...+

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายพิเศษ 30 ปีกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน



สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ทรงบรรยายพิเศษ 30 ปีกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน - ร่วมกันสร้างโอกาสที่ดีกว่า เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์อันทรงคุณค่า พระราชปณิธานในการพัฒนาเด็กของพระองค์ และองค์ความรู้ในการทำงานของพระองค์ท่าน เมื่อ 31 มีนาคม 2554





- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายพิเศษ “30 ปีการพัฒนาเด็กและเยาวชน : ร่วมกันสร้างโอกาสที่ดีกว่า” ทรงห่วงเด็กด้อยโอกาสทางสังคม “เด็กยากจน-เด็กชนบทห่างไกล-เด็กไร้สัญชาติ-เด็กพิการ” ทรงย้ำการทำงานด้านการศึกษาครูเป็นกลไกสำคัญ ส่งเสริมผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการประชุมวิชาการเรื่อง “ทางสู่โอกาสที่ดีกว่า” เนื่องในโอกาสสามทศวรรษการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเรื่อง “30 ปีการพัฒนาเด็กและเยาวชน : ร่วมกันสร้างโอกาสที่ดีกว่า” เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ได้มีโอกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในถิ่นทุรกันดาร ได้บันทึกสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้รับรู้ถึงความจำเป็นและฐานะทางบ้าน ซึ่งภาพที่ติดในใจและไม่ได้เห็นภาพนั้นอีกแล้วคือ คนขาดสารอาหาร พอจบจากมหาวิทยาลัยจึงมองว่าคงต้องหาวิธีแก้ไขตามอัตภาพ โดยให้ปลูกพืชผักผลไม้ และได้เริ่มโครงการเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในปี 2523 จากนั้นกระทรวงศึกษาธิการได้นำมาขยายผลต่อร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวันในโรงเรียน ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาเด็กที่ขาดสารอาหารคือ การให้เด็กนักเรียนได้ปลูกพืชผักเป็นอาหารกลางวัน และขณะนี้ได้พยายามขยายผลต่อในโรงเรียนระดับชั้นมัธยมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ เติบโตสู่วัยผู้ใหญ่

สำหรับโครงการในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้มีการพัฒนาครูผู้สอนใน ตชด. และครูในชนบทห่างไกล โดยให้ครูผู้สอนเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือเรียนต่อปริญญาโท โดยเรียนผ่านระบบVDO Conference เพื่อให้ครูไม่ต้องเดินทาง นอกจากนี้ นักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียน ตชด.แต่มีใจอยากถ่ายทอดให้กับรุ่นน้องก็เข้ามาเป็นคุรุทายาท ปัจจุบันมีอยู่ 167 คน เป็นคนที่มีคุณภาพในการช่วยเรื่องการศึกษาต่อไป ซึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต นอกจากจะทำให้เด็กมีความรู้ทางวิชาการแล้ว การพัฒนาด้านวิชาชีพยังเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะในเด็กที่ไร้สัญชาติเมื่อจบการศึกษาแล้วไม่ได้ใบประกาศนียบัตร จึงต้องมีการพัฒนาอาชีพให้มีงานทำ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ชนบทห่างไกล เช่น ในกลุ่มไทยโส้ จ.สกลนคร และเด็กใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ จนในปี 2543 ที่มีภาคเอกชนและยูเนสโกมาช่วยกันพัฒนาจนเกิดศูนย์ชุมชนแม่ฟ้าหลวง และมาตั้งเป็นโรงเรียน ตชด. โดยให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะสอนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยจ้างครูผู้ช่วยซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาช่วยสอน และมีการพัฒนาให้ครูผู้ช่วยได้จบปริญญาตรี

“ทุกคนคงรู้จัก Child Center หรือการศึกษาที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางใน จ.ตาก ได้ให้ตำรวจตระเวนชายแดนไปสำรวจโรงเรียนในหมู่บ้านที่ห่างไกล ซึ่งพบว่ายังมีจึงได้ร่วมกับ กศน. สพฐ. และ ตชด. จัดการเรียนการสอนให้กับเด็กในพื้นที่ห่างไกล โดยดูที่ศักยภาพของเด็กว่าจะไปที่ไหนต่อได้ตามความสนใจ เช่น ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา หรือเรียนทางสายอาชีวะ ซึ่งเรียกว่าเอาคนเป็นศูนย์กลาง มองคนทุกคนมีความหมายสำหรับรัฐ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่มีการสอนหนังสือภาษาไทยให้กับนัก เรียน เพราะพบว่า ยังมีเด็กที่จบ ป.6 แต่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ พระอาจารย์จึงสอนเด็กเหล่านั้นให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและสอนในด้าน โภชนาการให้ถูกสุขลักษณะ”

สำหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ที่ในยุคสมัยใหม่ได้มีการสอนในหลักสูตรสายสามัญและมีการปรับปรุงให้เป็นระบบ ซึ่งพบว่าเด็กนักเรียนในพื้นที่ยังขาดสารอาหารอย่างรุนแรง จึงมีการจ้างเจ้าหน้าที่คอยติดตาม และพยายามหาสื่อต่าง ๆ มาช่วยเสริมในภาวะที่นักเรียนขาดเรียนจากปัญหาความไม่สงบ รวมถึงการขยายงานต่อให้ครอบคลุมเด็กที่ยังขาดโอกาสให้มากขึ้น ทั้งนี้ การทำงานด้านการศึกษาครูถือเป็นกลไกที่สำคัญที่ต้องมีความเข้าใจ และต้องทำงานร่วมกับหลากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กรมประมง และองค์กรปกครองท้องถิ่น เพราะเด็กและชุมชนถือเป็นหัวใจที่สำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น