อมูลจะเข้าใจผิดตำหนิตนไปในทางที่เสียหาย ได้ จึงขอปกป้องตัวเองพอสมควรแก่เหตุ

จากข้อความที่เธอโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง ทำให้เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงเกินกว่าที่จะพูด ตนเคยบอกว่า “บางคนเคยขึ้นเวทีนี้ วันนี้ไม่ได้มาขึ้นแต่ไม่บอกความจริงว่าที่ไม่มาขึ้นเพราะอะไร เพราะญาติไปหากิน ค้าขายเปิดบ่อนที่กัมพูชา ก็เลยไม่กล้ามาขึ้นเวทีนี้ แต่ดันหลอกประชาชนว่าขอไปทำหน้าที่สื่อ ความจริงบอกกับพี่น้องตรงๆ เขาก็เข้าใจได้ ไม่จำเป็นต้องมาแหล” ถ้าไม่ตรงตามที่ตนพูด แทนที่เธอจะมาตอบอธิบายมาว่าไม่จริงอย่างไร กลับโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าตนเป็น “ทนายปากหมาใจต่ำ” สะท้อนวุฒิภาวะแยกผิดแยกถูกไม่ได้ นอกจากนี้ยังพยายามเสี้ยมให้แกนนำพันธมิตรฯ ทะเลาะกัน ลากคนที่ไม่รู้เรื่องเข้ามาเกี่ยว ซึ่งนางอัญชะลีโพสต์ข้อความต่อว่า “ให้ไปถามนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แล้วจะรู้ว่าทนายปากหมาขาสั่นคนนั้นเลวแค่ไหน ที่มันเหน็บดิฉัน เพราะดิฉันไม่ให้ค่ามัน ไม่ช่วยมันในวันที่หลอกประชาชนไปทำงานสนองตัณหาของมัน” คำพูดนี้ใครได้อ่านก็รู้แล้วใครใจต่ำ เพราะคำพูดของเธอมันต่ำยิ่งกว่าต่ำ ถ้าตนพูดไม่จริงอย่างไร ทำไมไม่เขียนมาในเฟซบุ๊กมาล่ะนางแหล ทำไมต้องไปยืมปากคนอื่นมาพูด

“เธอต่างหากที่หลอกประชาชน อยู่เวทีนี่ก็บอกเป็นพันธมิตรฯ ไปเวทีนู้นก็บอกอยากทำหน้าที่สื่อ ใครกันแน่พูดแหล พูดกลับไปกลับมา ทั้งนี้ใครจะให้ค่าใคร ไม่มีใครตีราคาตัวเองได้ นอกจากประชาชนจะเป็นผู้ประเมิน วันนี้ประชาชนประเมินค่าของคุณแล้ว เข้าไปดูในอินเทอร์เน็ตเลย คนที่แหลไปแหลมาใช้ไม่ได้ประชาชนที่นี่เขาไม่ต้องการ”

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นางอัญชะลีพูดประหนึ่งว่าตนมีผู้หญิงเลี้ยงดู ซื้อรถ ซื้อคอนโดฯ ให้ ถือเป็นความเลวบัดซบมาก คุณไม่รู้หรือว่าตนเป็นทนายมาเกือบ 30 ปี ทำไมไม่ไปถามเพื่อนของพ่อนายกฯ ว่าคดีมรดกหลายร้อยล้าน สำเร็จด้วยฝีมือใคร และคดีอื่นๆ อีกมากมาย อีกอย่างตนเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ เข้าทำงานก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ออกก็ต้องแจ้ง ไม่เหมือนคนบางคน ได้เงินมาไม่รู้งุบงิบเอาไปที่ไหนบ้าง ไม่มีทางรู้ได้เลย

“ถ้าเธอโง่ ไม่มีข้อเท็จจริง ก็ไม่ควรปั้นน้ำใส่ร้ายคนอื่น แล้วถ้าบอกว่าผมมาสู้ตรงนี้สู้แล้วรวยมีนารีอุปถัมภ์ แล้วทำไมไม่มาสู้ด้วยกัน จะได้มีบุรุษอุปภัมภ์ จะได้รวยด้วยกัน จะหนีไปทำไม ปองจ๋า เธอทำความผิดพลาดในชีวิตอย่างร้ายแรงแล้ว เธอฆ่าตัวเธอตายแล้ว เธอได้เผยโฉมหน้าตัวตนของเธอออกมาหมดแล้วด้วยการกระชากหน้ากากตัวเอง นึกไม่ถึงในชีวิตจะได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่เลวเกินจินตนาการ ทั้งนี้หวังว่าเธอจะหยุดพูด หากหยุดผมก็จะไม่พูดถึงอีก หากยังไม่ก็หยุดจำเป็นต้องใช้มาตรการต่อไป”

นายประพันธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเตือนนางอัญชะลี หากเลือกทางเดินชีวิตจะไปทำงานรับใช้ใครก็ไปเลย พวกเราไม่ว่า และจะมีคามสุขมากหากเธอได้ทำในสิ่งที่เธอเลือก ไม่จำเป็นต้องทำงานรับใช้ใครที่เป็นการปั้นน้ำเป็นตัว ใช้ความเท็จระรานคนอื่นโดยปราศจากความจริง ถ้าผมไม่มีความจริงอยู่กับตัว แล้วยืนซัดกับความชั่วอยู่ทุกวัน มีหวังเขาเหยียบผมตายไปนานแล้ว อย่างไรก็ดี ถ้ามีข้อมูลว่าผมมีความชั่วความเลวอะไรไม่ต้องเกรงใจ ว่ามาเลย เวทีนี้เราอยู่ได้เพราะพูดความจริง”

1 ความคิดเห็น:

  1. ก็น่าให้เขาอัดอ่ะน่ะ ไม่เข้าใจคนที่เจ๊ด่าคำนี้เลย เงินซื้อผีโม่แป้งได้

    ตอบลบ