...+

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

“เทพมนตรี” หวัง ผบ.ทบ.ทำได้มากกว่าเขียนคำอาลัย “พล.อ.ร่มเกล้า”

วันที่ 11 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวถึง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่สูญเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายคนเสื้อแดงว่า เราต้องเปลี่ยนบทบาท เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่ลืมง่าย แต่เรื่องนี้เราต้องไม่ลืม นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ บอกยึดหลักนิติรัฐ ถ้ามีเจตนาตามที่พูดจริงต้องหาคนที่ทำร้ายทหารให้ได้ และในที่สุดผ่านมา 1 ปี เรายังเห็นนักการเมืองเหมือนเดิม ปัญหาที่เกิดหากไม่ใช่ญาติพี่น้องตัวเองมักปล่อยให้เรื่องเงียบ

“อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนเอาผิดให้ได้ หากเอาผิดไม่ได้ คนสั่งการต้องรับผิดชอบ เห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอาคลิปมาโต้แย้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่ถามทีเถอะใครเป็นคนปล่อยพวกนี้ออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะนักการเมืองปล่อยเพื่อหวังไม่ให้ถูกฝ่ายตรงข้ามต่อต้าน ทั้งนี้แผนปรองดองจะเกิดได้ก็แต่เฉพาะกับคนดีเท่านั้น หากเป็นคนชั่วปรองดองอย่างไรก็ไม่สำเร็จ”

นายเทพมนตรีกล่าวอีกว่า บ้านเมืองเรามีหน่วยงานที่จะผดุงความยุติธรรมเยอะมาก แต่ความยุติธรรมยังไม่มี วันนี้ไม่มีนักการเมืองคนใดพยายามผดุงความยุติธรรม ในการนี้ได้ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เขียนคำอาลัยในหนังสืองานศพ พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งตนก็ไม่อยากให้เป็นเพียงการรำลึก สูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า หลังจากนั้นก็เงียบ พล.อ.ร่มเกล้าเป็นคนมีคุณค่า อย่าให้เขาเป็นแค่เหยื่อ

นายเทพมนตรีกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าเอกสารที่ตนจะนำเสนอเป็นเอกสารรวบรวมการเสียที่ดินตลอดแนวชายแดน ทั้งหมดว่าเราเสียไปแล้วเท่าไหร่ เผลอๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของ พล.อ.ร่มเกล้า โดยเฉพาะในส่วนของกองกำลังบูรพา โดยพรุ่งนี้เริ่มจากกองกำลังสุรนารี ซึ่งเสียมากที่สุด โดยฝีมือนักการเมืองยุคปัจจุบัน ที่สำคัญคนที่ดูกองกำลังสุรนารีอยู่ คือนายพลกุนเชียง หวังว่าเอกสารที่นำเสนอแล้ว ควรทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไปเหมือนที่ผ่านมา

“กรณี พล.อ.ร่มเกล้า ทหารคนคำสำคัญของกองทัพ มีความจงรักภักดี มีความรู้ความสามารถ ดังนั้น ผบ.ทบ.อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบ เพราะหากเงียบสิ่งที่ท่านเขียนไว้ก็จะเป็นเพียงแค่เศษกระดาษ”

ด้าน พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการรวมพลังปกป้องดินแดน กล่าวว่า เมื่อเดือน เม.ย. 2552 พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม คือบุคคลสำคัญในการคุมกำลังทหารไปยุติการชุมนุมคนเสื้อแดง ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยไม่มีการสูญเสีย แต่เหตุการณ์นี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามใส่ร้ายว่าทหารปฏิบัติการรังแกประชาชน ซึ่ง พล.อ.ร่มเกล้า ก็เป็นคนไปเก็บรวบรวมหลักฐานเอง แถลงยืนยันต่อคณะกรรมาธิการผู้แทนราษฎร ว่าการปฏิบัติการเป็นไปด้วยความละมุนละม่อม ไม่เป็นไปตามที่เสื้อแดงกล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชน ในที่นี้ ส.ส.เพื่อไทยที่ไม่พอใจคำชี้แจงได้โต้แย้ง พล.อ.ร่มเกล้า ว่าให้ความเห็นโบ้ยความผิดให้ นปช. ซึ่ง พล.อ.ร่มเกล้าได้ตอบว่า “ผมเป็นคนพูดตรงๆ ไม่เคยโบ้ยให้ใคร ผมเป็นทหารไม่ใช่นักการเมือง” นี่คือสิ่งที่ปรากฏชัดเจน

ตลอดเวลาการใช้ชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า พร่ำบอกภรรยาของเขาว่า “ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดิน รับใช้ราชวงศ์จักรี ราชบัลลังก์ แม้จะแลกด้วยชีวิต” นั่นแสดงว่าการปฏิบัติการเมื่อ เม.ย. 2552 เขามีปฏิบัติสอดคล้องกับจิตที่เขาตั้งมั่น ทั้งนี้ วันที่ 10 เม.ย. 2553 เสื้อแดงยังขับเคลื่อนในบริบทไม่ต่างจากชุมนุมปี 52 ผ่านมา 1 ปี ตนเชื่อ พล.อ.ร่มเกล้า ต้องปฏิบัติการภายใต้กรอบความคิดเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น